ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 68 ตัดมือเขาหนึ่งข้าง
บทที่ 68 ตัดมือเขาหนึ่งข้าง
“คุณชายเฉิน?”เสิ่นจุนเหวินยิ่งสับสนเข้าใจใหญ่ หากว่าในสถานการณ์นี้ คนที่จะเรียกว่าเป็นคุณชายได้ ก็คงจะมีแต่เขาเสิ่นจุนเหวิน มีคุณชายเฉินที่ไหนกัน?
“คุณลุง ผมอยู่ที่นี่ไม่เห็นจะมีคุณชายเฉินอะไรเลย”สีหน้าของเสิ่นจุนเหวินเต็มไปด้วยความหดหู่ เขาไม่ได้คิดถึงเฉินเฟิงเลยสักนิด ถึงแม้เฉินเฟิงจะสกุลเฉิน แต่สถานะของเฉินเฟิงคืออะไรล่ะ? ลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ได้เป็นคุณชายอะไรสักหน่อย
เสิ่นหงชังแทบจะกระอักเลือด เขาว่าเขาพอจะเข้าใจแล้วล่ะ เจ้าหลานชายไม่รักดีของตัวเองนั้นตอนนี้ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเฟิง เขาคิดจะบอกฐานะของเฉินเฟิงกับเสิ่นจุนเหวิน แต่ถ้าเฉินเฟิงยืนอยู่ข้างๆ งั้นการจะบอกทางโทรศัพท์ก็ไม่เหมาะสมเท่าไหร่
เสิ่นหงชังกัดฟันอย่างช่วยไม่ได้ “แกรอฉันอยู่ที่นั่น ตั่งแต่นี้เป็นต้นไป แกจะทำอะไรกับใครก็ต้องเคารพเขาเสมอ ถ้ายังสร้างเรื่องอีกละก็ ฉันจะหักขาแกทิ้งซะ!”
“คุณลุง….”เสิ่นจุนเหวินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เสิ่นจุนเหวินก็รีบวางสายไปเสียแล้ว
หานหลงที่อยู่ข้างๆ ก็ประหลาดใจเช่นกัน คนที่ทำให้เสิ่นหงชังต้องระมัดระวังด้วยขนาดนี้ คนที่เรียกว่าคุณชายเฉินนั่น ตัวตนที่แท้จริงคืออะไรกันแน่?
หรือว่า…..
หานหลงเบนสายตาไปยังเฉินเฟิง แต่มองการแต่งตัวของเฉินเฟิงแล้ว ไม่มีอะไรที่ดูจะเกี่ยวข้องกับคำคุณชายเลยสักนิด
ไม่ถึงสิบนาที รถโรลส์รอยซ์ของเสิ่นหงชังก็มาจอดที่ใต้อาคารหวงเห้า เสิ่นหงชังพาอาหู่อาเป้าลงมาจากรถ
นั่นสร้างความตกใจให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่น้อย ไม่รู้ว่าที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารหวงเห้านี้คือใครกันแน่ ถึงได้ทำให้พวกผู้ยิ่งใหญ่เคลื่อนไหวได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนแรกก็ทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองอย่างเสิ่นจุนเหวิน ต่อมาก็เป็นราชาโลกใต้ดินหานหลง ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าแม้แต่เสิ่นหงชังก็ยังมา
พนักงานต้อนรับเสิ่นหงชังที่ประตูก่อนพาขึ้นไปชั้นบนสุด
เสิ่นหงชังเพียงก้าวเข้าประตูห้องอาหาร ก็เห็นเสิ่นจุนเหวินที่กำลังมองซ้ายมองขวาและหานหลงที่มือกำลังบิดลูกประคำ
เมื่อเห็นหานหลง รูม่านตาของเสิ่นหงชังก็หดเล็กทันที ทำไมหานหลงมาอยู่ที่นี่?!
เขาคงไม่ได้ทำอะไรกับเฉินเฟิงใช่มั้ย?!
เสิ่นหงชังเริ่มวิตกกังวล ถ้าหากเกิดอะไรกับเฉินเฟิงที่นี่ ทั้งชางโจวจะต้องเกิดภัยพิบัติอย่างไม่เคยมีมาก่อนแน่
เพราะเสิ่นจุนเหวิน น่ากลัวว่าทั้งตระกูลเสิ่นอาจจะต้องถูกฝังด้วยเฉินเฟิง!
เสิ่นหงชังรู้สึกว่าขาของตัวเองเริ่มจะหมดเรี่ยวแรง ในขณะเดียวกันในใจก็ภาวนาว่าอย่าได้เกิดอะไรขึ้นกับเฉินเฟิงเลย
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว เสิ่นหงชังก็พบเงาร่างหนึ่งที่กำลังนั่งกินอาหารบนโต๊ะอย่างสบายใจ
นั่นก็คือเฉินเฟิง
เมื่อเห็นเฉินเฟิงยังอยู่ปลอดภัยดี นอกจากนี้ยังดูอารมณ์ดีใช้ได้ หัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ ของเสิ่นหงชังก็พอจะวางลงได้
“คุณลุง ที่นี่ไม่มีคุณชายเฉินอะไรนั่นสักหน่อย ลุงจำคนผิดรึเปล่า?”เมื่อเสิ่นหงชัง เสิ่นจุนเหวินก็รีบเดินเข้าไป
ไม่นึกว่าเสิ่นหงชังจะเพียงแค่เหลือบเสิ่นจุนเหวินเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปยังเบื้องหน้าของเฉินเฟิงที่กำลังทานอาหารอยู่ แล้วโค้งคำนับด้วยความเคารพ “คุณชายเฉิน ขอประทานโทษด้วยครับ ผมมาสายไปหน่อย”
คุณชายเฉิน!!!
รูม่านตาของหานหลงหดเล็ก เป็นอย่างที่คิด!
ลูกตาของเสิ่นจุนเหวินแทบจะถลนออกมา
“คุณลุง เขา…เขา…”เสิ่นจุนเหวินชี้นิ้วไปที่เฉินเฟิง พูดตะกุกตะกัก
“เพียะ”
เสิ่นหงชังเงื้อมือขึ้นตบหน้าของเสิ่นจุนเหวิน ตวาดอย่างรุนแรง“เจ้าเด็กไม่รักดี ยังไม่คุกเข่าขอโทษคุณชายเฉินอีก!”
เสิ่นจุนเหวินสัมผัสรอยมือแดงบนหน้าก่อนคุกเข่ากระแทกลงบนพื้นอย่างไม่ลังเล “คุณชายเฉิน ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว”
สีหน้าของเสิ่นจุนเหวินเต็มไปด้วยความกลัว ครั้งนี้เขากลัวจริงๆ เขาจินตนาการไม่ออกเลยสักนิดว่าคนที่จะทำให้ลุงของเขาเรียกด้วยความเคารพว่าคุณชายเฉินได้ จะเป็นคนที่น่ากลัวขนาดไหนกันแน่
เฉินเฟิงโบกมือ พูดสบายๆ “ลุกขึ้นเถอะ ฉันก็บอกแล้ว ว่าเรื่องของพวกเราในอดีตมันผ่านไปแล้ว”
เสิ่นจุนเหวินจะไปกล้าลุกขึ้นได้ยังไง ก่อนที่เฉินเฟิงจะปราบหานหลง ถึงเขาจะกลัว แต่ก็ยังไม่กลัวถึงขั้วหัวใจขนาดนี้ แต่ตอนนี้ เสิ่นหงชังที่เป็นที่พึ่งเดียวของเขา ยังมีท่าทีต่อเฉินเฟิงแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าหากเขาทำให้เฉินเฟิงไม่สบอารมณ์อีกรอบ คงได้ตายไม่มีดินกลบหน้าแน่ๆ !
ทั้งพระเจ้าหรือราชาก็ไม่มีใครช่วยเขาได้!
เฉินเฟิงยิ้มเจื่อนมองเสิ่นหงชัง “คุณเสิ่น ให้หลานคุณลุกขึ้นเถอะ ก่อนหน้านี้พวกเราแค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่ตอนนี้มันผ่านไปแล้ว”
“คุณชายเฉิน คุณใจกว้างเกินไปแล้ว หลานชายผมคนนี้ โดนตามใจจนติดนิสัย ผมไม่ได้อบรมเขาให้ดี ไม่นึกว่าเขาจะจองหองพองขนจนกล้ามายุ่งแม้แต่กับคุณ”
“ครั้งจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด คุณชายเฉิน คุณต้องให้บทเรียนกับเขาบ้างนะ”เสิ่นหงชังมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความเคารพนับถือ หลังพูดจบ เขามองไปยังอาหู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดเสียงลอดไรฟัน“อาหู่ ตัดมือเจ้านี้ข้างหนึ่ง!”
“ครับ เจ้านาย”อาหู่ดึงกริชออกมาจากเอวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แล้วเดินไปหาเสิ่นจุนเหวิน
เมื่อเห็นเสิ่นหงชังเหมือนจะเอาจริง เสิ่นจุนเหวินก็หน้าซีดเผือด แม้แต่เป้ากางเกงก็เริ่มเปียกแฉะแล้ว ในเวลานี้ เขาไม่กล้าแม้แต่ร้องขอความเมตตา เขารู้ถึงอารมณ์ของเสิ่นหงชังดี ถ้าเขายังกล้าขอความเมตตา น่ากลัวว่าคงจะไม่จบมือข้างเดียวแน่
อาหู่ที่อยู่ตรงหน้าถือกริชเตรียมจะสับลงมา
“คุณเสิ่น ให้มันแล้วไปเถอะ”เฉินเฟิงยิ้ม ยกมือหยุดอาหู่ไว้ เขารู้ว่าการกระทำของเสิ่นหงชังนั้นส่วนหนึ่งเป็นการแสดงเพื่อที่จะให้หน้าเขา
เฉินเฟิงไม่สงสัยเลย ถ้าหากตัวเองไม่ห้ามไว้ เสิ่นหงชังจะต้องตัดมือเสิ่นจุนเหวินให้เขาเป็นคำอธิบายแน่
เพียงแต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คงจะทิ้งแผลไว้ในใจของเสิ่นหงชังอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากเขาจะต้องกำราบเสิ่นหงชังในวันข้างหน้า ก็คงยาก
นอกจากนี้ถ้ามองในระยะยาว การตัดมือเสิ่นจุนเหวิน ก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
“คุณชายเฉิน…”เสิ่นหงชังยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินเฟิงกลับโบกมือแล้วพูด “คุณเสิ่น ผมไม่ได้จิตใจคับแคบขนาดนั้น อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น ก็เอาตามนี้แล้วกันนะ”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เสิ่นหงชังก็ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก รู้สึกจากใจว่าเฉินเฟิงเป็นคนใจกว้างมากจริงๆ สมกับเป็นคนที่เป็นทายาทมหาเศรษฐี
เสิ่นหงชังเดินมาหน้าเสิ่นจุนเหวินก่อนเตะอย่างแรง ตวาดดัง“ยังไม่ขอบคุณคุณชายเฉินอีก!”
เสิ่นจุนเหวินแทบจะคลานไปแทบเท้าเฉินเฟิง พูดขณะน้ำหูน้ำตาไหล “คุณชายเฉิน ขอบพระคุณจริงๆ ขอบพระคุณที่ปล่อยผมไป ก่อนหน้าผมมีตาหามีแววไม่ คุณวางใจได้ ต่อจากนี้ผมไม่กล้าอีกแล้ว”
“ยังมีจากนี้อีกเหรอ? คืนนี้แกไสหัวไปอเมริกาซะ ต่อจากนี้ถ้ากล้ากลับมาชางโจวอีก ฉันจะถลกหนังแก!”เสิ่นหงชังพูดอย่างร้ายกาจ แม้ว่าเฉินเฟิงจะบอกว่าไม่ได้ติดใจ แต่เสิ่นหงชังรู้สึกว่าหากยังให้เสิ่นจุนเหวินอยู่ที่ชางโจว คงจะทำให้เฉินเฟิงรู้สึกไม่ดี
“คุณเสิ่น ให้จุนเหวินอยู่ชางโจวต่อเถอะ ผมยังมีเรื่องที่ต้องให้เขาจัดการ”เฉินเฟิงพูดยิ้มๆ เขายังต้องให้เสิ่นจุนเหวินไปตอนหนึ่งพันล้านคืนมาจากหลินหลัน แล้วให้บทเรียนกับแม่ลูกซุนกุ้ยฟาง ดังนั้นเสิ่นจุนเหวินจะไปไหนไม่ได้
“ครับ คุณชายเฉิน” เสิ่นหงชังรีบตอบรับ