ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 312 ปรองดองกันดีกว่า
บทที่ 312 ปรองดองกันดีกว่า
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองอย่างโกรธแค้นของหวางไห่คว่า จู่ๆจางอานก็ไม่กล้าที่จะปกปิดสิ่งใดอีกต่อไปและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
ทันใดนั้นห้องโถงก็สงบลง ไม่มีใครคิดว่าจางอานจะไร้ยางอายขนาดนี้ ช่วยหลินเย่นกลั่นแกล้งเด็กสาวอายุ18ปีไม่พอ เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองได้รับผิด เขาถึงกับโกหกว่ากล้องวงจรเสีย
เป็นที่ชัดเจนว่าเจ้านายเบื้องหลังของหงส์ขาวคือตระกูลเฉินในเยี่ยนจิง แต่เพื่อไม่ให้แพ้สัญญาการพนัน จางอานกลับพูดมั่วไปหมด
หน้าด้านจริงๆ!
“ คุณเฉิน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผมถูกความโลภบังหน้าบังตา คุณปล่อยผมไปเถอะ” จางอานหันไปจ้องมองเฉินเฟิงอย่างอ้อนวอน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเฉินเฟิงมาจากไหน แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้มีเพียงเฉินเฟิงที่สามารถตัดสินการไปหรือการอยู่ของเขา
“ปล่อยคุณไป?” ปากของเฉินเฟิงเพิ่มความเย็นชา “ทำไมผมต้องปล่อยคุณไป?”
“ยังจำสิ่งที่ผมเคยพูดก่อนหน้านี้ได้ไหม?”
ร่างกายของจางอานสั่นสะท้าน แน่นอนว่าเขาจำได้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เฉินเฟิงบอกว่าเขาจะถูกไล่ออก แต่ในเวลานั้นเขาไม่ได้เอามาใส่ใจ คิดว่าเฉินเฟิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระตอนนี้ …
จางอานคุกเข่าลงกับพื้น เสียง “ตุ่ม”
“คุณเฉิน อย่าไล่ผมออกเลย แม่ของผมอยู่โรงพยาบาล ในบ้านมีลูกอีกสองคนยังเรียนอยู่ มีค่าบ้านที่ต้องผ่อนอีก ถ้าคุณไล่ผมออก ครอบครัวของผมก็จะไม่มีทางรอดแล้ว … ”
น้ำตาจางอานไหลออกมา แต่เฉินเฟิงไม่แม้แต่กระพริบตาและพูดอย่างเย็นชา “ไสหัวออกไป!”
“คุณเฉิน … ” จางอานต้องการจะอ้อนวอนอีกครั้ง แต่หวางไห่คว่ากลับกระโดดขึ้น เตะออกไป จนจางอานกระเด็นออกไปสามเมตร “
คุณเฉินให้คุณไสหัวไป คุณไม่ได้ยินเหรอ?!”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณถูกไล่ออกแล้ว ทันที เดี๋ยวนี้ ไปเก็บของแล้วไสหัวไป!” หวางไห่คว่าชี้ไปที่จางอานและตะโกนใส่เขา แทบอยากจะให้จางอานหายไปจากหน้าของเขาตอนนี้เลย
สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ
จางอานซึ่งยังคงถือพ่ายเหนือกว่าในตอนนั้น จางอานที่หยิ่งผยอง หลังจากที่เฉินเฟิงโทรเสร็จ ก็กลายร่างเป็นหนูข้างถนนทันที ที่ทุกคนไล่ตี แม้กระทั่งลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ไม่อยากมองเขา
ทันใดนั้น แขกหลายคนก็จ้องมองมาที่เฉินเฟิงด้วยความสงสัย
พวกพวกเขาไม่เข้าใจว่าลูกเขยที่แต่งเข้าไปในบ้านผู้หญิงอย่างเฉินเฟิง เอาอำนาจมาจากไหน?
สายตาหลินเย่นและถังรั่วเสวี่ยนดูประหลาดใจมาก พวกเธอคิดไม่ถึง เฉินเฟิงแค่โทร ก็สามารถเรียกผู้ดูแลหงส์ขาวมาได้ แก้ไขปัญหาทุกอย่างจนได้
เมื่อเห็นคนดูแลคนนั้น แสดงความเคารพต่อเฉินเฟิง เห็นได้ชัดว่าภูมิหลังของเฉินเฟิงนั้นไม่ธรรมดา
แต่ว่า หลินหลานบอกว่าเฉินเฟิงเป็นแค่ไอ้พ่อบ้านไร้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอ?
ทำไมเขาถึงรู้จักตระกูลเฉิน?
“ตรวจกล้องวงจรปิด”
ในเวลานี้ เฉินเฟิงพ่นออกมาอีกสามคำอย่างเย็นชา
หลินเย่นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและเธอพึมพำ”เฉินเฟิง ตรวจกล้องวงจรก็ไม่ต้องแล้วมั่ง” “ ในเมื่อคุณรู้จักกับหญิงสาวคนนี้ งั้นทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
“เป็นเรื่องปกติที่ครอบครัวหนึ่งจะมีเรื่องขัดแย้งกันเล็กๆน้อยๆ”
“ชุดของฉัน สาวน้อยคนนี้ก็ไม่ต้องชดใช้คืนแล้ว”
“ ทุกคนปรองดองกันดีที่สุด ปรองดองกนดีที่สุด”
ใบหน้าของหลินเย่นดูฝืดๆ หากมีการตรวจกล้องวงจรเกิดขึ้นจริงๆ วันนี้ใบหน้าของเธออาจจะโดนทุบจนบวม เพราะมันเป็นความผิดของเธอจริงๆ ชุดเธอถูกน้ำแกงสาดใส่ ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับหลินหวั่นชีว
“อยู่กันอย่างสันติภาพดีกว่า?”มุมปากของเฉินเฟิงเย้ยหยัน “ตอนนี้คิดได้แล้วเหรอว่าปรองดองกันดีกว่า?”
“มันสายไปแล้ว!” สีหน้าของเฉินเฟิงเย็นชา น้ำเสียงไม่ต้องสงสัยเลย”ตรวจ!”
“ ครับ คุณเฉิน!”
สีหน้าหวางไห่คว่ามีความสุขมาก เขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปแน่นอน
ไม่นาน หวางไห่คว่าก็ถือโน๊ตบุ๊คด้วยใบหน้าแดงก่ำ
มีแขกมากมายมารวมตัวกันรอบ ๆ
สักพักหวางไห่คว่าก็ได้หาฉากที่หลินเย่นและหลินหวั่นชีวออกมา จากนั้นเล่นไปอย่างช้าๆ
การเคลื่อนไหวของทั้งสองแสดงต่อหน้าทุกคนทีละเฟรม
หลินหวั่นชีวเดินมาปกติ
หลินเย่นไม่ได้มองไปที่ด้านหลังเลย ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้น จากนั้นก็ชนเข้ากับหลินหวั่นชีว
น้ำซุปกระเด็น
การแสดงออกบนใบหน้าของหลินเย่นค่อยๆดุร้าย …
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลินเย่นเป็นฝ่ายผิดก่อน!
“อายุก็ขนาดนี้แล้ว ทำไมหน้าด้านจัง!”
“ใช่ๆไร้ยางอายจริงๆ เธอก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว ยังจะไปทำร้ายเด็กสาวอายุสิบแปด ไร้ยางอาย!”
ทุกคนต่างรู้สึกโมโห!
แขกหลายคน ไม่ได้ไว้หน้าหลินเย่น ด่าต่อหน้าหลินเย่นโดยไม่อ้อมค้อม
เพราะใบหน้าของหลินเย่น น่าเกลียดเกินไป!
“ไม่ … ไม่ใช่อย่างนั้น พวกคุณเข้าใจฉันผิด” ใบหน้าของหลินเย่นอายจนแดงไปหมด แต่การหาข้ออ้างของเธอ ดูอ่อนแอมากเมื่อเผชิญกับหลักฐานตรงหน้า
“ ขอโทษ!”
เฉินเฟิงมองไปที่หลินเย่นอย่างเย็นชา หากหลินเย่นไม่ขอโทษ เรื่องนี้ก็จะไม่จบ!
“ไอ้ขยะ อย่ามากเกินไป!” หลินเย่นโมโหจนจะบ้า ณ ตอนนี้ ถ้าเธอบอกว่าเธอเกลียดใครมากที่สุด เฉินเฟิงก็จะต้องติดอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเฉินเฟิง วันนี้เธอก็คงไม่ต้องขายหน้าเช่นนี้
“ ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายขอโทษ!” แสงเย็นวาบผ่านในดวงตาของเฉินเฟิง
แสงเย็นนี้ ทำให้หัวใจของหลินเย่นสะดุ้งทันที
“โอเค ฉันขอโทษ ขอโทษก็ได้” หลินเย่นยอมอ่อนข้อ
หันกลับไปและพูดกับหลินหวั่นชีวเบา ๆ “ขอโทษ”
“ไม่จริงใจ พูดใหม่” ใบหน้าเฉินเฟิงไม่มีการแสดงออกใดๆ
หลินเย่นกัดฟัน โค้งคำนับและพูดอย่างหนักว่า “ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว!”
“ไม่ … ไม่เป็นไร” หลินหวั่นชีวกลัวเล็กน้อย จนถึงตอนนี้หัวเล็ก ๆ ของเธอยังคงมึนๆเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงก้าวร้าวอย่างหลินเย่นจะขอโทษเธอในที่สุด
“ไปกันเถอะ.”
เฉินเฟิงยิ้มเล็กน้อยและจูงมือของหญิงสาวขึ้นอย่างนุ่มนวล
หลินจงเหว่ยมองไปที่เกิ่งห้าวอย่างเย็นชา จากนั้นก็ลุกขึ้น
เมื่อเห็นว่าหลินจงเหว่ยกำลังจะจากไป ถังรั่วเสวี่ยนเริ่มร้อนใจ “ประธานหลิน แล้วความร่วมมือของเราล่ะ?”
“ไสหัวไป!” คำตอบของหลินจงเหว่ยเรียบง่ายและหยาบคายเช่นเคย “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบริษัทจงเสิ้งอย่าคิดที่จะร่วมมือใดๆกับบริษัทติ่งเฟิง!”
“จำไว้ คือทุกอย่าง!”
“ฮะ”
ใบหน้าของสองแม่ลูกซีดเซียว
หลินจงเหว่ยกล่าวอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ งั้นความร่วมมือระหว่างบริษัทจงเสิ้งและบริษัทติ่งเฟิงคงไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ
“ไอ้ขยะ! เพราะไอ้ขยะแท้ๆ น่าโมโหจริงๆ!” หลินเย่นโกรธจนได้แต่กระทืบเท้า เมื่อเฉินเฟิงทำเช่นนี้ ความร่วมมือระหว่างบริษัทจงเสิ้งและบริษัทติ่งเฟิงมันจบแล้วจริงๆ
การเดินทางมาเมืองชางโจวในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่มาศูนย์เปล่า แต่เป็นเพราะเธอทำให้หลินจงเหว่ยขุ่นเคือง ถ้าเธอกลับไป เธอคงต้องโดนคณะกรรมการบริหารตำหนิแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะรักษาตำแหน่งรองผู้จัดการไว้ได้ไหม ไม่ถูกไล่ออกจาก บริษัทจงเสิ้งก็บุญแค่ไหนแล้ว
“แม่ ไม่ต้องโมโห ปล่อยให้ไอ้ขยะนี้ได้ใจสักสองสามวัน! รอให้ถึงงานเลี้ยงวันเกิดของปู่ในเดือนหน้า เราค่อยหาทางกู้หน้าคืน” ถังรั่วเสวี่ยนกัดฟันด้วยความไม่พอใจ
“งานเลี้ยงวันเกิดของปู่ของคุณ?”หลินเย่นผงะ”ไอ้ขยะจะไปร่วมงานไหมละ?”
“ไปแน่นอน” ถังรั่วเสวี่ยนกล่าวอย่างหนักแน่นและมั่นใจ”ป้าคนที่สามไม่ได้เห็นคุณปู่มาเจ็ดแปดปีแล้ว เมื่อก่อนเธอไม่มีหน้าไปพบ เพราะเธอจนมาก ตอนนี้เธอมีคฤหาสน์และมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอต้องออกมาโชว์ งานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเธอในการโอ้อวด! ”
“ดังนั้น เมื่อเธอมาเธอจะพาไอ้ขยะนั้นและเสี้ยเมิ่งเหยาไปที่นั่นอย่างแน่นอน”