ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 163 ความลับแตก
บทที่ 163 ความลับแตก
“คฤหาสน์หลังนี้….ความจริงใช้เงินไปไม่กี่บาท” เฉินเฟิงบอกปัดกล่าวไป
“ไม่กี่บาท?”ใบหน้าเสี่ยเมิ่งเหยาเต็มไปด้วยความสงสัย ราคาคฤหาสน์หลังนี้ อย่างน้อยก็ สามร้อยล้านหยวน ในสายตาของเฉินเฟิงเงิน สามร้อยล้านหยวนไม่ใช่เงินเหรอ?
คิดไปคิดมา เฉินเฟิงก็ตัดสินใจสารภาพความจริงออกไปซื้อไปห้าสิบล้าน
“ห้าสิบล้าน?”เสี้ยเมิ่งเหยาอุทาน ห้าสิบล้าน ก็ไม่ต่างให้ฟรี?!
เฉินเฟิงพยักหน้า แล้วถาม:“เสิ่นหงชังเธอรู้จักมั๊ย?”
“นายหมายถึง นายรู้จักเสิ่นหงชัง?”เสี้ยเมิ่งเหยาตอบกลับมาอย่างรวด ชื่อเสียงของเสิ่นหงชังเธอเคยได้ยินมาบ้าง ชายหนุ่มที่ร่ำรวยที่สุด และพื้นทียู่ฉวนซาน พื้นที่ที่ขาของเธอเหยียบอยู่ถูกสร้างโดยเขา และเขาก็ยังมีส่วนร่วมในการลงทุนโครงการที่ยู่ฉวนซานด้วย
พูดได้ว่า อยู่ที่เมืองชางโจว คุณไม่รู้ว่าใครเป็นผู้นำได้ แต่คุณไม่รู้จักเสิ่นหงชังไม่ได้
ถ้าเฉินเฟิงรู้จักกับเสิ่นหงชัง งั้นตัวตนของเฉินเฟิง…..
ตระกูลเฉิน!
เสี้ยเมิ่งเหยาสมองเหมือนกับ ฟ้าผ่าลงกลางใจ
เฉินเฟิงมีความสัมพันธ์กับตระกูลเฉิน!
ชั่วขณะ ใบหน้าของเสี้ยเมิ่งเหยาก็ซีด
ลงอย่างมาก
เห็นท่าทางของเสิ้ยเมิ่งเหยาแล้ว เฉินเฟิงถึงกลับถอนหายใจ ไม่ช้าไม่เร็ว ยังไงวันนี่ก็มาถึง แต่พอมาถึงจริง เขาก็ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับมันยังไง
จากนั้น เฉินเฟิงก็ยังเป็นคนเริ่มพูดก่อน:”ฉันเป็นคนของตระกูลเฉิน”
“อืม” เสิ้ยเมิ่งเหยาพยักหน้าเบาๆ
“โครงการบ้านพักตากอากาศยู่ฉวนซาน ฉันก็เป็นคนลงทุน”
เฉินเฟิงรู้ดีว่า ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยารู้ว่าเขาเป็นใคร เรื่องหลายอย่างก็คงปิดเป็นความลับไม่ได้ต่อไปแล้ว
“อืม”เสี้ยเมิ่งเหยาพยักหน้า ความจริง เฉินเฟิงไม่ต้องพูด เธอก็พอจะรู้
ตอนแรกเธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวหลายอย่าง แต่ตอนนี้ เธอรู้แล้ว
หลินจงเหว่ยไม่ใช่เพื่อนของเฉินเฟิง แต่เป็นลูกน้องของเฉินเฟิงต่างหาก
เธอขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบโครงการยู่ฉวนซานได้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเสี้ย แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเฉินเฟิง
แล้วยังมีรถ Koenigsegg ตอนนั้นเฉินเฟิงขับมารับเธอ เธอยังคิดว่าเป็นรถที่เช่ามา ดูเหมือนว่าตอนนี้ เธอจะไร้เดียงสาไปเลย
และยังมีเมื่ออยู่ที่เมืองจินหลิง เฉียวเสี่ยวโย่วและหยางไท่ท่าดูเคารพต่อเฉินเฟิง…..
วันนี้ ทุกอย่าง คลี่คลายหมดแล้ว
เธอน่าจะรู้เร็วกว่านี้
“ขอโทษนะ” เฉินเฟิงหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าว เขาก็ยังคงบอกเรื่องราวทั้งหมด ให้กับเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้
เขาเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเฉิน และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เรื่องนี้ เขาบอกกับเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้
เพราะว่า เรื่องพวกนี้ มันหนักหนาเกินไป สำหรับเสี้ยเมิ่งเหยา
เขาแบกรับไว้คนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เสี้ยเมิงเหยามาเกี่ยวข้อง
เสิ้ยเมิ่งเหยาส่ายหัวแล้วพูดว่า : “ไม่ต้องขอโทษ นายไม่ได้ทำอะไรผิดต่อฉัน “
เฉินเฟิงไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอ แต่เธอ รับไม่ได้ที่เฉินเฟิง เป็นคนของตระกูลเฉิน
เธอไม่รู้เลยว่าเฉินเฟิงมีปัญหาอะไร
แต่เฉินเฟิง ถึงได้ปิดบังเธอมาสามปี
ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ทุกคนเยาะเย้ย คิดว่าผู้ชายของเสิ่นเมิ่งเหยา เป็นแมงดาเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน ไร้ความสามารถ
แต่วันนี้ ผู้ชายคนนี้กับเป็นคนที่บอกกับเธอเอง
เขา เป็นคนของตระกูลเฉินแห่งยันเจียง
เขาเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของจีน ซึ่งเป็นสมาชิกของตระกูลเฉินแห่งยันเจียง!
แล้วที่เขาอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเสี้ยมาสามปีคืออะไร? การแสดง? หรือคือการเรียนรู้ชีวิต? เสี้ยเมิ่งเหยาไม่กล้าคิด และไม่อย่าจะคิด
“เรา…..ห่างกันอยู่สักพักเถอะ” เสิ้ยเมิ่งเหยากล่าวอย่างใจเย็น
“ได้ ” เฉินเฟิงหายใจเข้าลึกๆแล้วพูด เขารู้ดี เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเสี้ยเมิ่งเหยา เสี้ยเมิ่งเหยาก็ต้องใช้เวลา สงบสิติอารมณ์ เพื่อตัดสินใจความสัมพันธ์ของพวกเขา
“ช่วงเวลานี้ เธอก็พักอยู่ที่นี่ละกัน มีเรื่องอะไร โทรหาฉันได้นะ” เฉินเฟิงถอนหายใจ แล้วลุกขึ้น
หลังจากเดินไปที่ประตูเฉินเฟิง ก็หยุดและพูดว่า: “เมิ่งเหยา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันจะอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังเอง”
“วันนั้น คงอีกไม่นาน!”
“อืม”เสี้ยเมิ่งเหยาพยักหน้าเบาๆ
หลังจากที่เฉินเฟิงเดินออกไป เสิ้ยเมิ่งเหยาจะเพิ่งรู้ตัวว่า ใบหน้าของเธอนั่น เต็มไปด้วยน้ำตา
เธอเป็นผู้หญิงที่รักในศักดิ์ศรี แต่เพื่อเฉินเฟิงแล้ว เธอพร้อมที่จะละทิ้งศักดิ์ทั้งหมด สามปีที่ผ่านมา เธอมีโอกาสมากมาย ที่จะเดินออกจากชีวิตของเฉินเฟิง มีโอกาสเจอคนที่ดีกว่าเฉินเฟิงคนที่พร้อมและคู่ควรมากกว่า
แต่เธอก็ไม่ไป
ไม่ว่าคนอื่นจะพูดว่าเฉินเฟิงเป็นแมงดา ไร้ความสามารถ แต่ก็เธอเชื่อมั่นว่า เฉินเฟิงเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก
วันนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว เธอคิดถูกแล้ว
เฉินเฟิงไม่ใช่แมงดา
แต่เธอคิดผิดแล้ว
เธอเชื่อมั่นในตัวของชายหนุ่มมาตลอดสามปี แต่ชายหนุ่มกลับปิดบังตัวตนของเขาตั้งแต่เริ่มแรก
นี่คือสิ่งที่ปมอยู่ในใจของเธอ
หากเธอสามารถแก้ไขปมนี้ได้ นั่นแปลว่า เรื่องของเธอกับเฉินเฟิง ได้สิ้นสุดลงแล้วหลังจากที่ออกมาจากคฤหาสน์ เขารู้สึกหนักหน่วงไปหมด
สามปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ความสัมพันธ์ ของเขากับเสี้ยเมิ่งเหยาแย่ขนาดนี้
ตระกูลเฉิน!
ดวงตาของเฉินเฟิงเย็นชาเล็กน้อย เพราะว่าตระกูลเฉิน!
หากไม่มีการทำร้ายจากตระกูลเฉิน เขาก็คงบอกความจริงอย่างตรงไปตรงมากับเสี้ยเมิ่งเหยาไปแล้ว ทั้งสองก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้
แต่ตระกูลเฉินก็เหมือนกับดาบที่ ห้อยไว้บนหัวเขา ทำให้เขาพะวงหน้าพะวงหลังเวลาที่จะทำอะไร
เขาจะต้องมีความแข็งแกร่งในการปกป้องตัวเองโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะความยากลำบากกับเสิ้ยเมิ่งเหยาในครั้งนี้ได้ แต่ในครั้งต่อ เขาอาจไม่สามารถรอดไปได้
ขณะนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำให้แข็งแกร่งได้เร็ว ก็คือครองเมืองชางโจว! เฉินเฟิงคิดอย่างเคร่งครึ่ง
ก่อนหน้านี้เขายังไม่แข็งแกร่ง เขามักอ่อนน้อมถ่อมตน พยายามทำให้ตัวเอง ไม่เป็นที่น่าดึงดูดสนใจของตระกูลเฉิน
ดังนั้นเฉินเฟิงไม่ได้ จงใจพิชิตกองกำลังสำคัญในเมืองชางโจว
กู้ตงเชิน กับหานหลง ก็เขาเป็นคนปราบปราม
หลังเดินทางไปเมืองจินหลิงครั้งนี้ เฉินเฟิงก็เข้าใจแล้ว ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะนอบน้อม เพราะตระกูลเฉินก็ได้ให้ความสนใจที่เขา
ในเมื่อไม่สามารถอ่อนน้อมถ่อมตนได้ ถ้าอย่างนั้นเฉินเฟิงก็จะไม่นอบน้อมอีกต่อไป
แต่คราวนี้ เขาตั้งใจจะครองเมืองนี้ และครองเมืองชางโจว!
ในการสร้างฐานกำลังของเขาที่เมืองชางโจว อย่างก็น้อยก็ทำให้ตระกูลเฉิน เกรงกลัว
ไม่ใช่เพราะการกระทำความผิดอย่างกำเริบ!
ถึงตอนนี้เอง เฉินเฟิงจะหยิบมือถือออกมา แล้วส่งข้อความให้ หานหลงกับกู้ตงเชิน และ จางตงเฉิน
เนื้อหาในข้อความง่ายๆ
อีกหนึ่งชั่วโมง เจอกันที่โรงแรมจุนเสิ้ง!
ครั้งนี้ เฉินเฟิงไม่ได้ยืมมือของตระกูลเฉิน เพื่อมาสร้างฐานกองกำลังที่สำคัญในเมืองชางโจว
แต่เขาตั้งใจจะใช้กำลังของตัวเอง
รอบนี้ ถ้ากู้ตงเชินกับหานหลง ผ่านการทดสอบนี้ไป ทั้งสองคนก็จะเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว
สายญี่ปุ่น อาจยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่เขาจะฝึกให้ทั้งสองเป็นสายตรงของเขาเอง