ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 274 ถึงเวลาจริงๆ ก็คงจะมีทางออกเอง
บทที่ 274 ถึงเวลาจริงๆ ก็คงจะมีทางออกเอง
“คุณตอบตกลงหรือยัง?” เฉินเฟิงขมวดคิ้วขึ้น กลับถึงไม่ถึงตระกูลโห้จะไปหาเสิ่นหงชัง
“ยังไม่ตอบตกลงได้ยังไง?” เสิ่นหงชังคลายยิ้มขมขื่น ผู้นำที่มีอำนาจในเมืองและคุณหนูรองของตระกูลโห้ออกหน้าพูดขึ้น ความมีเกียรติของพวกเขา เขาไม่กล้าไม่ให้เกียรติแบบนี้
ถึงแม้ตระกูลเสิ่นจะเป็นเศรษฐีระดับต้นๆ อยู่เมืองชางโจว และมีผลกระทบหลายๆ ด้าน ทว่าถ้าเทียบกับตระกูลโห้แล้วก็คงไม่มีอะไรที่เทียบติด
ต่อให้ตอนนี้ ตระกูลโห้จะมีอิทธิพลอำนาจเล็ก ไม่ได้มีเกียรติกลับแต่ก่อน และต้นตระกูลของพวกเขาก็มีจากมณฑลเจียงเป่ย มณฑลเจียงเป่ยออกหน้าออกตาต้อนรับตระกูลโห้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนระดับข้าราชการใหญ่ของแผ่นดินไปต้อนรับอยู่แล้ว
นี่แหละคือความแตกต่างของพวกเขา
“คุณชายเฉินมีปัญหาอะไรกับตระกูลโห้ครับ? ” เสิ่นหงชังลองถามขึ้นดู
“มีปัญหานิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น” เฉินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธ แน่นอนว่าเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธไปได้ ถ้าเสิ่นหวงชังอยากรู้ ก็ไปสืบหาง่ายๆ ก็รู้เอง
“ฮ่า? ” เสิ่นหงชังอ้าปากกว้าง เขาแค่ถามไปง่ายๆ นึกไม่ถึงว่าเฉินเฟิงและมีความเคียดแค้นกับตระกูลโห้ด้วย
“ตระกูลโห้มีคนป่วยหนักหรือเปล่า? ” เฉินเฟิงถามขึ้น ตระกูลโห้ซื้อยาสมุนไพรมากขนาดนี้ แล้วยังจ้องจะเอาบัวหิมะซินเจียง หลายๆ ท่าทีที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ภายในตระกูลโห้ ต้องมีบุคคลสำคัญใดบุคคลสำคัญหนึ่งเกิดปัญหาอะไรแนนอน ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะได้บัวหิมะซินเจียงที่เป็นยาวิเศษที่ช่วยชุบชีวิตให้อยู่ต่อ
“อืม ได้ยินโห้หงเย้นบอก คุณท่านโห้หงชิวเป็นโรคร้าย เกรงว่าคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นาน ดังนั้นช่วงเวลานี้ มีลูกน้องของตระกูลโห้มากกว่าออกจากเกาะก๊าง และได้ออกจากไปตามหาหมอดังไปทั่วทุกที่ และตามหาสมุนไพรยาด้วย” เสิ่นหวงชังพูดขึ้น
เฉินเฟิงผงกหัวเล็กน้อย ไม่น่าล่ะลูกน้องของตระกูลโห้ถึงได้กระวนกระวายขนาดนี้ โห้หงชิวเป็นกิ่งก้านกิ่งสำคัญของตระกูลโห้ เขาคนเดียวก็มีทรัพย์สินอยู่ในมือประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นด์ แค่คำเดียวของเขา ก็สามารถตัดสินใจทายาทที่จะได้เป็นแกนนำของตระกูลโห้แล้ว
หลังจากที่วางสายลง เฉินเฟิงก็จับหว่างคิ้วของตัวเอง แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันท้าทายเขาเล็กน้อย
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ตระกูลโห้ต้องเอาบัวหิมะซินเจียงให้ได้ เพราะว่าสำคัญมากๆ
กลับไม่ใช่เพราะว่าเฉินเฟิงกลัวตระกูลโห้ ทว่าเฉินเฟิงกำลังครุ่นคิด นี่มันคุ้มค่าไหม
ไหนๆ ตระกูลโห้ไม่ได้เหมือนตระกูลเติ้งตระกูลซูนที่เป็นตระกูลเล็กๆ แบบนี้ ตระกูลโห้ก็ถือว่าเป็นตระกูลต้นๆ อย่างแท้จริง
ถ้ามองไปทั่วหวาเซี่ย ตระกูลโห้ก็ถือว่าเป็นติดอันดับที่สามสิบ
ตระกูลมีทรัพย์สินห้าหกแสนล้าน อีกอย่างยังมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้สองท่านคอยนั่งอยู่
ในเกาะก๊าง เขาได้ทำศัตรูที่มีอำนาจเก่งกาจกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เฉินเฟิงส่ายหัว แล้วในสมองก็เกิดความคิดซับซ้อนขึ้นมา จากนั้นก็ล้มตัวลงไปนอน ถ้าถึงเวลาจริงๆ ก็คงจะมีทางออกเอง ทุกอย่างก็ต้องรอถึงพรุ่งนี้ ถึงจะเห็นโอกาสว่าต้องจัดการยังไงต่อ
เช้าวันที่สอง เฉินเฟิงตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า
ครั้งนี้ นอกจากสี่พี่น้องตระกูลเฉิน เฉินเฟิงก็ไม่ได้พาคนอื่นไปด้วย
เพราะว่าถ้าพาไปด้วย ก็คงจะเป็นภาระสักเปล่า
ถ้าหากตระกูลโห้เกิดใจร้อนลงไม้ลงมือขึ้นมา คนธรรมดาก็คงไม่มีแรงช่วยแน่นอน กลับจะสร้างปัญหาให้อีก
ตรงยอดเขาสูงสุของยู่ฉวนซานเป็นเหว ก็ต้องไม่มีทางหลวงบนยอดเขาแน่นอน ดังนั้นตรงไหล่เขา เฉินเฟิงก็คงต้องลงรถ แล้วเดินขึ้นเขาไป
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว ก็เพิ่งจะสังเกตว่าตรงไหล่เขามีรถแลนด์โรเวอร์เจ็ดแปดคันจอดอยู่
ตรงข้างรถ มีทหารรับจ้างที่สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มสีดำยืนอยู่สามแถว พวกเขามีกระเป๋ารบและอุปกรณ์การป้องกันตัวต่างๆ อยู่ จากนั้นก็กำลังฟังหวงเฟยห้าวบอกกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ข้างๆ หวงเฟยห้าว ยังมีชายวัยกลางคนสองคนและผู้หญิงที่ยังดูสาวอยู่หนึ่งคน
ถ้าเทียบกับชายวัยกลางคนสองคนนี้ ผู้หญิงที่ยังสาวคนนั้นดูทันสมัยก่อน
เธอสวยใส่กางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อเชิ้ต ตรงไหล่ของเธอยังมีที่คลุมไหล่สไตล์โบฮีเมียนและกางเกงลายสก็อตสีเทาแบรนด์จีวองชี่
ตรงเท้าของเธอใส่ใส่รองเท้าออกกำลังกายสีชมพูที่เฉินเฟิงเองก็ดูแบรนด์ไม่ออก แต่ดูทันสมัยและเซ็กซี่
แล้วพอดูหน้าตาของผู้หญิงคนนี้ เธอมีใบหน้าวีเชฟที่ดูสวยมาก ดูเหมือนใหญ่เท่าฝ่ามือเท่านั้น ความสวยงามของเธอเหมือนเป็นผู้หญิงที่หลุดจากภาพวาด
ดวงตาของเธอก็ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทั่วไป นัยน์ตาของสาวสวยคนนี้ มีความหยิ่งทะนงตัวอยู่ และทำให้คนไม่กล้าไปคิดอะไรไม่ดีกับเธอ
เหมือนเธอสังเกตเห็นนัยน์ตาที่เฉินเฟิงที่จับจ้องเธออยู่ สาวสวยจึงหันหน้ากลับมาโดยเร็ว
ดวงตาที่มีชีวิตชีวาคู่สวยกำลังจับจ้องเฉินเฟิงอยู่ ตอนที่สังเกตเห็นว่าเฉินเป็นแค่คนธรรมดา สาวสวยจึงทำนัยน์ตาที่ดูสงสัยขึ้นมาทันที คนๆ นี้ เป็นคนที่บังคับให้หวงเฟยห้าวตัดมือของตัวเองใช่ไหม?
เวลานี้ หวงเฟยห้าวก็สังเกตเห็นเฉินเฟิง
ทันทีที่มองเห็นเฉินเฟิง หวงเฟยห้าวฉายแววแห่งความบ้าคลั่งที่ดูอาฆาตแค้นออกมา
ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับเฉินเฟิงในทันทีทันใด กลับกวาดสายตามองไปที่เฉินจื๋อเหวิน แล้วเอ่ยด้วยเสียงเลือดเย็น “ศิษย์น้อง นายคิดว่าคำพูดเมื่อวานของฉันนั้นเปล่าประโยชน์ใช่ไหม? ”
“หวงเฟยห้าว อย่าเรียกฉันว่าศิษย์ นายไม่มีสิทธิ์! ” เฉินจื๋อเหวินมองหวงเฟยห้าวเพียงพริบตาเดียวด้วยความเย็จชา
“หวงเฟยห้าว พวกเขาคือศิษย์ที่มีจากสำนักเดียวกันที่นายบอกเมื่อวานนี้ใช่ไหม? ” สาวยสวยกวาดสายตามองไปยังสี่พี่น้องตระกูลเฉิน
ถ้าเทียบกับเฉินเฟิง เธอกลับรู้สึกสนใจในตัวสี่พี่น้องตระกูลเฉินมากกว่า ตอนนี้ภายในตระกูลโห้กำลังมีเรื่องกัน เธอขาดคนที่มีศิลปะการต่อสู้มากๆ สี่พี่น้องตระกูลเฉินถึงแม้จะมีวิชาที่ต่ำกว่าหวงเฟยห้าว ทว่าถ้าพวกเขาใช้งานได้ดี ผลประโยชน์กลับไม่ได้น้อยไปกว่าหวงเฟยห้าว
“ใช่ครับ คุณโห้” หวงเฟยห้าวพยักหน้าด้วยความเคารพ ผู้หญิงตรงหน้า คือคุณหนูรองตระกูลโห้ ชื่อว่าโห้หงเย้น ถึงแม้โห้หงเย้นจะเป็นผู้หญิง ทว่าคุณท่านโห้กลับชอบเธอมากๆ ดังนั้นภายในตระกูลโห้ เธอมีอำนาจที่ใหญ่หลวงที่สุด
ถ้าไม่เพราะเธอเป็นผู้หญิง เกรงว่าตระกูลโห้ก็คงจะตกอยู่ในมือของเธอแล้ว
โห้หงเย้นพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงสายตากลับมา การอยากให้ซื้อใจสี่พี่น้องตระกูลเฉิน กลับไม่ได้เป็นเรื่องที่เร่งรีบ ตอนนี้หน้าตาของเธอคือไปตามหาบัวหิมะซินเจียง
“คุณหนูโห้ จะให้ผมไปไล่พวกมันไปไหมครับ? ” หวงเฟยห้าวอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น เมื่อวานตอนอยู่จินจือถัง สี่พี่น้องตระกูลเฉินและเฉินเฟิง ทำให้เขาถูกเซ่เชียนซานตบหน้า สุดท้ายเฉินเฟิงบังคับให้เขาตัดแขนของตัวเองหนึ่งข้าง ดังนั้นตอนนี้ เขาอยากจะถลกหนังเฉินเฟิงใจจะขาด
“ไม่ต้อง พวกนายมีคนอยู่เยอะขนาดนี้ ถ้ายังสามารถทำให้พวกเขาแย่งของไปได้ งั้นพวกนายก็ฆ่าตัวตายเถอะ” โห้หงเย้นส่ายหน้า กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับเฉินเฟิงเลย
ในสายตาของเธอ พวกเฉินเฟิง คนที่น่าเกรงขามหน่อยก็มีแค่เฉินจื๋อเหวินเท่านั้น ที่เป็นอ้านจิ้งขั้นต้น
และอีกสามคนที่เหลือคือหมิงจิ้งทั้งหมด ไม่ต่างอะไรจากตัวตายตัวแทน
สำหรับเฉินเฟิง ถึงแม้โห้ชิงซงบอกแล้วว่าเฉินเฟิงอาจจะเป็นจอมยุทธ์ ทว่าก็แค่อาจจะเท่านั้น