ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 87 คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง
บทที่ 87 คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง
พอมาเทียบๆ กันแล้ว อาเหาจึงค่อยๆ ได้เปรียบ
“ปั่ง”
อาเหาใช้เท้าข้างหนึ่งเตะกระดูกตรงน่องเล็กของกู่สง พอเตะออกไปเพียงแค่หนึ่งครั้ง เขาก็เตะจนกระดูกตรงน่องเล็กของกู่สงแตก!
จากนั้นก็มีเสียงแกร๊กของกระดูกหักดังขึ้น กู่สงก็ล้มลงทีพื้น หน้าของเขานั้นแดงเหมือนสีของตับหมู
ตายแล้ว!
ไป๋กว่างยี่ถลึงตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
กู่สงเป็นตั้งลูกศิษย์ของอาจารย์จิน ตามตำนานแล้วเขาคือนักสู้ที่เก่งกาจมาก!
เขาจะพ่ายแพ้ให้กับไอ้บ้านนอกที่มาจากชางโจวได้ยังไง!
ท่อนล่าง!
ทันใดนั้น จู่ๆ ไป๋กว่างยี่ก็นึกขึ้นได้ว่า การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นเพราะชายหนุ่มที่ทำท่าทางขี้เกียจคนนั้น หลังจากที่พูดคำว่าท่อนล่างสองคำนี้ สถานการณ์ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจว่าท่อนล่างคืออะไร ทว่าตอนนี้เขากลับตอบสนองทุกอย่างได้ทันที
สองคำนี้ ถึงจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้การต่อสู้ครั้งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง!
ไป๋กว่างยี่จับจ้องเฉินเฟิงไว้อย่างไม่คลาดเคลื่อนสายตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหนักใจและความสงสัยออกมา หรือว่าชายหนุ่มคนนั้นถึงจะเป็นเจ้านายตัวจริง?!
“นายเป็นใคร? ” ไป๋กว่างยี่ถามด้วยความสงสัย
“เฉินเฟิง” เฉินเฟิงเอ่ยพูดอย่างเสียงเรียบเฉย
“กู้ตงเชินเป็นอะไรของนาย? ” ไป๋กว่างยี่ถามขึ้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเฉินเฟิงคนนี้ต้องไม่ใช่ลูกน้องของกู้ตงเชินแน่นอน ตำแหน่งและฐานะของเขา ต้องสูงกว่ากู้ตงเชินแน่นอน
เฉินเฟิงหัวเราะออกเสียงแล้วพูดขึ้น “เพื่อน”
“นายจะออกหน้าออกตาแทนกู้ตงเชินหรือไง? ไม่ใช่ว่านายมาสร้างเรื่องกวนใจให้กับตระกูลไป๋ของฉันนะ? ” ไป๋กว่างยี่ถามหลายคำถามในเวลาเดียวกัน เหมือนมองไม่ออกว่าตัวตนที่แท้จริงของเฉินเฟิงเป็นยังไง เขาต้องถามคำถามเพื่อลองใจเฉินเฟิงด้วยความละเอียด
เฉินเฟิงจึงยิ้มอย่างไม่เข้าใจแล้วพูดขึ้น “ตระกูลไป๋ของพวกคุณ……เก่งมากหรือไง? ”
ไป๋กว่างยี่ทำสีหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมาทันที นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนดูถูกตระกูลต่อหน้าเขาแบบนี้
“คุณนายโผล่มาจากไหนกัน? ” ผ่านไปสักพัก ในปากของไป๋กว่างยี่เอ่ยพูดคำๆ นี้ออกมา ในจินหลิงมีเศรษฐีร่ำรวยมากมาย ทว่าไม่มีตระกูลร่ำรวยตระกูลไหนที่มีแซ่ว่าเฉิน
“นายไม่สมควรรู้” เฉินเฟิงเอ่ยพูดด้วยเสียงเรียบเฉย เขามองไป๋กว่างยี่เพียงพริบตาเดียว “ฉันรู้ว่ากู้ตงเชินยังมีชีวิต ถ้านายอยากจะรู้จักฉัน ก็พาฉันไปหาเขาก่อนสิ”
“ถ้าฉันไม่อยากรู้จักแกล่ะ? ” ไป๋กว่างยี่ทำปากแข็ง เขายังคงไม่เชื่อ ต่อหน้าคนมากมายเฉินเฟิงจะทำอะไรเขาได้
“ไม่อยากรู้จัก? ” เฉินเฟิงยิ้มขึ้น จากนั้นก็ทำสีหน้าที่เย็นชาขึ้นมาทันที “งั้นวันนี้ฉันให้แกได้ลิ้มรสเอง! ”
ไป๋กว่างยี่ทำสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป จริงๆ แล้ว เฉินเฟิงไม่มีทางฆ่าเขาที่นี่ได้ ทว่าแค่จะกระทืบเขาเท่านั้น
ถ้าเขาถูกผู้ชายกระทืบต่อหน้าหลิ่วอีอี งั้นวันข้างหน้าเขาก็อย่าคิดจะได้เงยหน้าขึ้นต่อหน้าหลิ่วอีอีอีกต่อไป
สุดท้าย ไป๋กว่างยี่จึงกัดฟันเอ่ยพูด “กู้ตงเชิน ไอ้หมาตัวนั้นไม่ได้ตายจริงๆ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง นายจะกล้าเข้าไปหรอ? ”
“มีอะไรไม่กล้าเข้าไปหรอก แกนำทางก็พอ” เฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างขี้เกียจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงเป็นสถานที่แบบไหน ทว่าเขากลับไม่กลัวไป๋กว่างยี่จะเล่นตุกติกอะไร ในเขตพื้นที่จินหลิง ที่สามารถข่มขู่เขา ก็คงมีแค่สัตว์ประหลาดแก่ไม่กี่ตัวเท่านั้น และสัตว์ประหลาดไม่กี่ตัวพวกนั้น คนอย่างไป๋กว่างยี่ไม่สามารถเข้าถึงได้
“เหอะ ถือว่ามีความกล้าไม่น้อย! ” ในใจของไป๋กว่างยี่กำลังแสยะยิ้มขึ้น เฉินเฟิงมันหน้าโง่ แม้กระทั่งคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงเป็นสถานที่อะไรเขาก็ยังไม่รู้ ต้องได้ไล่เขาออกไปแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีความมั่นใจในตัวหรือว่าหยิ่งทะนงเกินไป
“ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว งั้นนายก็ไปกับฉัน” ไป๋กว่างยี่หรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงเป็นกองบัญชาการของเขา พอถึงที่นั่น ต่อให้เฉินเฟิงมีปีกก็บินออกมาไม่ได้!
“ได้” คำตอบของเฉินเฟิงกลับสามารถตอบกลับมาด้วยคำพูดสั้นๆ ได้ใจความ
“กว่างยี่ พาอีอีไปด้วยสิ ตลอดทางมีเรื่องอะไรเธอจะได้เป็นคนวิ่งธุระแทนคุณ” หลิ่วจื้อโจวพูดขึ้นและทำตาหยี เฉินเฟิงไม่รู้ว่าคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงเป็นสถานที่อะไร เขาก็รู้ ถ้าหลิ่วอีอีถือโอกาสนี้ ไปมีความสัมพันธ์กับคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง งั้นก็ต้องนำพาผลประโยชน์มาให้ตระกูลหลิ่วที่ยากที่จะจินตนาการแน่นอน
“น้องอีอี น้องหมายความว่าอะไร? ” ไป๋กว่างยี่ยิ้มพลางมองหลิ่วอีอี
“ฉัน……ไม่มีความเห็นอะไรคะ” หลิ่วอีอีฝืนยิ้มพลางพูดขึ้น เธอกลับอยากจะบอกว่ามีความเห็น ทว่าหลิ่วจื้อโจวต้องการที่จะเลียแข้งเลียแขนของตระกูลไป๋ กลับไม่ได้ให้โอกาสเธอเลยสักครั้ง
“งั้นก็ไปกับผมเถอะ ผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดี” ไป๋กว่างยี่ยิ้มอ่อนๆ พลางพูดขึ้น พอดีที่เขาสามารถถือโอกาสนี้ ทำให้หลิ่วอีอีรู้ เฉินเฟิงและอาเหาที่เธอบอกว่าเป็นเพื่อน ต่อหน้าผู้คนที่ต้องการสานความสัมพันธ์ด้วย ทำให้ดูตลกมาแค่ไหน!
จากนั้นคนขับรถของตระกูลไป๋ ก็ขับรถพาทั้งสี่คนไปคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง
ตอนแรก เฉินเฟิงกลับไม่เข้าใจว่าคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงเป็นสถานที่ที่อันตรายแค่ไหน จนกว่ารถขับรถพาพวกเขาไปถึงภูเขาส่วนลึกลูกหนึ่ง เฉินเฟิงก็รู้ว่าคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ก็คือคฤหาสน์ที่มีไว้พักผ่อนหย่อนใจนี่เอง
เป็นคฤหาสน์ที่คล้ายๆ บ้านสวน ทว่ากลับมีระดับกว่าบ้านสวน
ที่นี่ไม่เพียงแต่มีสวนผลไม้หรือสวนผัก และยังเป็นเขตล่าสัตว์อีกด้วย สำหรับคลับ โรงภาพยนตร์ พวกที่เป็นสถานที่ให้ความบันเทิง ก็ยิ่งครบถ้วนทุกอย่าง
สวนผลไม้และสวนผักเป็นกิจกรรมทางด้านพนักงานออฟฟิศจัดขึ้น เพื่อที่จะสร้างความผ่อนคลาย และส่วนของเขตล่าสัตว์จะเปิดให้เฉพาะสมาชิกวีไอพีเท่านั้น
ถ้าคุณเป็นสมาชิกวีไอพีที่พรีเมี่ยมมากพอ ตอนอยู่ในเขตล่าสัตว์ แม้กระทั่งหมีดำและพวกเสือหมาป่าที่เป็นสัตว์สงวนก็ยังสามารถเป็นสัตว์ป่าของคุณได้ อีกอย่าง คุณจะสามารถล่าหมีหรือเสือได้หรือไม่ได้ ก็ต้องดูว่าคุณมีปัญญาไหม
ยิ่งเข้าใกล้เขตคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลงเท่าไหร่ สีหน้าของไป๋กว่างยี่ก็ยิ่งดูน่ากลัวกว่าเดิม
พื้นที่ในเขตคฤหาสน์นั้นกว้างใหญ่มากๆ ต่อให้ตอนนี้เป็นวันทำงานปกติ ในคฤหาสน์ก็ยังมีนักท่องเที่ยวไม่น้อย
ในคฤหาสน์ไม่อนุญาตให้ขับรถส่วนตัวเข้ามา ทว่ายามที่อยู่ตรงหน้าประตู พอเห็นว่าบนรถไป๋กว่างยี่นั่งอยู่ ก็ได้ปล่อยให้รถขับเข้าใจทันที ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไป๋กว่างยี่มีฐานะที่สูงส่งมากๆ
“อีอี คุณรู้สึกว่าที่นี่เป็นยังไงบ้าง? ” ไป๋กว่างยี่ถามด้วยสีหน้าที่ได้ใจ
“ยัง……ยังไม่เลว” หลิ่วอีอียืนยิ้มออกมา ความจริงแล้ว คฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง มีชื่อเสียงในจินหลิงมากๆ คนที่เป็นคนในพื้นที่จินหลิง สถานที่ที่อยากไปที่สุด ก็คือสถานที่ที่ให้ความบันเทิงและได้พักผ่อน ทุกคนก็มักจะมาทางนี้
ทว่าที่นี่ถือว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และยังต้องทำบัตร บัตรที่ธรรมดาที่สุดก็คือบัตรสีขาวอมเงิน หนึ่งใบต้องมีเงินในนั้นราวๆ แสนกว่าๆ
และถ้าเป็นบัตรทองต้องมีเงินห้าแสน
สำหรับบัตรสีขาวและสีทองที่พรีเมี่ยมกว่า หนึ่งใบก็ต้องมากกว่าหนึ่งล้าน
และถ้าในใบมีเงิน ก็ไม่สามารถใช้ในการใช้จ่าย ถ้าต้องการใช้เงินก็ต้องเติมต่างหาก
ประโยชน์ของบัตรสมาชิกคือ การตัดสินใจสถานที่หรือเครื่องเล่นที่คุณสามารถเล่นได้
สำหรับการล่าสัตว์ในเขตล่าสัตว์ มีแค่บัตรสีขาวทองเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
หลิ่วอีอีก็คือแขกที่เป็นสมาชิกของที่นี่ แต่เป็นเพียงบัตรสีขาวอมเงินที่ต่ำที่สุด
“เดี๋ยวผมจะให้คนส่งบัตรสีขาวทองให้คุณหนึ่งใบนะ วันข้างหน้าถ้าคุณจะมากับเพื่อนร่วมห้องหรือเพื่อนมาที่นี่ก็ได้” ไป๋กว่างยี่ยิ้มพลางพูดขึ้น เขายังเป็นผู้ถือหุ้นที่นี่ และถือเป็นร้อยละสิบของคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง ต่อให้เป็นบัตรขาวทองที่มีมูลค่าหนึ่งล้าน แต่สำหรับเขา ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสอะไร แค่สามารถเอาใจหลิ่วอีอีให้รู้สึกดีใจ เขายอมที่จะให้