ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 64 ถลกหนังหักกระดูก
บทที่ 64 ถลกหนังหักกระดูก
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ เสิ่นจุนเหวินก็กลับมาหยิ่งผยองตามเดิม
เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งของเฉินเฟิง เสิ่นจุนเหวินก็ยิ้มเหยียด เจ้าโง่เอ๊ย ถึงตอนนี้แล้วยังคิดว่าตัวเองจะไร้คู่ต่อกรจริงๆ งั้นเหรอ?
เสิ่นจุนเหวินไม่ได้เรียกเสิ่นหงชังมา หนึ่งก็เป็นเพราะว่าเสิ่นหงชังไม่ชอบให้เขาทำเรื่องขุ่นมัวพวกนี้ ดังนั้นถึงจะช่วยเขาได้ แต่เสิ่นหงชังก็ต้องมาคิดบัญชีกับเขาทีหลังอยู่ดี
สองเพราะเสิ่นจุนเหวินรู้สึกว่า อย่างเฉินเฟิงยังไม่ต้องถึงมือเสิ่นหงชังหรอก ถ้าให้เสิ่นหงชังลงมือก็คงจะเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไป
“เสี้ยเมิ่งเหยา ข้อตกลงของฉันก่อนหน้านี้ยังใช้ได้อยู่นะ ทิ้งเฉินเฟิง แล้วมาเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันจะปล่อยแม่ของเธอไป”เสิ่นจุนเหวินรินไวน์แดงหนึ่งแก้ว พลางมองเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างสบายๆ
“ไปให้พ้น!”
เสี้ยเมิ่งเหยาตอบกลับ สั้นกระชับได้ใจความ
เสิ่นจุนเหวินส่ายหน้า ไม่ได้โกรธอะไร รอให้หานหลงมาก่อนเถอะ เขาจะทำให้เสี้ยเมิ่งเหยานึกเสียใจก็สิ่งที่ทำในวันนี้!
หลังจากนั้นสิบกว่านาที รถแลนด์โรเวอร์สีดำหกคันก็มาจอดอยู่ที่ประตูของอาคารหวงเห้า
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมเสื้อผ้าต่างกันกว่ายี่สิบคนกรูกันออกมาจากรถ
หลังลงจากรถมาแล้ว ชายฉกรรจ์กว่ายี่สิบก็รีบยืนเรียงเป็นสองแถวทันที และก้มหัวทำความเคารพ
จากนั้น ชายวัยกลางคนที่มือข้างหนึ่งคลึงลูกประคำก็ลงมาจากรถ
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูมองมาที่ตัวเองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ชายวัยกลางคนก็แสดงรอยยิ้มเป็นมิตรบนใบหน้า บ่งบอกว่าไม่จำเป็นต้องกลัว
คนกลุ่มนั้นกรูกันเข้าไปในอาคารหวงเห้า
ในขณะนั้นเฉินเฟิงเหม่อลอยไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเสิ่นจุนเหวินจะเรียกบุคคลที่น่ากลัวอะไร แต่เพราะกังวลว่าความลับของตัวเองจะถูกเสี้ยเมิ่งเหยาพบเข้า
ถึงยังไงอดีตของเขาก็ปรากฏออกมาไม่น้อยแล้ว ถ้าอีกเดี๋ยวคว่ำคนที่เสิ่นจุนเหวินเรียกมาอีก แล้วเขาจะอธิบายกับเสี้ยเมิ่งเหยาว่ายังไงดี?
เฉินเฟิงในตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะสารภาพทุกอย่างกับเสี้ยเมิ่งเหยา
คิดไปสักพัก เฉินเฟิงก็เรียกเสี้ยเมิ่งเหยาให้มาข้างๆ “เมิ่งเหยา เดี๋ยวพอคนที่เสิ่นจุนเหวินเรียกมาเข้ามาแล้ว เธอก็หาโอกาสหนีออกไปเองก่อนนะ”
เสี้ยเมิ่งเหยาหน้าถอดสี “ไม่เอา ฉันไม่ไป ถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน”
เฉินเฟิงรู้สึกซึ้งใจนิดๆ จนอดยิ้มขึ้นไม่ได้ “เมิ่งเหยา เธอก็เห็นฝีมือของฉันแล้วยังจะกังวลว่าฉันจะล้มพวกที่เสิ่นจุนเหวินเรียกมาไม่ได้อีกเหรอ? ที่ให้เธอหนีไปก่อน ก็เพราะกลัวว่าพอเริ่มสู้กันแล้วเธอจะโดนลูกหลงต่างหาก”
เสี้ยเมิ่งเหยากัดริมฝีปาก เธอเข้าใจความหมายในคำพูดของเฉินเฟิง และเข้าใจด้วยว่าจุดยืนของตัวเองนั้นเป็นภาระสำหรับเฉินเฟิง ถ้าหากคนของเสิ่นจุนเหวินคุกคามเธอแล้วเฉินเฟิงจะทำยังไง?
“อื้อ”เสี้ยเมิ่งเหยาพยักหน้าเบาๆ เธอไม่รู้ผู้หญิงประเภทที่ว่าไม่รู้อะไรมาก่อนมาหลัง รู้ดีว่าในเวลานี้จะเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้
“แต่ว่าเฉินเฟิง สัญญากับฉัน นายจะต้องปกป้องตัวเองให้ดีนะ ถ้าไม่ใช่คู่มือของพวกเขาก็ประนีประนอม ห้ามดื้อดึงเด็ดขาดนะ!”เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยเตือนอีกครั้ง ในสายตาของเธอ ความปลอดภัยของเฉินเฟิงสำคัญที่สุด ตราบใดมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง
“ได้สิ”เฉินเฟิงยิ้มบางๆ
เพียงสิ้นเสียงพูด ชายฉกรรจ์ยี่สิบกว่าคนก็กรูเข้ามา
เสิ่นจุนเหวินก้าวไปทักทายอย่างตื่นเต้น เฉินเฟิงส่งสายตาให้กับเสี้ยเมิ่งเหยา
เสี้ยเมิ่งเหยามองเฉินเฟิงอย่างเป็นกังวล ก่อนออกไปทางประตูหลังอย่างเงียบๆ
“ลุงหาน แย่หน่อยนะครับ ดึกขนาดนี้แล้ว ยังต้องรบกวนให้คุณออกมาอีก”ท่าทีของเสิ่นจุนเหวินนอบน้อมมาก เขารู้ชัดเจนถึงช่องว่างระหว่างตัวเองกับหานหลง ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือว่าอำนาจทางการเงิน ล้วนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ถ้าลุงของเขาไม่ใช่เสิ่นหงชัง คนใหญ่โตอย่างลุงหาน ก็ไม่มีทางเหลือบมองเขาหรอก
“จุนเหวิน คนบ้านเดียวกันก็ต้องพูดอะไรแบบนั้นหรอก เถ้าแก่เสิ่นก็เป็นพี่ชายที่ฉันเคารพ ลูกหลานของเขาก็คือลูกหลานของฉัน รบกงรบกวนอะไรกัน” หานหลงหัวเราะร่า มองจากภายนอก รอยยิ้มที่ราวกับพุทธองค์ตรงหน้านั้น ไม่เหมือนกับราชาโลกใต้ดินเลยแม้แต่น้อย แต่คนที่รู้จักเขาจะรู้ว่า ที่อยู่ตรงหน้า เป็นแค่เปลือกที่ประดับรอยยิ้มโดยที่ตาไม่กระพริบเลยสักนิด
“ครับผมๆ ที่ลุงหานพูดก็ถูกต้อง จุนเหวินเกรงใจแล้ว”สีหน้าของเสิ่นจุนเหวินเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบ หานหลงก็พูดถึงขนาดนี้แล้ว ชัดเจนแล้วว่ายืนอยู่ข้างเขา เขาอยากจะรู้แล้วสิ ว่าครั้งนี้เสิ่นจุนเหวินจะเอาตัวรอดยังไง
“นี่คือเจ้าหนุ่มที่นายบอกว่าฝีมือเลิศเลองั้นเหรอ?” หานหลงมองเฉินเฟิงด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่เข้าประตูมา เขาก็เห็นเฉินเฟิงแล้ว ไม่ใช่ว่าหน้าตาเฉินเฟิงดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่เพราะกลิ่นอายบนตัวของเฉินเฟิงมีเอกลักษณ์สะดุดตามาก
“ลุงหาน ก็คือเขา”เสิ่นจุนเหวินรีบพยักหน้า
“เจ้าหนุ่มชื่อว่าอะไรล่ะ?”น้ำเสียงของหานหลงเป็นมิตรมาก คนที่ไม่รู้จักก็คงคิดว่าเขากำลังทักทายรุ่นน้อง
“ชื่อผม?”เฉินเฟิงมองหานหลงอย่างหน่ายๆ ก่อนส่ายหน้า “อย่างคุณไม่สมควรรู้ชื่อผมหรอก ให้ลูกน้องคุณลงมือเลยเถอะ ผมรีบ”เฉินเฟิงขี้เกียจจะเสียเวลากับรอยยิ้มหน้าเนื้อใจเสือแบบนั้น มันไม่จำเป็น
ทุกคนพากันสูดหายใจเฮือก ไม่มีใครคาดคิด ว่าต่อหน้าหานหลง เฉินเฟิงจะกล้ายโสขนาดนี้
“เฮ้ย! เฉินเฟิง นายบ้าไปแล้วเหรอ! รู้รึเปล่าว่าลุงหานคือใคร?” เสิ่นจุนเหวินตะคอกด่า ถ้าเฉินเฟิงจะบ้าคลั่งต่อหน้าเขาก็พอปล่อยไปได้ แต่ต่อหน้าหานหลง เขามีสิทธิ์อะไร?!
“ก็ไม่ได้อยากรู้”เฉินเฟิงพูดเบาๆ คำพูดนั้นทำเอาพวกลูกน้องกว่ายี่สิบด้านหลังของหานหลงเคืองไม่น้อย เจ้าขยะนี่ ไม่นึกว่าจะกล้าดูหมิ่นราชาใต้ดินของพวกเขาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะหานหลงยังไม่ออกคำสั่ง พวกเขาจะต้องปรี่เข้าไปหักกระดูกเฉินเฟิงแน่
หานหลงมองเฉินเฟิง บนใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม “เฉินเฟิงใช่มั้ย? ฉันไม่ได้คนหนุ่มที่บ้าขนาดนี้มานานแล้ว แต่ว่าคนหนุ่มน่ะ บ้าสักหน่อยก็ถือเป็นเรื่องดี ลุงหานน่ะตอนนี้ถึงอยากจะบ้าก็บ้าไม่ออกแล้วล่ะ”
น้ำเสียงของหานหลงเจือความคิดถึงอยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปยังผู้จัดรายการหลายคนแล้วพูดยิ้มๆ “หยุดการถ่ายทอดสดเถอะครับ”
“ครับ ท่านหาน”
เหล่าผู้จัดรายการรีบพยักหน้า แม้ว่าผู้ชมการถ่ายทอดสดจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดนี่อาจจะเป็นการถ่ายทอดสดที่ตื่นเต้นที่สุดเท่าที่พวกเขาเห็นมาในชีวิต ตอนแรกก็เป็นเสิ่นจุนเหวินกับเสี้ยเมิ่งเหยา ต่อมาก็เป็นบุคคลในตำนานของเมืองชางโจว หรือหานหลงที่รู้จักกันในนามราชาใต้ดิน
พวกเขาอยากรู้มาก ว่าหานหลงจะจัดการกับเฉินเฟิงผู้บ้าคลั่งคนนี้ยังไงกันแน่
อารมณ์ของเสิ่นจุนเหวินในตอนนั้นทั้งเสียใจและตื่นเต้นไปแล้ว เสียใจที่ให้คนทั้งเมืองได้เห็นความอับอายของเฉินเฟิงไม่ได้ ส่วนที่ตื่นเต้น ก็เพราะหานหลงให้หยุดการถ่ายทอดสดแล้ว นั่นก็ชัดเจนว่า ต่อจากนี้ไป เขาจะต้องใช้วิธีที่โหดเหี้ยมจัดการเฉินเฟิง
โดยวิธีนี้ ตามปกติคงจะให้คนนอกมาเห็นไม่ได้
“เจ้าหนุ่ม ลุงหานเองก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เอางี้ หักกระดูกกับถลกหนัง นายเลือกสิ เลือกเสร็จแล้วลุงจะวันนี้ลุงจะเห็นแก่หน้านาย ลงมือเองเลย” หานหลงยังคงยิ้มร่า ราวกับกำลังพูดเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองเลย
แต่ลูกน้องที่ติดตามหานหลงมาหลายปีกลับรู้ดี ว่าหานหลงนั้นโกรธแล้ว!
ไม่งั้นคงไม่ลงมือเอง ทั้งยังเป็นวิธีลงโทษอย่างที่โหดเหี้ยมมากอีกด้วย!