ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 310 พูดโกหกตาใส
บทที่ 310 พูดโกหกตาใส
วินาทีนี้ แม้แต่สีหน้าหลินเย่นสองแม่ลูกก็เปลี่ยนเหมือนกัน
ต่อให้พวกเธอมาจากจงไห่ ก็รู้จักชื่อเสียงตระกูลเฉิน!
หนึ่งในหกตระกูลใหญ่ของหวาเซี่ย!
มีอิทธิพลไปทั่วโลกเลย!
เทียบกับตระกูลเฉินแล้ว พวกเราเป็นแค่ผงธุลีเอง!
ตีให้ตายพวกเธอก็คิดไม่ถึงว่า เถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวร้านเล็กๆนี่จะเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน!
“ผู้จัดการจาง ตอนนี้ยังอยากพูดอะไรอีกไหม?” เฉินเฟิงมองจางอานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ถ้าจางอานรู้จักทำตัว ตอนนี้ก็ควรจะไปเอาภาพกล้องวงจรปิดมาโดยดี ถ้าไม่….
เขายังคิดไม่ทันจบ ก็ได้ยินจางอานสูดลมหายใจเข้าปอด และพูดอย่างเย็นชาว่า: “พูดอะไร?”
“มีอะไรน่าพูดหรอ?”
“เถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวของเรามาจากยันเจียงน่ะจริง แต่แกว่าตระกูลเฉิน…” จางอานชะงักเล็กน้อย ก่อนหลุดหัวเราะพรืด:
“พูดจาเพ้อเจ้อทั้งเพ! เถ้าแก่ของเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเฉินสักนิด!”
“เขามาจากตระกูลหวาง!”
จางอานพูดมั่วขึ้นมาตระกูลหนึ่ง
“ตระกูลหวาง?”
สีหน้าของเฉินเฟิงเย็นชาขึ้น จางอานคิดจะ…คืนคำ?
ถ้าเขาจำไม่ผิดล่ะก็
สามเดือนก่อน ตอนเฉินจงมาที่ชางโจวเพื่อเจอเขาครั้งแรก ก็เอาธุรกิจทั้งหมดของตระกูลเฉินในชางโจวให้เขาจัดการ ตอนนั้นเฉินจงยังให้รายชื่อกับเขา บางรายชื่อนั่นเชียนไว้ชัดเจนว่า ร้านอาหารหงส์ขาวเป็นธุรกิจของตระกูลเฉินที่อยู่ในชางโจว
แต่ว่าเฉินเฟิงในตอนนั้นกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้อะไรมากมาย เขาแค่เหล่นิดหน่อย ก็โยนรายชื่อกลับไปให้เฉินจง ต่อมาเฉินจงเลยจัดผู้จัดการหลายคนมาช่วยเขาดูแลกิจการพวกนี้
พอนานไป เฉินเฟิงแทบลืมไปแล้วว่าตัวเองมีธุรกิจตระกูลเฉินอยู่ วันนี้ถ้าจางอานไม่ทำตัวกร่างเตือนสติเขา เฉินเฟิงนึกเรื่องนี้ไม่ออกจริงๆ
“ใช่ ตระกูลหวาง!”
“เถ้าแก่ที่แท้จริงหงส์ขาวคือตระกูลเฉิน!”
“ไม่ใช่ตระกูลเฉิน!”
จางอานยิ้มเย็นลอยหน้าลอยตา ร้านอาหารหงส์ขาวเป็นธุรกิจของตระกูลเฉินจริง แต่ทั่วทั้งชางโจว คนที่รู้เรื่องนี้มีกี่คน?
ต่อให้เขาพูดจาเพ้อเจ้อต่อหน้าเฉินเฟิง เฉินเฟิงจะทำอะไรเขาได้?
ขอแค่เฉินเฟิงไม่มีทางพิสูจน์ความจริง เขาก็จะชนะไม่มีวันแพ้!
คำพูดนี้ของจางอานทำให้เกิดเสียงซุบซิบดังเซ็งแซ่ในห้องโถงอีกครั้ง
แขกหลายคนถึงกับถอนหายใจโล่งอก ในใจคิดกันว่า ไม่ใช่ตระกูลเฉินก็ดีแล้ว ไม่ใช่ตระกูลเฉินก็ดีแล้ว
แน่นอนว่ามีแขกมากมายที่ยังคงสงสัยในคำพูดของจางอาน เพราะตอนที่เฉินเฟิงพูดคำว่าตระกูลเฉินออกมา สีหน้าจางอานดูตกใจตะลึงมาก
ถ้าเฉินเฟิงไม่ได้พูดถูกเผง ทำไมจางอานต้องทำหน้าอย่างนั้น?
“คุณผู้ชายท่านนี้ เห็นแก่ที่คุณเป็นเพื่อนของประธานหลิน ความเสียหายทั้งหมดที่คุณทำต่อร้านอาหารหงส์ขาวของเรา ไม่ต้องให้คุณชดใช้แล้วล่ะ”
“คุณพาน้องสาวคุณไปเถอะ” จางอานมองเฉินเฟิงอย่างเหยียดหยามพลางว่า
มีหลินจงเหว่ยอยู่ที่นี่ เขาทำอะไรเฉินเฟิงไม่ได้จริงๆ แต่ขอแค่ให้เฉินเฟิงไปจากพื้นที่ร้านอาหารหงส์ขาว งั้นเขาก็มีวิธีจัดเฉินเฟิงให้หนักเป็นหมื่นวิธี
พอได้ยินคำนี้ หลินเย่นกลับปร๊ดแตกขึ้นมา:
“ไม่ได้! ให้มันไปไม่ได้ มันไปแล้ว ค่าเสื้อผ้าฉันใครจ่าย!”
“คุณผู้หญิงท่านนี้…” จางอานขมวดคิ้ว กำลังจะพูดให้หลินเย่นตกลงอย่างสันติกับเฉินเฟิง หลินจงเหว่ยก็เอ่ยปากเสียงเย็นว่า: “ผมจ่ายเอง!”
“คุณนายหลิน ชุดคุณราคาเท่าไหร่ ผมจ่ายเป็นสองเท่าให้เลย!”
หลินเย่นชะงัก ยิ้มแหยว่า: “ประธานหลิน จะทำอย่างงั้นได้ยังไงล่ะคะ? เสื้อชุดนี้เป็นน้องสาวเจ้าขยะทำเลอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย…”
หลินจงเหว่ยตัดบทอย่างเย็นชา: “น้องสาวเฉินเฟิงก็คือน้องสาวผม!”
“เรื่องของเธอก็คือเรื่องของผม!”
“ว่ามาสิ คุณนายหลิน เท่าไหร่! ผมโอนให้คุณตอนนี้เลย!”
“ไม่ต้อง ไม่ต้องค่ะ ประธานหลิน ไม่ต้องจริงๆ เสื้อฉันชุดนี้ราคาไม่เท่าไหร่ เลอะไปก็เลอะไป ฉันกลับไปซื้อใหม่อีกชุดก็ได้แล้ว” หลินเย่นส่ายหน้ารัวๆ ยิ้มระรื่น ให้หลินจงเหว่ยชดใช้เงินให้เธอ งั้นการร่วมงานกันของบริษัทจงเสิ้งกับบริษัทติ่งเฟิง ยิ่งไม่ต้องคิดเลย ไม่มีทางแน่
“ก็ควรจะเป็นอย่างนี้” หลินจงเหว่ยมองหลินเย่นอย่างเย็นชา ความคิดของหลินเย่นเขารู้ดี
แต่ยัยโง่อย่างหลินเย่นกลับปิดประตูใหญ่ของการร่วมมือกันของสองบริษัทตั้งแต่แรกแล้ว
ทำใครไม่พอใจไม่ทำ ดันไปทำบิ๊กบอสของบริษัทติ่งเฟิง?
ทำบิ๊กบอสของบริษัทติ่งเฟิงไม่พอใจ ยังคิดจะให้ฉันร่วมงานด้วย?
“แคชเชียร์ ไปคิดเงินเดือนให้เสี่ยวหลินสิ” จางอานพูดเนิบๆ แสดงท่าทีขับไล่ชัดเจน
หลินหวั่นชีวลอบมองเฉินเฟิง พูดอย่างอ่อนแอว่า: “พี่เฉินเฟิง พวกเราไปกันเถอะ”
“ไป?” เฉินเฟิงยิ้มมุมปาก: “ทำไมต้องไป?”
“ยังไม่ทันตบหน้าคนบางคนเลือดสาดเลย ไปแบบนี้ดื้อๆ สบายพวกมันไปหน่อยมั้ง”
ตบหน้า?
หลินหวั่นชีวอึ้งเล็กน้อย เฉินเฟิงจะตบหน้าใครอีก?
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ควรจะดีใจได้แล้วไม่ใช่หรอ?
หลินเย่นไม่ถือสาเธอ จางอานไม่ถือสาเฉินเฟิง นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
แต่เฉินเฟิงกลับ…
“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณหมายความว่ายังไง?” จางอานสีหน้าเย็นชา เขาอุตส่าห์เห็นแก่หน้าหลินจงเหว่ยไม่ถือสาเฉินเฟิงแล้ว แต่ฟังที่เฉินเฟิงพูด กลับไม่คิดปล่อยเขาไป!
กร่างซะไม่มี!
“ไม่ได้หมายความว่าไง” เฉินเฟิงส่ายหัว มองจางอานนิ่งๆ: “ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง พูดมาตามตรง เถ้าแก่ที่แท้จริงของร้านอาหารหงส์ขาวเป็นใครกันแน่”
จางอานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่รอเขาพูดอะไร เฉินเฟิงเบนสายตาไปที่หลินเย่น พูดเสียงเย็นว่า:
“คุณด้วย หลินเย่น ผมให้คุณขอโทษหวั่นชีว คุณไม่ได้ยินหรือไงหะ!”
พูดมาตามตรง?
ขอโทษ?
ซี้ด!
ทุกคนในที่นั่นอดสูดลมหายใจหนึ่งเฮือกไม่ได้
เฉินเฟิงจะคิดบัญชีกับหลินเย่นและจางอาน?
ทั้งๆที่หลินเย่นและจางอานไม่ถือสาเขาแล้ว แต่เขากลับไม่คิดปล่อยสองคนนั้นไป?
เขาถือดีอะไร?!
“พูดมาตามตรง?” สีหน้าจางอานบิดเบี้ยวอย่างแรง: “พูดอะไร?”
“คุณผู้ชายท่านนี้ งั้นก่อนหน้านี้ที่คุณตบหน้าผมหนึ่งทีล่ะ จะว่าไง?”
“เห็นแก่หน้าประธานหลิน ผมไม่ถือสาคุณ แต่คุณกลับคิดได้คืบจะเอาศอก…”
“คุณสมควรโดนตบ!” เฉินเฟิงตัดบทเย็นชา
“ในฐานะผู้จัดการร้านอาหารหงส์ขาว แขกในร้านเกิดเหตุทะเลาะเบาะแว้งกับพนักงานร้านตัวเอง คุณไม่เพียงไม่ช่วยพูดให้พนักงานในร้านตัวเอง ยังคิดโยนความผิดไปให้พนักงานหน้าด้านๆ ไม่มีเหตุผลชัดๆ!”
“พอผมมา เดิมคุณมีโอกาสชดเชยความผิดก่อนหน้านี้ แต่คุณกลับกั้นผมไว้หน้าประตู คิดจะใช้พวกมากรังแกพวกน้อย เพื่อเปลี่ยนดำเป็นขาว!”
“สุดท้ายผมขอให้คุณเอาภาพกล้องวงจรปิดมาให้ คุณกลับพูดจาเพ้อเจ้อตาใส ทำเหมือนทุกคนเป็นคนโง่ เห็นชัดว่าตั้งใจโกหกให้ถึงที่สุด!”
“คนไม่มีเหตุผล เปลี่ยนดำเป็นขาว จงใจโกหกให้ถึงที่สุดแบบคุณ ผมตบคุณแล้วไง?”
เฉินเฟิงเน้นพูดทีละคำ แต่ละคำเหมือนฟ้าผ่าเข้าไปกลางใจจางอาน ทำเขาสีหน้าขาวซีดฉับพลัน เข่าอ่อนทันที