ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 161 ตอน ขอโทษ
บทที่ 161 ตอน ขอโทษ
เฉินเฟิงเดินลงรถก่อน เพื่อเปิดประตูรถให้เสี้ยเมิ่งเหยา
เสี้ยเมิ่งเหยาก้าวลงจากรถ มายืนหยุดอยู่ตรงหน้าประตูคฤหาสน์
เสี้ยเมิ่งเหยานิ่งไปชั่วครู่ เฉินเฟิงเองก็หยุดนิ่ง แล้วยืนมองอยู่ด้านหลังของ เสี้ยเมิ่งเหยาอย่างเงียบๆ
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา แล้วว่าเสี้ยเมิ่งเหยาชื่นชอบคฤหาสน์ที่นี่มากขนาดไหน แต่งงานกันมา 3 ปี
เสี้ยเมิ่งเหยาคิดถึงยู่ฉวนซานอยู่เสมอ เธอบอกว่ารอมีเงิน จะมาซื้อบ้านไว้ที่ยู่ฉวนซานสักหนึ่งหลัง ในทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา ได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์ ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยู่ฉวนซานด้วย
เมื่อก่อนเฉินเฟิง มีที่ต้องเหตุผลที่ต้องออกจากบ้านตระกูลเฉิน ทำให้เขาไม่มีปัญญาพอที่จะทำให้ความฝันของเสี้ยเมิ่งเหยาเป็นจริงได้
แต่ตอนนี้ เขาสามารถที่จะรับเสี้ยเมิ่งเหยามาอยู่ที่นี่ได้อย่างสง่าผ่าเผย เพื่อทำให้เสี้ยเมิ่งเหยาเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด
“เฉินเฟิง บ้านหลังนี้…เป็นของเราจริงเหรอ?”
ทั้งที่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว แต่เสี่ยเมิ่งเหยาก็ยังไม่อยากจะเชื่อ น้ำเสียงของเธอสั่นเทาเฉินเฟิงยิ้ม แล้วเดินมาข้างๆเสี้ยเมิ่งเหยา พร้อมกับยื่นกุญแจใส่มือเธอ: “บ้านหลังนี้เป็นของเรา ถ้าเธอไม่เชื่อ เธอก็ลองเปิดดูสิ”
เสี้ยเมิ่งเหยาหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปที่หน้าประตู เธอตื่นเต้นมาก จนทำให้ฝ่ามือเธอ เต็มไปด้วยเหงื่อ
กุญแจถูกสีกันอยู่นาน ถึงได้ถูกเสียบไขเข้าไป
“ลองดูซิ ว่าจะเปิดเข้าได้หรือเปล่า”เสียงเฉินเฟิงกระซิบขึ้นเบาๆที่ข้างหู
“ อืม” เสี้ยเมิ่งเหยาพยักหน้าเบาเบา
หลังจากนั้นก็บิด
เปิดออกแล้ว !
เปิดได้แล้วจริงๆด้วย !
ในขณะที่ประตูถูกเปิดออก หัวสมองของเสี้ยเมิ่งเหยาเต็มไปความว่างเปล่า แม้แต่ยืนเธอรู้สึกยืนไม่มั่นคงเล็กน้อย
เฉินเฟิงเดินมาที่ข้างหลัง กอดไปที่เอวของเธอเบาๆ เธอถึงดึงสติกลับมาได้
หลังจากผลักเปิดประตูออก สิ่งที่เห็นคือ การตกแต่งแบบมินิมอลโดยมีสีขาวดำเป็นโทนหลัก
ไม่หวือหวา และก็ไม่ได้อลังการมากไป
ห้องดูสะอาด สบาย เรียบง่ายและดูอบอุ่น
“ชอบหรือเปล่า?” เฉินเฟิงถามขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม เสี้ยเมิ่งเหยาเคยบอก เขาว่าชอบการตกแต่งบ้านสไตล์ที่เรียบง่าย เขายังจำคำพูดของเธอได้เสมอ
ดังนั้นเมื่อเขาให้เสิ่นหงชังมาตกแตกคฤหาสน์หลังนี้ เขาก็ได้เชิญนักออกแบบชาวอังกฤษมาออกแบบตกแต่งบ้านแบบสไตล์เรียบง่ายโทนขาวดำ
เสี้ยเมิ่งเหยา พยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเธอแดงก่ำ
เดินเพียงไม่กี่ก้าว ก็ถึงห้องรับแขก
ผนังในห้องรับแขก มีรูปภาพ ขนาดยาวเกือบหกเมตร
หญิงสาวในภาพแต่งงาน เป็นหญิงที่สวยมากแทบจะพูดได้ว่า สวยที่สุดในแผ่นดินเลยก็ว่าได้
แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะสวยสักเพียงใด รอยยิ้มบนรูปภาพถ่ายดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจนัก มันเป็นรอยยิ้มบนริมฝีปากเล็กน้อยที่ฝืนยิ้มออกมา
ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆหญิงสาวนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไป ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข แต่ก็เหมือนเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มบางๆ
เจ้าของรูปภาพแต่งงาน ก็คือเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยา
นั้นคือรูปแต่งงานของทั้งสองคนเมื่อปีสามปีที่แล้ว ตอนนั้น เสี้ยเมิ่งเหยาจะรู้สึกดีกับเฉินเฟิง แต่ความรู้สึกดีนี้ ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะยอมแต่งงาน
แต่ในเวลานั้นเสี้ยเว่ยกั๋วก็ดูเหมือนจะชื่นชอบเฉินเฟิง และเร่งรีบ อยากให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน
เพราะงั้น งานแต่งของทั้งสอง ถึงได้จัดขึ้นมาแบบกะทันหัน
รูปภาพแต่งงานในตอนนั้น เสี้ยเมิ่งเหยาเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับสตูดิโอที่ถ่ายภาพ ที่เธอหามาเลย
หลังจากที่ได้รับรูปมา เสี้ยเมิ่งเหยาก็เก็บไว้ที่ใต้เตียง ขนาดแขวนไว้ในห้องนอน เธอก็ยังจะขี้เกียจที่จะแขวน
ถ้าเกิดไม่เห็นในวันนี้ เสี้ยเมิ่งเหยาก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เฉินเฟิงยังเก็บรูปแต่งงานไว้ตลอดเวลา แล้วยังเอามาแขวนไว้ที่นี่ ทันใดนั้น เสี้ยเมิ่งเหยาก็รู้สึก แปลบๆ หน่วงๆแน่นๆโหวงๆบริเวณหัวใจ จมูกก็เริ่มรู้สึกแสบขึ้นมาเล็กน้อย
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอติดค้างเฉินเฟิงอะไรอีกมากมาย โดยเฉพาะตระกูลเสี้ย ที่แทบไม่มีใครมองว่าเฉินเฟิงเป็นคนเลย
แต่เฉินเฟิง ก็ไม่เคยถือโทษโกรธเธอเลย แต่กลับค่อยเป็นห่วงเป็นใยเธออยู่ห่างๆ ดูแลเธออย่างเงียบๆ เห็นอกเห็นใจเธอ
เมื่อเทียบกับเธอแล้ว กลับทำให้ เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรที่จะเป็นภรรยาของเขาเลย
“ขอโทษนะ เฉินเฟิง” จู่ๆน้ำตาของเสี้ยเมิ่งเหยาก็ไหลออกมาไม่หยุด ราวกับไข่มุกที่แตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“จะขอโทษทำไม?” เฉินเฟิงตกใจ ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยาพูดว่าขอบคุณเขายังพอเข้าใจ แต่ทำไมกลับขอโทษ
เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้อธิบาย แต่กลับมองไปที่รูปที่แขวนบนฝาผนัง “เฉินเฟิง เอารูปนี้ ลงมาเถอะ”
“เอาลงมาทำไม?” เฉินเฟิงยิ่งสับสนใหญ่
“อืม เอาลงมา” เสี้ยเมิ่งเหยาก็พูดขึ้น ด้วยความหนักแน่นว่า “เรามาถ่ายรูปแต่งงานกันใหม่เถอะ”
เธอต้องการที่จะช่วยชดเชยให้กับเฉินเฟิง โดยเริ่มจากที่ภาพถ่ายแต่งงานนี้ก่อน
“ก็ได้ ถ่ายก็ถ่ายใหม่”เฉินเฟิงยิ้มอย่างดีใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเสี้ยเมิ่งเหยา แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธเสี้ยเมิ่งเหยา
“เฉินเฟิง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ให้ฉันขอโทษ แต่วันนี้ยังไง ฉันก็อยากจะขอโทษ”
“สามปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยทำหน้าที่ที่ดีของภรรยาเลย”
“แต่นาย กลับเป็นสามีที่ดีที่สุด นายอดทนต่ออารมณ์ของฉัน อดทนต่อความไร้เหตุผลของแม่ฉัน และยังอยู่ในที่ฉันไม่มองเห็น แล้วยังทำงานหนักเพื่อครอบครัวของเรา ”
“แต่ฉัน…ฉันกลับเอาบ่น เวลาอารมณ์ไม่ดีก็มาลงที่นาย”
“ฉันมันไม่คู่ควรที่จะเป็นภรรยาของนายเลย”
“ ขอโทษนะ เฉินเฟิง ขอโทษจริงๆ โปรดยกโทษให้ฉันได้ไหม?”
เสี้ยเมิ่งเหยาสำลัก ใบหน้าของเต็มไปด้วยหยดน้ำตา
เฉินเฟิงยื่นมือออกมา เช็ดน้ำตาบนใบหน้าสวยๆของเสี้ยเมิ่งเหยาเบา ๆ และพูดเบา ๆ ว่า: “ ยัยบ๊อง ถ้าเธอยังไม่คู่ควรที่จะเป็นภรรยาฉัน บนโลกนี้ก็คงไม่มีใครคู่ควร ที่จะเป็นภรรยาฉัน แล้วเธอก็ไม่เคยทำผิดต่อฉัน”
” สามปีก่อน ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงตายไปแล้ว”
“คนที่ต้องขอโทษก็คือฉัน ฉันต้องเป็นคนที่ต้องพูดขอโทษ เพราะสามปีผ่านมานี้ฉันไม่เคยทำให้เธอมีความสุขเลย ทั้งที่เธอควรที่จะมีชีวิตเหมือนเจ้าหญิง แต่เพราะฉัน สามปีผ่านมานี้เธอถึงได้ถูกคนดูถูกหัวเราะเย้ย เธอเอง ก็ลำบากไม่น้อยไปกว่าฉัน”
“ไม่ ! ฉันไม่ลำบาก!” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดขัดจังหวะ “ ฉันมีความสุขมาก”
“มีความสุขมาโดยตลอด!”
เสี้ยเมิ่งเหยาพูดเสร็จก็พุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของเฉินเฟิง แล้วเขย่งขาขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากแดงที่อ่อนโยนจูบที่ริมฝีปากของเฉินเฟิง
สัมผัสที่เยือกเย็น สมองของเฉินเฟิงว่างเปล่าชั่วขณะ สูญเสียความคิดไป
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เสี้ยเมิ่งเหยาเดินจากไปด้วยใบที่หน้าแดง
เฉินเฟิงยังคงตะลึง นิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อนึกถึงสัมผัสที่เยือกเย็นและหอมหวานในขณะนั้น
เสี้ยเมิ่งเหยาวิ่งไปที่ห้องน้ำ แล้วมองดูใบหน้าที่แดงในกระจก รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว
เปิดก๊อกน้ำ แล้วล้างไปที่ใบหน้า ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย
“นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรก ที่ตัวเองเป็นคนเริ่มจูบเฉินเฟิง” หัวใจของเสี้ยเมิ่งเหยานั้นเต้นรัวและเต้นแรงมาก เมื่อก่อนอย่าแต่เรื่องจูบเลย ถ้าเธอไม่ได้เป็นคนเริ่ม เฉินเฟิงแม้แต่มือเธอเขายังไม่จับด้วยซ้ำ
ไม่ใช่เพราะว่าเฉินเฟิงไม่ชอบเธอ แต่เป็นเพราะเฉินเฟิงนั่นแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ไม่เคยคิดที่จะริเริ่ม เธอกับเฉินเฟิงแต่งงานกันมาสามปียังไม่เคยเข้าห่อ เฉินเฟิงไม่ริเริ่มเขาก็คงมีเหตุผลของเขา