ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 408 ความยิ่งใหญ่ในตัวของหลินหวั่นชีว!
บทที่ 408 ความยิ่งใหญ่ในตัวของหลินหวั่นชีว!
“หลินหวั่นชีว……”
เฉินเฟิงพูดพึมพำออกมา น้ำตาไหลออกมาจากมุมตาอย่างเงียบๆ
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ในช่วงเวลาคับขัน หลินหวั่นชีวจะทำแบบนี้ออกมา
“ยัยเด็กบ๊อง จริงๆคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้……”
เฉินเฟิงถอนหายใจเบาๆ จากสถานการณ์ในตอนนี้ของเขา แม้ว่าจะโดนกระแทกจากรถกันกระสุนแลนด์โรเวอร์ด้วยความเร็ว100กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ไม่ได้เกิดอะไรร้ายแรง อย่างมากก็แค่บาดเจ็บภายใน
แต่หลินหวั่นชีวกลับว่าไม่รู้เรื่องเลย เธอได้ตัดสินใจทำเรื่องโง่ที่สุดออกมา
เอาชีวิตของตัวเอง แลกกับชีวิตของเขา!
หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว เฉินเฟิงก็เริ่มขับลมปราณในตัวทั้งหมดของตัวเองออกมา ถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของหลินหวั่นชีว
เขาจำเป็นต้องปกป้องชีพจรของหลินหวั่นชีวไว้
ในเวลานี้ชีวิตของหลินหวั่นชีว ได้แขวนไว้บนเส้นด้ายแล้ว
เธอไม่ใช่นักรบ เธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดา
เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง โดนแลนด์โรเวอร์กันกระสุนวิ่งด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงชนเข้า ร่างกายก็น่าจะแหลกเหลวอยู่ตรงนั้น
แต่ว่าหลินหวั่นชีวกลับว่าไม่เป็นอย่างนั้น
เธอมีเพียงแค่อวัยวะภายใน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เฉินเฟิงรู้สึกว่า ท่ามกลางความมืดมน มีพลังงานบางอย่าง ในช่วงเวลาคับขันปกป้องหลินหวั่นชีวไว้
ในตอนนั้น เขาจำเป็นต้องเสาะหาให้แน่ชัด พลังงานนี้คืออะไร
นำมาซึ่งคำถาม เฉินเฟิงเตรียมจะนำลมปราณขับออกมา ถ่ายทอดเข้าไปสู่ภายในตัวของหลินหวั่นชีว
อย่างรวดเร็ว สีหน้าของเฉินเฟิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ภายในตัวของหลินหวั่นชีว จู่ๆก็มีลมปราณที่ทรงพลังมีพลานุภาพ
ลมปราณที่มีพลานุภาพและสะอาดบริสุทธิ์นี้ ยังจะมีพลังพลานุภาพมากกว่าพลังในตัวของเขาอีกในตอนนี้
หั้วจิ้งขั้นสุด?
หรือว่าจะเป็น……ปรมาจารย์?!
เฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าอย่างตกใจ
เห็นได้อย่างชัดเจนลมปราณในตัวของหลินหวั่นชีว มีคนตั้งใจที่จะหลงเหลือไว้ในร่างกายของเธอ มีความเป็นไปได้สูง ลมปราณนี้ ก็เพื่อที่จะมาช่วยชีวิตของหลินหวั่นชีวในยามคับขัน
คนที่หลงเหลือลมปราณนี้ให้หลินหวั่นชีวเป็นใครกัน?
เขามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่?
ทันใดนั้น ในใจของเฉิงเฟิงก็เกิดความคิดออกมาอย่างนับไม่ถ้วน
เขาไม่เคยคิดมาก่อน ร่างกายที่แสนธรรมดาของหลินหวั่นชีว จะมีพลังงานที่ยิ่งใหญ่มหาศาล อยากจะถ่ายทอดลมปราณไว้ให้กับคนธรรมดาอย่างนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นหั้วจิ้งชั้นต้นกับหั้วจิ้งชั้นกลางจะทำได้
อย่างน้อยก็ต้องเป็นหั้วจิ้งชั้นสุด ถึงแม้ว่าเป็นหั้วจิ้งชั้นสุด อยากจะคงเหลือไว้ ก็คงยากลำบากอย่างไม่อาจเทียบได้
ดังนั้น ความเป็นไปได้สูง ลมปราณนี้ในร่างกายของหลินหวั่นชีว เป็นปรมาจารย์ที่คงเหลือเอาไว้!
เบื้องหลังของหลินหวั่นชีว เป็นไปได้ว่าอาจจะมีปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสูงท่านหนึ่งอยู่!
คิดมาจนถึงตรงนี้ เฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าอย่างตกใจ ถ้าหากไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นในวันนี้ เขาก็จะไม่มีทางที่จะได้รู้เลย เห็นหลินหวั่นชีวที่ดูธรรมดาๆ จะมีความลับที่ใหญ่หลวงเช่นนี้
หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆแล้ว เฉินเฟิงก็ระงับความตกใจของตัวเองไว้ในใจ เริ่มใช้ลมปราณระดับปรามาจารย์ในร่างกายของหลินหวั่นชีว ฟื้นฟูบาดแผลภายในของหลินหวั่นชีว
หลังจากนั้นไม่นาน บาดแผลที่ซ่อนอยู่ภายในของหลินหวั่นชีว ถูกซ่อมแซมจนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แต่เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย เฉินเฟิงยังคงโทรศัพท์หาสือโพ่จุน
ให้สือโพ่จุนนำแพทย์ชั้นนำสองสามคนจากสหพันธ์สงคราม
สือโพ่จุนเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว หลังจากที่ได้ยินว่าเฉินเฟิงได้ปะทะกับข้าศึก เขาสั่งให้ปิดล้อมทั้งซอยที่เฉินเฟิงอยู่ทันที
ไม่กี่นาทีให้หลัง มีรถจี๊ปกองทัพสีเขียว 3 คันที่แขวนใบอนุญาตผ่านเฉพาะสหพันธ์สงครามขับมาจอดตรงหน้าเฉินเฟิง
“เสี่ยวเฟิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” สือโพ่จุนรีบลงจากรถ และมองเฉินเฟิงอย่างเป็นห่วงเป็นใย
เฉินเฟิงส่ายหัว: “ฉันไม่เป็นไร พี่สือ ให้คนของคุณไปดูหวั่นชีวก่อนเถอะ”
“ได้”
สือโพ่จุนขยิบตา ไม่นาน แพทย์หลายคนในชุดขาวตรวจหาอาการบาดเจ็บของหลินหวั่นชีว
สือโพ่จุนหันไปสบตากับนักดาบชุดดำที่นอนอยู่บนพื้น หลังจากที่เห็นดาบยาวของญี่ปุ่นอยู่ข้างกายของนักดาบชุดดำ สีหน้าของสือโพ่จุนก็มืดมนทันที : “คนญี่ปุ่นเหรอ? !”
“คนญี่ปุ่นอะไรกัน? คุณพูดอะไร ฉันฟังไม่เข้าใจ” นักดาบชุดดำปฏิเสธอย่างรุนแรง แต่เป็นสำเนียงภาษาจีนที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก กลับขายตัวเองซะอย่างนั้น
“ฟังไม่เข้าใจเหรอ? !” มุมปากของสือโพ่จุนแย้มอย่างเย็นชา เดินมาอยู่ตรงหน้านักดาบชุดดำเพียงไม่กี่ก้าว เขายกเท้าขึ้นข้างหนึ่ง และเหยียบไปที่ด้านหลังมือของนักดาบชุดดำ
จากนั้นก็กดแรงหนักขึ้น
“แกรก”
เสียงกระดูกหักดังขึ้น ใบหน้าของนักดาบชุดดำเริ่มเผยให้เห็นถึงความบิดเบี้ยว เสียงคำรามอย่างเจ็บปวดในลำคอของเขา
“พูดมา ใครส่งแกมา? !” สือโพ่จุนเอ่ยถามอย่างเย็นชา เปียนตู้ไท่อีและคณะทูตญี่ปุ่น เขาก็ให้คนของสหพันธ์สงครามจับตามองแทบตาย จนกระทั่งเฉินเฟิงเกิดเรื่องขึ้น และไม่มีใครออกจากที่นั่นเลย
ดังนั้นนักดาบที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่ใช่คนที่เปียนตู้ไท่อีส่งมา
ต้องเป็นคนอื่นแน่นอน!
“ไม่มีใครส่งฉันมาทั้งนั้น ฉันเห็นไอ้หมอนี่แล้วมันขัดตา ฉันก็เลยอยากจะฆ่ามัน!” แม้ว่ากระดูกมือจะโดนสือโพ่จุนเหยียบจนเกือบจะแหลก แต่ในตอนนี้นักดาบชุดดำนั้นกลับแข็งแกร่งอย่างน่าแปลกใจ แม้จะฆ่าให้ตายก็ไม่ยอมรับว่าใครเป็นคนส่งมา
เฉินเฟิงขมวดคิ้ว ทั้งยังไม่มีคำพูด ตอนแรกเขาสงสัยว่าเป็นเสินอิ่น แต่พอมาคิดให้ดี นี่มันไม่ใช่ลายมือของเสินอิ่นแน่นอน ถ้าเสินอิ่นอยากฆ่าเขา เขาจะไม่ทำเพียงแค่ส่งนักดาบพลังมืดแน่นอน
หากเสินอิ่นฆ่าเขา คราวก่อนก็คงจะให้เปียนตู้ไท่อีฝีมือระดับโจนินลงมือ!
แต่ถ้าไม่ใช่เสินอิ่น แล้วใครจะเป็นส่งนักดาบชุดดำที่อยู่ตรงหน้าฉันล่ะ?
ถ้ารู้ว่าอาจารย์ของนักดาบชุดดำนี้เป็นใคร เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นมหาปรมาจารย์ญี่ปุ่น รู้จักกันในนามนักบุญมีดหลิ่วเซิงอี
สาวกมหาปรมาจารย์ ใช่แล้วไม่ว่าใครก็สั่งให้ทำก็ได้
“หลิ่วเซิงอีเป็นอะไรกับแก?” เฉินเฟิงมองนักดาบชุดดำด้วยสายตาที่เย็นชา ตอนนี้เขาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการในทันที เพื่อค้นหาตัวตนของนักดาบชุดดำ ตกลงเป็นลูกศิษย์หลิ่วเซิงอี หรือว่าเป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์กันแน่
เมื่อได้ยิน 3 คำ หลิ่วเซิงอี ลูกศิษย์ของนักดาบชุดย่อตัวลงทันที แม้ว่าเขาจะรีบปกปิดได้อย่างรวดเร็ว แต่เฉินเฟิงสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้
“อะไรหลิ่วเซิงอี ฉันไม่รู้เรื่อง” นักดาบชุดดำข่มความตกใจของเขาไว้ เอ่ยปากอย่างใจเย็น
“ไม่รู้เหรอ? !” เฉินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา หากเมื่อสักครู่สายตานักดาบชุดดำไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาอาจจะเชื่อคำพูดเหลวไหลของนักดาบชุดดำนั้นจริงๆ แต่หลังจากที่นักดาบชุดดำได้ยินชื่อหลิ่วเซิงอี รูม่านตาหดอย่างเห็นได้ชัด หากว่าเขายังมองไม่ออก เขาก็คงจะเป็นคนโง่คนหนึ่งแล้ว
“แกกล้าพูดในสิ่งที่แกเพิ่งพูดไปต่อหน้าหลิ่วเซิงอีอีกครั้งไหมล่ะ?” เฉินเฟิงยิ้มแล้วยิ้มอีก ในโลกนักรบศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น มารยาทเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในใจของพวกเขาคนที่จะสอนศิลปะการต่อสู้ก็คือพระเจ้า
หากมีคนอยู่ตรงหน้าพวกเขา และด่าพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะต้องคลั่งแน่นอน!
เป็นไปตามที่เฉินเฟิงคาดไว้ หลังจากที่เฉินเฟิงกำลังด่าหลิ่วเซิงอี นักดาบชุดดำโกรธจัด ความโกรธคับคั่งอยู่ในดวงตา: “ไอ้บ้า!”
“ฉันจะฆ่าแก!”
“ฉันจะฆ่าครอบครัวพวกแก”
“ปัง”
สือโพ่จุนยิ้มเยาะทีหนึ่ง คว้าปกเสื้อของนักดาบชุดดำไว้แน่น เขาตบหน้านักดาบชุดดำ
“ไอ้เด็กผี ที่นี่คือหวาเซี่ย ไม่ใช่ญี่ปุ่น บอกความจริงกูมานะ!”
หลังจากที่โดนสือโพ่จุนตบ นักดาบชุดดำก็สงบลงทันที แต่สายตามองไปที่เฉินเฟิงด้วยความคับแค้นใจเต็มอก