ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 155 เฉินอิงโร
บทที่ 155 เฉินอิงโร
แต่ใครจะรู้ว่า หลังจากนั้นทั้งตระกูลตู้ข่าวเงียบสนิท ถึงกับมีข่าวลือออกมาว่า ตู้คังหลิงประกาศว่า ถ้าต่อไปคนตระกูลตู้ทั้งหมด เจอคนแซ่เฉิน ให้เดินอ้อมไป ห้ามหาเรื่องเด็ดขาด
ถ้าบอกว่า การที่เฉินเฟิงหักมือของไป๋กว่างยี่กับหยางชิงเป็นข่าวที่ทำให้หลายตระกูลใหญ่ในจินหลิงตกใจกันแล้วล่ะก็ งั้นครั้งนี้ที่เขาฆ่าสองพี่น้องตู้จื่อถึง แล้วตระกูลตู้ไม่กล้าล้างแค้น มันทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ในจินหลิงตกใจกันมากจริงๆ
นั่นน่ะตระกูลตู้นะ!
ตระกูลตู้ถือเป็นหัวโจกในตระกูลระดับสองของจินหลิงเลยทีเดียว ต่อให้พวกตระกูลอันดับหนึ่งอย่างตระกูลหยาง ตระกูลตู้ก็กล้าไปหาเรื่องได้
แต่ใครเลยจะรู้ว่า พอมาอยู่ต่อหน้าคนร้ายกาจแซ่เฉินคนนี้ ทายาทสายตรงตระกูลตู้โดนฆ่า ตระกูลตู้กลับไม่ล้างแค้น อีกทั้งยังบอกคนในตระกูลให้เดินอ้อมหนีถ้าเจอคนแซ่เฉินซะอีก
เรื่องนี้มันน่ากลัวมากจริงๆ
แค่พริบตาเดียว วงสังคมของจินหลิงก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว
คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงกลายเป็นเขตหวงห้ามของเหล่าคุณหนูคุณชายมีชื่อทั้งหมด บางตระกูลถึงกับประกาศออกมาว่า ถ้าคนในตระกูลกล้าไปคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง หรือหาเรื่องกับคนแซ่เฉิน จะจับหักขาทิ้งซะ!
กลัวแล้ว!
หลายตระกูลกลัวกันแล้ว!
นี่ยังอยู่สถานการณ์ที่ว่าหยางไท่ปิดบังฐานะเฉินเฟิงไว้ ถ้าหยางไท่ไม่ปิดบังฐานะเฉินเฟิงล่ะก็ งั้นพวกตระกูลพวกนี้คงได้ตกใจหัวใจวายตายกันแน่
ผู้สืบทอดตระกูลเฉินแห่งยันเจียง!
ฐานะนี้เพียงพอทำให้ตระกูลอันดับหนึ่งสองสามของจินหลิงหลายตระกูลหัวใจวายตายได้
ดูจากท่าทีตระกูลตู้ก็รู้แล้ว
ตอนนี้ทั่วทั้งจินหลิง คนที่รู้ฐานะของเฉินเฟิงมีแค่ตระกูลหยางกับตระกูลตู้ หยางไท่ไม่พูดอยู่แล้ว ส่วนตระกูลตู้นั่นคือไม่กล้าพูด ถ้าพูดก็เท่ากับหาเรื่องโดนล้างโคตร
แต่ถึงไม่มีใครพูด หากมีตระกูลสูงและอายุมากพอดูพอคาดเดาได้
เหมือนกับตระกูลจ้าว เฉินเฟิงไม่คิดว่า ตระกูลจ้าวที่แข็งแกร่งจะยอมปล่อยพ่อแม่สวีเฟยหรงแบบไม่มีเหตุผล
ตระกูลจ้าวต้องเดาอะไรออกได้แน่ ถึงยอมถอยให้
การจองเวรกับคนร้ายกาจซึ่งอาจจะเป็นสืบทอดตระกูลเฉินแห่งยันเจียงเพื่อคนตายคนหนึ่ง มันดูไม่คุ้มเลย
“ในเมื่อพวกเขายอมปล่อยคนเอง งั้นผมก็ไม่ต้องเหนื่อยวิ่งไปแล้วล่ะ” หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เฉินเฟิงพูดขึ้นมา ตระกูลจ้าวยอมปล่อยคน เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่มันเป็นเรื่องดี เขาเลยขี้เกียจคิดมาก
เฉียวเสี่ยวโย่วพยักหน้าอีก ก่อนจะมองเฉินเฟิงอย่างลังเล เหมือนอยากพูดอะไร แต่ไม่กล้าพูดเลยกลืนคำนั้นลงไป
“ยังมีอะไรอีก?” เฉินเฟิงขมวดคิ้วถาม ท่าทีเหมือนอยากพูดอะไรแต่ไม่กล้าของเฉียวเสี่ยวโย่วดูแปลกตา ไม่เหมือนนิสัยเธอเลย
“นายน้อยเฉิน มีเรื่องหนึ่งค่ะ แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี?” เฉียวเสี่ยวโย่วทำท่าลังเล
“เกี่ยวกับตระกูลเฉิน?” เฉินเฟิงยิ้มบางถาม เรื่องที่สามารถทำให้เฉียวเสี่ยวโย่วลังเลแบบนี้ มีแต่เรื่องของตระกูลเฉินเท่านั้นแหละ
ตระกูลเฉิน? เฉียวเสี่ยวโย่วอดสะท้านวูบในใจไม่ได้ ความสัมพันธ์ของเฉินเฟิงกับตระกูลเฉินนั้นไม่ใช่อะไรแบบที่เธอคิด ตามปกติแล้วเฉินเฟิงน่าจะพูดว่าเรื่องที่บ้าน มากกว่าจะเป็นตระกูลเฉิน
ตระกูลเฉิน ฟังยังไงก็ดูห่างเหิน
ถึงจะตกใจ แต่สีหน้าเฉียวเสี่ยวโย่วกลับเรียบเฉยไม่เปิดเผย
“ใช่ค่ะ นายน้อยเฉิน” เฉียวเสี่ยวโย่วพยักหน้าบอก: “คุณหนูรองไม่พอใจมากกับเรื่องที่นายน้อยเฉินทำหลายวันนี้ บอกว่านายน้อยเฉินอาศัยชื่อตระกูลเฉินทำกร่างด้านนอก และทำตระกูลเฉินขายขี้หน้า”
คุณหนูรอง?
เฉินเฟิงหรี่ตาลง เขารู้ดีว่าคุณหนูรองที่เฉียวเสี่ยวโย่วว่าคือใคร
คุณหนูรอง ชื่อเต็มว่าเฉินอิงโร เป็นลูกสาวของเฉินเจี้ยนซานซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงรองของเขา เขามีลำดับที่สองในบ้าน เลยได้คำเรียกคุณหนูรองมา
เฉินอิงโรไม่กินเส้นกับเขาตั้งแต่เด็ก ชอบนำทีมคนตระกูลเฉินคนอื่นมารังแกเขา
มีครั้งหนึ่งเฉินเฟิงจำได้แม่นมากคือ ฤดูหนาวตอนเขาเก้าขวบ เขากำลังเล่นอยู่ริมทะเลสาบ และไปชนเธอเข้าโดยไม่ตั้งใจ เฉินอิงโรก็ให้คนผลักเขาตกทะเลสาบทันที
น้ำทะเลสาบอุณหภูมิลบสิบกว่าองศานำเอาความเย็นเยือกเสียดกระดูกและความรู้สึกใกล้ขาดใจมาให้ เฉินเฟิงไม่มีวันลืมความรู้สึกนั้นตลอดชาตินี้
ครั้งนั้นเป็นครั้งหนึ่งที่เขาใกล้ความตายมากที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนช่วย เขาคงแข็งตายในทะเลสาบนั่นไปแล้ว
แต่ต่อให้มีคนช่วยขึ้นมา เขายังคงต้องพักผ่อนราวครึ่งปีถึงจะฟื้นฟูแข็งแรงขึ้นมาได้ใหม่
ตามหลักแล้ว เฉินอิงโรเกือบจะฆ่าเขา ตระกูลเฉินควรจะสั่งสอนเฉินอิงโรซะบ้างวิ
แต่ต่อมา ตระกูลเฉินกลับไม่ได้ตำหนิติเตียนเฉินอิงโรเลยสักคำ แต่กลับย้อนถามเขาว่า ทำไมต้องไปโดนเฉินอิงโร ถ้าเขาไม่ระวังชนเฉินอิงโรจนตกทะเลสาบไปจะทำยังไง
และครั้งนั้นเองที่ทำให้เฉินเฟิงรู้แน่ชัดว่า ชีวิตของเขาเป็นแค่ขยะในสายตาคนตระกูลเฉิน
เขาโดนเฉินอิงโรผลักตกทะเลสาบเกือบตาย แต่คนตระกูลเฉินกลับสนใจแค่ว่า ทำไมเขาต้องไปชนเฉินอิงโร
หลังจากผ่านเรื่องนั้นมา เฉินเฟิงเลยรักษาระยะห่างกับคนตระกูลเฉินมาโดยตลอด
ส่วนเฉินอิงโรไม่เพียงไม่รู้สึกผิดเลย กลับยิ่งรังแกเขาหนักข้อขึ้น
เหตุด้วยแม่ยังอยู่ที่ตระกูลเฉิน ทำให้เฉินเฟิงไม่ถือสาหาความเฉินอิงโรมากนัก ตอนนั้นเขาเองเริ่มฝึกยุทธ ได้รู้จักกับเซียวกั่วจงและเรียนรู้หลักการมากมาย
ถ้าไม่สามารถอดทนอดกลั้นจะทำงานใหญ่ไม่ได้ คำนี้เขาโดนพร่ำข้างหูทุกวัน
ทนไปๆก็ทนไปสิบสามปีมาแล้ว
สามปีก่อนเขาออกมาจากตระกูลเฉิน และไม่ต้องทนเฉินอิงโรอีก
แต่ไม่คิดเลยว่า วันนี้เฉินอิงโรจะตามมาหาเรื่องเขา พอได้ยินคำบอกกล่าวจากเฉียวเสี่ยวโย่ว เห็นได้ชัดว่ายังอยากหาเรื่องเขาอยู่
เฉินเฟิงสายตาส่อประกายเย็นชา เฉินอิงโร ครั้งนี้ฉันจะไม่ทนเธออีกแล้ว
“เมื่อไหร่เฉินอิงโรจะมา?” เฉินเฟิงถามเสียงเย็นชา เขารู้ดีว่า เฉินอิงโรไม่ใช่คนเก่งแต่ปาก เธอชอบทำมันจริงๆมากกว่า อย่างเช่น ไม่ชอบหน้าเขา ก็เลยผลักเขาตกทะเลสาบซะเลย
ครั้งนี้เธอไม่พอใจเขา และคงไม่ใช่แค่ด่าอยู่ที่บ้านสองสามคำแน่ คงจะวิ่งมาหาเรื่องเขาถึงที่นี่เลยมากกว่า
“อาทิตย์หน้าค่ะ” เฉียวเสี่ยวโย่วลอบมองเฉินเฟิงก่อนบอก ดูท่าเฉินเฟิงแล้ว เห็นได้ชัดว่ารู้จักนิสัยเฉินอิงโรดี สงสัยเมื่อก่อนคงมีเรื่องกับเฉินอิงโรบ่อยแน่
ในเวลาเดียวกันเธอยิ่งไม่เข้าใจหนักขึ้น
สถานการณ์ตระกูลเฉินตอนนี้มันซับซ้อนยิ่งนัก
ตามหลักแล้ว ตอนนี้เฉินเฟิงเป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่ง เฉินอิงโรน่าจะไม่ควร และไม่กล้ามาหาเรื่องเฉินเฟิง แต่เฉินอิงโรกลับมา
เหมือนกับว่า ฐานะผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของเฉินเฟิงเป็นของปลอมอย่างนั้นแหละ
แต่เฉินจงเป็นพ่อบ้านตระกูลเฉิน เขาไม่น่าจะหลอกเธอเรื่องนี้สิ
มันแสดงให้เห็นว่า ในตัวเฉินเฟิงน่าจะยังมีความลับอื่นอีกที่คนอื่นไม่รู้
ถึงจะมีศักดิ์เป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉิน แต่กลับไม่ได้รับการกระทำที่เทียบเท่ากับฐานะนี้
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เฉียวเสี่ยวโย่วรู้ดีว่า ตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเรื่องนี้
คนอื่นพากันคิดว่าเธอเป็นราชินีนักธุรกิจที่อยู่หอคอยสูงลิ่ว แต่มีเพียงตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้ดีว่า เธอเป็นพนักงานที่ตระกูลเฉินชุบเลี้ยงมา ถ้ากล้าทำอะไรให้ตระกูลเฉินไม่พอใจ แค่คำเดียวก็ปลดเธอออกได้แล้ว