ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 148 ลอยกระเด็น
บทที่ 148 ลอยกระเด็น
“ไม่มีใครกล้าขึ้น?” จางซานเย่าเลิกคิ้วถาม ศิษย์สถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันทำไมแหยแบบนี้?
สีหน้าซูเห้าหรันไม่สู้ดีนัก ถึงจะเดาได้แต่แรกว่าการประลองในวันนี้ต้องพ่ายแพ้ แต่ไม่คิดว่าจะแพ้ได้ราบคาบแบบนี้
แค่จางซานเย่าคนเดียวก็ทำศิษย์สถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันทั้งหมดหมอบราบคาบ จนไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย
ซูเห้าหรันถอนหายใจ เตรียมเอ่ยปากยอมแพ้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องสู้ต่อแล้ว ความมุ่งมั่นของสถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันโดนทำลายไม่เหลือแล้ว”
“ผมขึ้นเอง”
แต่ตอนนี้เองกลับมีเสียงเกียจคร้านเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา ซูเห้าหรันชะงักพลางกลืนคำยอมแพ้ลงคอไป
ทั้งหมดหันไปมอง ก็เห็นว่าคนพูดเป็นชายหนุ่มสีหน้ายิ้มละไม
“ทำไมเป็นเจ้านี่?” ศิษย์สถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันตะลึง ทางสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังไม่รู้จักเฉินเฟิง แต่พวกเขารู้ เมื่อครึ่งชม.ก่อนนี่เอง เฉินเฟิงยังโอ้อวดว่าจะมาหาเรื่องจินลิ่วอาน คอนั้นพวกเขานึกว่าเจ้านี่ประสาทไปแล้ว
ดูท่าเฉินเฟิงจะบ้าไปแล้วจริงๆ เห็นจางซานเย่าโหดร้ายขนาดนี้แล้ว ยังไม่รีบหนีไป กลับจะออกหน้ารับศึกจางซานเย่า
“คุณอา อาจะขึ้นไปจริงหรอ?” ซูหลิงยู่อ้าปากค้างตะลึง เธอรู้สึกดีกับเฉินเฟิงไม่น้อยเลย ก่อนนี้ที่ให้เขาช่วย แค่อยากให้เขาแข่งแทนเฝิงหยวน เพิ่มเปอร์เซ็นต์ชนะให้กับสำนักตนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ฝีมือคนสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังกลับเหนือล้ำสำนักเธอไปมาก แค่จางซานเย่าคนเดียวก็ทำจอมยุทธ์ของเราล้มไปกองแล้ว
เวลานี้ทางเลือกที่ดีที่สุดของเฉินเฟิงควรจะเอาตัวรอด รีบยอมแพ้โดยดี ไม่ใช่ขึ้นไปประลอง เพราะต่อให้เขาชนะจางซานเย่าได้ ก็ยังมีอีกสี่คนรออยู่ นอกเสียจากว่าเฉินเฟิงจะชนะสี่คนรวด?
แต่มันเป็นไปได้หรอ?
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
เพราะต้วนหงกับฉางชิงต่างก็เก่งกว่าจางซานเย่ามากนัก โดยเฉพาะต้วนหงเป็นระดับกลางหมิงจิ้ง เฉินเฟิงจะเอาอะไรไปสู้!
“ฉันไม่ขึ้นไป คงมีคนต้องไปเป็นแรงงานที่แอฟริกาแล้วล่ะ” เฉินเฟิงยิ้มล้อ ที่จริงเขาไปสู้กับจินลิ่วอานเลยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาเล่นกับตัวเล็กๆอย่างจางซานเย่า แต่การฆ่าจินลิ่วอานเลยดูไม่สนุกเท่าไหร่ เขาอยากให้เจ้านั่นเซอร์ไพร์สสักหน่อย
ซูหลิงยู่หน้าแดง พลางว่า: “คุณอา ที่จริงอาไม่ต้องขึ้นหรอก ฉันเตรียมใจแพ้ไว้แล้วล่ะ”
การเตรียมใของเธอคือไปแอฟริกา เธอไม่ได้คาดหวังในตัวเฉินเฟิงจริงๆ ให้เฉินเฟิงเอาชนะคนสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังด้วยตัวเขาคนเดียว ยากกว่าขึ้นสวรรค์อีก
เฉินเฟิงยิ้ม ไม่พูดอะไร
ซูหลิงยู่ยังรู้สึกผิดอยู่ เฉินเฟิงต้องขึ้นประลองเพราะเธอแท้ๆ เกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?
“คุณอา คุณอามั่นใจแค่ไหนว่าจะชนะ?” ซูหลิงยู่อดถามไม่ได้ ถ้าเปอร์เซ็นต์ชนะของเขาไม่สูงล่ะก็ เธอจะดึงเขาลงเวทีเอง
เฉินเฟิงชะงักไปหน่อยก่อนพูด: “ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ร้อยเปอร์เซ็นต์?
ซูหลิงยู่สะอึก เวลาแบบนี้แล้วยังมีแก่ใจล้อเล่นอีก
คนอื่นยิ่งอ้าปากค้าง เจ้านี่บ้าหรือเปล่า? มาเต็มร้อยอีกแน่ะ
ซูเห้าหรันส่ายหัวเลย เดิมเขายังแอบหวัง พอเฉินเฟิงพูดแบบนี้ เขาหมดหวังแล้ว
เฉินเฟิงมาแนวโอ้อวดเกินจริงเน้นๆ
“พี่เห้าหรัน เพื่อนลูกสาวพี่คนนี้น่าสนใจดีนะ” จินลิ่วอานยิ้มขำ นานแล้วที่ไม่ได้เจอคนสติไม่ดีแบบนี้
ซูเห้าหรันมุมปากกระตุก เขาอยากบอกว่าเฉินเฟิงยังอยากประลองกับนายแน่ะ แต่เขากลืนคำพูดที่ติดรีมฝีปากลงไป เพราะตอนนี้เฉินเฟิงถือเป็นคนของเขา
จากนั้นเฉินเฟิงขึ้นเวทีประลอง
“เจ้าหนู โอหังนักนะ” จางซานเย่าแค่นเสียงหยัน ขนาดลูยวนยังไม่กล้าบอกมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะชนะเขาเลย แต่เฉินเฟิงกลับกล้า
นี่มันไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยชัดๆ
“ผมแค่พูดตามความจริงเท่านั้นเอง โอหังยังไงล่ะ?” เฉินเฟิงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย จอมยุทธ์ระดับหั้วจิงอย่างเขาให้มาสู้กับจอมยุทธ์ระดับต้นหมิงจิ้ง ถ้าสู้ไม่ได้เขาคงเอาเต้าหู้ตีหัวตัวเองแตกไปแล้วล่ะ
พูดตามจริง?
จางซานเย่าแทบสะอึก ดี! ดีมาก!
ให้แกพูดตามจริง!
จางซานเย่าสายตาเป็นประกายวูบหนึ่ง วินาทีต่อมาเขายกหมัดชกไปที่เฉินเฟิงอย่างแรงดุจระเบิดปรมาณู
แต่เฉินเฟิงกลับยืนนิ่งเหมือนตกใจช็อคไปแล้ว
พอเห็นอย่างนั้น ศิษย์สถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันอดถอนหายใจไม่ได้ นั่นไง ประสาทไปแล้วจริงๆด้วย
“เจ้าโง่นี่ สถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันไปหามาจากไหนเนี่ย?
“ไม่รู้ ดูไม่ใช่จอมยุทธ์ด้วยซ้ำ ฉันว่าหมัดนี้ของศิษย์พี่คงชกเขาตายแน่เลย”
“คนสถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันประสาทหรือเปล่า หาคนธรรมดามาประลอง ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คนของสมาคมวิทยายุทธจะหาเรื่องพวกเราได้นะ”
ศิษย์สถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังพากันวิพากษ์วิจารณ์ พวกต้วนหงกับฉางชิงพากันหาวหวอดๆ เตรียมลุกขึ้นจากไป ในสายตาพวกเขาแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะประลองหลังจากนี้แล้ว
สิ่งที่รอเฉินเฟิงอยู่มีเพียงอย่างเดียว คือโดนจางซานเย่าชกกระเด็น และไปอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน
“ปึ้ง”
บนเวทีเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
จากนั้นทั้งหมดก็เงียบกริบ!
เงียบจนแม้เข็มตกสักเล่มคงได้ยิน
พวกต้วนหงกับฉางชิงที่หมุนตัวเดินไปไม่กี่ก้าวตะลึง ทำไมรู้สึกบรรยากาศแปลกๆล่ะ?
เวลานี้คนสำนักเขาน่าจะกู่ร้องไชโยให้กับชัยชนะของสำนักในปีนี้สิ
ทำไมพวกเขาเงียบแบบนี้ล่ะ?
ทั้งคู่หมุนตัวกลับมา ก่อนเบิกตาโพลง
บนเวที เฉินเฟิงยืนนิ่งไม่เป็นอะไร ส่วนจางซานเย่าที่พวกเขาตั้งความหวังไว้สูง เวลานี้กลับหายไปไม่เหลือแม้แต่เงา
ใช่ จางซานเย่าหายไปแล้ว!
แต่เส้นขอบสนามบนเวทีกลับโดนกระแทกเป็นรูปตัวคน!
ต้วนหงกับฉางชิงหันมาสบตากัน และเห็นแววตกใจในสายตาอีกฝ่าย ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า วินาทีที่พวกเขาหันหลังไม่มองนั้น เฉินเฟิงชกจางซานเย่ากระเด็นออกไป!
ชกกระเด็น!
นอกจากคำนี้แล้ว ทั้งคู่ไม่รู้จะบรรยายสภาพตอนนั้นของจางซานเย่ายังไง
เพราะเวทีประลองมีขนาดราวห้าสิบเมตร แต่ตอนนี้จางซานเย่ากลับหายไปจากเวทีประลอง และไปโผล่ที่พื้นนอกเวทีไกลจากนี้ราวสิบเมตร อีกทั้งสลบไม่ได้สติ
โดนชกกระเด็นไปไกลราวสามสิบกว่าเมตร!
นี่มันความสามารถน่ากลัวอะไรกันเนี่ย?!
ทั้งคู่ตกใจมาก ยังไงจางซานเย่าก็เป็นจอมยุทธ์ระดับต้นหมิงจิ้งนะ เฉินเฟิงชกเขายังไงแค่หมัดเดียวแล้วกระเด็นไปไกลสามสิบกว่าเมตรเนี่ย?