ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 137 สถานการณ์ในชางโจว
บทที่ 137 สถานการณ์ในชางโจว
“พี่เหลียง เฉินเฟิงคนนี้ มีฐานะเป็นอะไรกันแน่? ” หลี่เสว่ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ ถ้าตอนนี้ยังมีคนเชื่อว่าเฉินเฟิงคือคนส่งอาหาร งั้นสมองก็คงเต็มไปด้วยอุจจาระแล้ว คนที่สามารถทำให้องค์รัชทายาทหยางไท่เรียกว่าคุณชายเฉินอย่างเคารพ จะเป็นคนส่งอาหารได้ยังไงกัน?
“เธอมาถามฉัน แล้วฉันจะถามใคร! ” สวีตงเหลียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร ตอนนี้ในใจของเขาก็กำลังขึ้นๆ ลงๆ อยู่ ยังไงแต่ก่อนเขาก็ทำเรื่องบาดหมางใจกับเฉินเฟิงไว้ ถ้าเฉินเฟิงจะคิดบัญชีดำกับเขา ต่อให้เขามีสิบชีวิตก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาตายได้ สำหรับฐานะของเฉินเฟิง เขาก็ได้คาดเดาไว้แล้ว สิ่งที่เป็นไปได้น้อยที่สุดก็คือเขาคือผู้ถือหุ้นของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงด้วย อีกอย่างยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ถ้าไม่งั้นหยางไท่ก็ไม่มีทางมีท่าทีแบบนี้กับเฉินเฟิง
“พี่เหลียง คุณชายเฉินคงไม่มาหาเรื่องเราใช่ไหม” หลี่เสว่ถามด้วยเสียงอ่อน ตอนนี้เธอไม่กล้าเรียกชื่อของเฉินเฟิงโดยตรง
สวีตงเหลียงแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรอ แต่ก่อนไปทำอะไรมา? ตอนนี้เธอดูถูกเหยียดหยามคุณชายเฉินอย่างรุนแรงที่สุด ถ้าคุณชายเฉินจะมาเรื่อง ก็คงต้องหาเรื่องเธอก่อน! ”
ประเด็นคือ หลังจากที่ออกจากคฤหาสน์หัวฉี เธอก็ยังไม่ได้หลาบจำ ระหว่างทางเธอกลับยังดูถูกเฉินเฟิงที่ไม่สามารถหาเงินหนึ่งล้านมาได้ ไม่มีปัญญาทำบัตรสมาชิกวีไอพี ตอนนี้พอนึกย้อนดูแล้ว ตัวเองโง่มากจริงๆ ใบหน้าของหลี่เสว่รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาทันที
เธอกลับด่าคนอื่นไม่สามารถหาเงินมาหนึ่งล้านต่อหน้าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง แล้วยังดูถูกคนอื่นว่าไม่มีปัญญาทำบัตรสมาชิกวีไอพีของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ต่อให้หัวสมองถูกประตูหนีบก็ไม่ควรทำแบบนี้
สวีตงเหลียงทำเสียงอันเย็นชาในลำคอ กลับไม่ได้พูดอะไรอีก ความเป็นจริงแล้ว คนอย่างพวกเขา ตอนนี้ก็เป็นปลาบนเขียงกันหมด จึงทำได้เพียงอธิษฐานภาวนาให้เฉินเฟิงอย่าคิดถึงพวกเขา ไม่อย่างงั้น พวกเขาคงไม่มีใครหนีรอดแน่นอน
หลังจากที่ส่งเสี้ยเมิ่งเหยาไปที่โรงพยาบาล เฉินเฟิงก็ได้โทรหาหลิวหวั่นเหมย จากนั้นก็ให้หลิวหวั่นเหมยมาจากชางโจว
ถึงแม้บาดแผลของเสี้ยเมิ่งเหยาดูๆ แล้วเหมือนจะไม่ค่อยหนัก ทว่าเฉินเฟิงก็ยังปฏิบัติกับเธออย่างระมัดระวังและให้ความสำคัญ หลิวหวั่นเหมยเป็นลูกศิษย์ของแพทย์แผนจีนซุนซีฉือ คนที่มีฝีมือทางการแพทย์ที่ล้ำกว่าเธอ ทั้งมณฑลเฉียนหนาน ก็คงมีแค่สามคนเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง หลิวหวั่นเหมยก็มาถึงโรงพยาบาล และเริ่มตรวจดูอาการบาดแผลของเสี้ยเมิ่งเหยา
บนเตียงผู้ป่วย เสี้ยเมิ่งเหยามีสีหน้าที่ขาวซีด สีหน้าของเธอดูกระวนกระวายมากๆ เฉินเฟิงที่กำลังมองเธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
หลังจากที่จัดการเรื่องของจินลิ่วอานเสร็จ ก็รีบส่งเสี้ยเมิ่งเหยากลับจินหลิง ในใจของเฉินเฟิงอยากจะพูดอะไรออกมา เขาสังเกตเห็นว่า แผ่นดินจินหลิงที่นี่ สำหรับเสี้ยเมิ่งเหยาแล้ว ก็คือสถานที่ที่อัปมงคล เสี้ยเมิ่งเหยามาจินหลิงแค่ไม่กี่วัน ก็ต้องเจอกับอันตรายที่ทำให้ถึงแก่ความตายมาสองครั้ง
เฉินเฟิงไม่เคยเชื่อเรื่องโหงวเฮ้ง ทว่าเพื่อเสี้ยเมิ่งเหยา เขายอมเชื่อหนึ่งครั้ง
“คุณชายคะ คุณผู้หญิงไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ แค่เพราะว่าถูกทำให้ตกใจมากเกินไป สองสามวันนี้คุณชายอยู่เป็นเพื่อนกับคุณผู้หญิงให้ดีๆ ก็พอค่ะ” หลิวหวั่นเหมยพูดด้วยความเคารพ
“งั้นก็ดี” เฉินเฟิงพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “สถานการณ์ทางฝั่งชางโจวตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว? หานหลงพวกเขายังปลอดภัยดีไหม? ”
“คุณชายคะ สถานการณ์ของชางโจวปลอดภัยดี ท่าทีของหานหลงก็ตามกฎระเบียบมาโดยตลอด ไม่ได้ล้ำเส้นอะไรเลย ทว่าตระกูลเสี้ย……” หลิวหวั่นเหมยที่กำลังจะพูดก็หยุดพูดไป
“ไม่เป็นไร น้าเหมย พูดมาตามตรงเลย! ” เฉินเฟิงขมวดคิ้ว
“คุณชายคะ เสี้ยฉี่ชาวสองพ่อลูกพอเห็นคุณผู้หญิงออกจากชางโจว ก็เริ่มเข้ามาแทรกแซงโปรเจคของยู่ฉวนซาน แล้วเอางานไซต์ก่อสร้างไม่กี่จุดของโปรเจคยู่ฉวนซาน คิดเป็นเงินห้าล้านต่อหนึ่งจุด จากนั้นก็ได้จ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างของท้องถิ่น บริษัทอสังหาริมทรัพย์พวกนี้ ส่วนมากไม่มีบัตรอนุญาตการก่อสร้าง และการก่อสร้างที่ผ่านมา การดำเนินการก่อสร้างจึงได้แอบตัดลดวัสดุค่ะ”
เฉินเฟิงแสยะยิ้มขึ้น เป็นจริงอย่างที่คาด เสี้ยฉี่ชาวและเสี้ยห้าว ทั้งสองพ่อลูกนี้เป็นสุนัขที่ยังคงกินอุจจาระไม่เปลี่ยน เขากับเสี้ยเมิ่งเหยาจากชางโจวมาไม่กี่วัน ทั้งสองพ่อลูกนี้ก็นั่งไม่นิ่ง แล้วเริ่มเอาโปรเจคยู่ฉวนซานมาสร้างผลพลอยได้แล้ว
ถ้าพูดตามปกติ ถ้าอยากจะรับเหมาก่อสร้างโปรเจคยู่ฉวนซาน ทุกๆ จุดของไซด์งานอย่างน้อยต้องงบสิบล้าน แม้กระทั่งยี่สิบล้านยังถือว่าไม่ได้กล่าวเกินไป ทว่าเสี้ยฉี่ชาวกลับตายในราคาที่ต่ำไปแค่ห้าล้าน ทำให้เห็นว่าพวกเขากำลังร้อนใจ เพราะว่าถ้าเสี้ยเมิ่งเหยากลับไป ต้องไม่มีทางให้พวกเขารับเหมาออกไปในราคานี้แน่นอน
อีกอย่างการขายราคาต่ำยังเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ไม่มีบัตรอนุญาต ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายู่ฉวนซานจะต้องพังพินาศขนาดไหน
“ทางฝั่งหลินจงเหว่ย เป็นเพราะไม่ได้รับคำสั่งที่ชัดเจนจากคุณชาย ดังนั้นจึงไม่ได้ขัดขวางสองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวค่ะ” หลิวหวั่นเหมยพูดขึ้นต่อ
เฉินเฟิงพยักหน้า ยังไงหลินจงเหว่ยคือคนของตระกูลเฉิน ไม่ใช่คนของเขา เรื่องนี้ แน่นอนว่าคงไม่สามารถออกหน้าออกตาทั้งหมดได้ แต่ว่าในใจของเฉินเฟิงรู้ดี แค่สองพ่อลูกเสี้ยฉี่ชาวยังไม่มีความล้านั้นพอ เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง ต้องได้รับการตอบตกลงจากเสี้ยหยุนเสิ้งแน่นอน
ดูๆ แล้วเสี้ยหยุนเสิ้งไอ้แก่เจ้าเล่ห์นี่คงจะอยู่ไม่สงบแน่นอน แล้วยังต้องถือโอกาสเรื่องนี้ไปทดลองกับความอดทนของตัวเอง เฉินเฟิงจึงอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มอย่างเย็นชา ก็ดี รอให้ฉันไปชางโจว จะให้แกรู้ซึ้งว่าความอดทนของฉันมันมีขีดจำกัด!
หลิวหวั่นเหมยจากไปไม่นาน เสี้ยเมิ่งเหยาก็ฟื้นแล้ว
พอเห็นเฉินเฟิงอยู่ข้างเตียงแล้วกำลังมองเธออย่างอ่อนโยน เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกแสบจมูกขึ้นมาทันที หางตาจึงเต็มไปด้วยน้ำตา “อื้อๆ เฉินเฟิง ฉันนึกว่าฉันจะไม่ได้เจอคุณแล้ว…….”
แค่เธอต้องฝ่าฟันกับความตายมา เธอถึงจะรู้ว่า บนโลกนี้คนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือใคร
ตอนที่หมาป่าดำพุ่งเข้าตัวเอง ในสมองของเสี้ยเมิ่งเหยามีเรือนร่างของคนๆ หนึ่งโง่ขึ้น ไม่ใช่หลินหลัน ไม่ใช่เสี้ยเว่ยกั๋ว กลับเป็นเฉินเฟิง
เธอสามารถเผชิญกับความตายด้วยใจที่นิ่งสงบ ทว่าเธอไม่มีปัญญาไปเผชิญกับเรื่องที่ต้องเสียเฉินเฟิงไป
“ไม่เป็นไร มันก็ผ่านไปหมดแล้ว” เฉินเฟิงกอดเสี้ยเมิ่งเหยาไว้แน่นๆ จากนั้นก็ตบไหล่ของเสี้ยเมิ่งเหยาแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
และในตอนนี้ สวีเฟยหรงก็รีบมาที่นี่ พอเห็นเสี้ยเมิ่งเหยาไม่เป็นไร เธอจึงรู้สึกโล่งอก
“เฉินเฟิง คุณดูแลเมิ่งเหยายังไง?! ” สวีเฟยหรงจึงถามอย่างใส่หัวและใส่หน้าโครมๆ มาจินหลิงแค่ไม่กี่วัน เสี้ยเมิ่งเหยาเพิ่งจะถูกหยานชุนเหมยตบหน้า วันนี้ยังถูกโยนเข้ามาในเขตเลี้ยงหมาป่าดำ และศพเกือบจะเข้าไปอยู่ในท้องของหมาป่า จึงทำให้สวีเฟยหรงไม่โกรธได้ยังไง สวีเฟยหรงที่เพิ่งจะมีทัศนคติที่ดีกับเฉินเฟิง ผ่านไปแค่เวลาสั้นๆ เท่านั้นกลับจางหายไปหมด
“ความผิดของผมเอง ผมประมาทเกินไป” เฉินเฟิงยอมรับด้วยความนิ่งเงียบ สำหรับท่าทีของสวีเฟยหรง เฉินเฟิงไม่ได้สนใจ แม้กระทั่งยังรู้สึกดีใจแทนเสี้ยเมิ่งเหยา เพราะว่าสวีเฟยหรงไม่เหมือนเพื่อนจอมปลอมอย่างหวังเจียเมิง เธอเป็นห่วงเสี้ยเมิ่งเหยาจากใจจริงจริงๆ
“เฟยหรง นี่ไม่ใช่ปัญหาของเฉินเฟิง……” เสี้ยเมิ่งเหยายิ้มอย่างขมขื่น เธอไม่คิดจะโทษเฉินเฟิงจริงๆ เพราะว่าหลายวันมานี้คนที่ได้เจอ ก็คงเป็นคนที่มีจิตที่แปลกประหลาด หนึ่งคนคือหยานชุนเหมย อีกคนคือตู้จื่อเยว่ ผู้หญิงที่มีจิตใจอำมหิตแบบนี้ สำหรับคนธรรมดามากมาย แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เจอะเจอ ทว่ากลับเป็นเธอที่ต้องเจอในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ทุกอย่างกลับเป็นเธอที่ต้องเจอ
“อะไรไม่ใช้ปัญญาของเขา? เขาเป็นสามีของแก ผู้ชายของแก เขาปกป้องแกไม่ใช่เรื่องที่ปกติหรือไง! ” สวีเฟยหรงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ทว่าในใจของเธอกลับรู้ดี เรื่องสองเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฉินเฟิงเลยสักนิด ถึงแม้เฉินเฟิงไม่ได้ปกป้องเสี้ยเมิ่งเหยาดีๆ ทว่าคนที่ทำร้ายเสี้ยเมิ่งเหยาพวกนั้น เฉินเฟิงไม่เคยปล่อยไปสักคน