ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 92 ไอ้คนหลอกลวง
บทที่ 92 ไอ้คนหลอกลวง
หลังจากที่หยางไท่กำชับเสร็จแล้ว ตระกูลหยางที่ยิ่งใหญ่ เริ่มทำงานเหมือนเครื่องจักรที่มีความแม่นยำ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ตรวจสอบออกมาได้หลายเรื่อง
ก่อนหน้านี้เรื่องที่เฉียวเสี่ยวโย่วใช้Rolls Royceห้าคันมารับเฉินเฟิง ก็ปิดบังตระกูลหยางไม่ได้อย่างแน่นอน
ผ่านไปไม่นาน เอกสารชิ้นหนึ่งก็วางอยู่บนโต๊ะทำงานของหยางไท่
“คนของตระกูลเฉิน?!” หยางไท่เบิกตาโต ความตกใจของเขาในขณะนี้ เทียบกับเมื่อครู่ที่ได้ยินว่าสงสัยเฉินเฟิงเป็นจอมยุทธ์หั้วจิ้งขั้นต้น มากกว่าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า!
เขตพื้นที่ของตระกูลเฉิน ไม่ใช่อยู่ในเขตของเมืองหลวงเหรอ? มาถึงจินหลิงเมื่อไหร่กัน” สีหน้าของผางตงฉีก็ดูเคร่งขรึมเช่นกัน ตระกูลหยางที่จินหลิง กับตระกูลเฉินที่ยันเจียง ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
หยางไท่อยู่ที่จินหลิง ก็มีคนให้ฉายาเขาว่าเจ้าชาย แต่ถ้าไปถึงยันเจียง หยางไท่ก็แค่เด็กเมื่อวานซืน!
“ไม่ทราบว่า ในบรรดาทายาทของตระกูลเฉิน ดูเหมือนว่าไม่มีใครชื่อเฉินเฟิง”เหมือนว่าตระกูลเฉินตระกูลใหญ่นี้ การแข่งขันกันระหว่างผู้สืบทอดเป็นไปอย่างดุเดือด คนที่หวังว่าการสืบทอดจะตกเป็นของตระกูลเฉิน ก็มีเพียงไม่กี่ราย ข้อมูลของคนเหล่านั้น หยางไท่มีหมด แต่กลับไม่มีสิ่งใดที่จะตรงกับภาพถ่ายของเฉินเฟิง
แต่ถ้าเฉินเฟิงไม่ใช่ทายาทของตระกูลเฉิน แล้วเฉียวเสี่ยวโย่วออกหน้ามาต้อนรับได้อย่างไร?
“นายน้อย ไม่ว่าคน ๆ นี้จะเป็นทายาทของตระกูลเฉินหรือไม่ ก็ไม่ใช่คนที่พวกเราสามารถล่วงเกินได้ กระผมแนะนำนายน้อยว่า ยังต้องคิดวิธีเอาใจคนนี้ให้เร็วที่สุด เกรงว่าคนผู้นี้จะไม่พอใจกับตระกูลหยาง” ผางตงฉีกล่าวอย่างเคร่งขรึม แม้ว่าเฉินเฟิงจะไม่ใช่ทายาทของตระกูลเฉินก็ตาม หรือเป็นแค่คนรับใช้ของตระกูลเฉิน หยางไท่ก็จะไปล่วงเกินไม่ได้
คำเหล่านี้เหมือนกับอ่างน้ำเย็นยังไงอย่างงั้น ได้กระตุ้นให้หยางไท่ตื่นขึ้นทันที จริงๆแล้ว ไม่ว่าเฉินเฟิงจะเป็นทายาทของตระกูลเฉินหรือไม่ เขาก็ไม่สามารถล่วงเกินได้!
“ตาผาง คุณพูดถูก รีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ ฉันอยากรู้ว่าเฉินเฟิงอยู่ที่ไหน” หยางไท่พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม เขาต้องการพาไป๋กว่างยี่และหยางชิงไปขอโทษ! อย่างน้อยเขาก็ต้องให้เฉินเฟิงเห็นความจริงใจของเขา!
“นายน้อย ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงแรมจินหลิง” ผางตงฉีกล่าว
“เตรียมรถ พวกเราไปที่นั่นกัน!” สายตาของหยางไท่หรี่ลงเล็กน้อยขณะที่พูด
ในเวลาเดียวกัน ภายในโรงพยาบาลหยินหมินแห่งแรกของเมือง
ไป๋กว่างยี่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย แม้ว่าจะได้รับการรักษาเพื่อลดอาการบวม แต่ใบหน้าของเขา ยังคงบวมเหมือนหัวหมู กระดูกมือขวายิ่งถูกเหยียบจนแหลกละเอียดโดยสิ้นเชิง ความหวังที่จะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่มีเลย
อาการเจ็บปวดจากการฉีกขาดแพร่ออกมาทั่วร่างกาย ไป๋กว่างยี่ดูทรมานมาก เหม่อลอยจ้องมองไปที่เพดานอย่างว่างเปล่า ดวงตาไม่มีสีสันใดๆทั้งสิ้น
ทันใดนั้น ชายหนึ่งหญิงหนึ่งลุกลี้ลุกลนพุ่งเข้ามาในห้องผู้ป่วย ด้านหลังมีนักเลงใส่สูทสีดำตามมาสิบกว่าคน เมื่อเห็นท่าทางที่น่าเวทนาแบบนี้ หญิงสาวที่แต่งตัวหรูหรารีบไปที่เตียงของไป๋กว่างยี่ทันที
“ลูกแม่ ลูกเป็นอะไร? ใครเป็นคนทำ!”หญิงสาวร้องด้วยน้ำเสียงที่คร่ำครวญ หลังจากที่ตัวเองได้ยินคนบอกว่าลูกถูกหักแขนข้างหนึ่ง เธอรีบวางงานที่บริษัททันที และรีบมาที่โรงพยาบาล
“แม่ ต้องช่วยผมแก้แค้น!ผมจะฆ่ามัน!” พอเห็นหญิงสาว ดวงตาที่เหม่อลอยของไป๋กว่างยี่ ก็มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เสียงแหบตะโกนออกมา
“ลูกแม่ มันเป็นใคร! ลูกพูดออกมา แม่จะให้คนไปจับตัวมันมาให้ได้ จะทุบกระดูกแล้วส่งมาให้ตรงหน้าลูก!” หญิงสาวมีดวงตาสีแดง พูดด้วยความโมโห ไป๋กว่างยี่เป็นลูกชายคนเดียวของเธอ ตั้งแต่เด็กจนโต แม้แต่คำพูดแรงๆเธอยังไม่เคยพูดกับไป๋กว่างยี่สักคำ คิดไม่ถึงว่าวันนี้ จะมีคนทำร้ายมือของไป๋กว่างยี่ไปข้างหนึ่ง เช่นนี้จะให้เธอทนได้ยังไง!
“เฉินเฟิง! มันชื่อว่าเฉินเฟิง มาจากเมืองชางโจว!” ไป๋กว่างยี่พูดอย่างอาฆาตแค้น
“มาจากเมืองชางโจว!” หลี่ชิวเยี่ยนตกใจมาก แล้วก็โมโหต่อ มือของลูชาย กลับกลายเป็นคนบ้านนอกจากเมืองชางโจวมาทำร้าย!
“แม่จะไปหามันเดี๋ยวนี้!” หลี่ชิวเยี่ยนกัดฟันพร้อมลุกขึ้น เตรียมที่จะไปหาเฉินเฟิง
เวลานั้น ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยท่าทางครึมจากที่เงียบมาโดยตลอดเริ่มเอ่ยปาก: “ไปหาทำไม! แค่นี้เรื่องใหญ่ไม่พอหรือไง!”
ชายวัยกลางคนชื่อว่า ไป๋จิ่วหลิง เป็นพ่อของไป๋กว่างยี่ และยังเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลไป๋
“ไป๋จิ่วหลิง!คุณหมายความว่าไง?! ลูกชายถูกทำร้ายขนาดนี้ คุณเป็นพ่อนะ หรือว่ามองไม่เห็นเหรอ?!”เมื่อเห็นไป๋จิ่วหลิงพูดน้ำเสียงแบบนี้ หลี่ชิวเยี่ยนโกรธขึ้นมาทันที
“นั้นเป็นเขาเองที่หาเรื่อง!” ไป๋จิ่วหลิงพูดด้วยความเย็นชา “คุณก็อีกคน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณตามใจเขาตลอดมา เขาจะสร้างปัญหาไปทั่วไหม? ตอนนี้เป็นไง ไปรุกรานคนที่ไม่ควรถูกรุกราน ถูกหักมือข้างหนึ่ง นั้นถือว่าเบาที่สุดแล้ว! ไม่ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว!”
“นี้คุณกำลังโทษฉันเหรอ?!” หลี่ชิวเยี่ยนโกรธขึ้นมาทันที คร่ำครวญว่า: “ไป๋จิ่วหลิง! เป็นพ่อประสาอะไร!ลูกเกิดเรื่องขนาดนี้ นาทีแรกคุณกลับไม่ได้คิดจะช่วยลูกชายของคุณ ตรงกันข้ามกลับมาโทษฉันคนเป็นแม่เนี่ยนะ!แถมยังบอกอีกว่าลูกชายหาเรื่องเอง!ไป๋จิ่วหลิง คุณมันไร้ประโยชน์!”
“เพี้ยะ”
ไป๋จิ่วหลิงยกมือขึ้น ก็ตบลงไปที่หน้าของหลี่ชิวเยี่ยน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วพูดว่า: “คุณว่าใครไร้ประโยชน์?!”
“คุณรู้ภูมิหลังของอีกฝ่ายไหม? คุณจะไปแก้แค้นเขา? ไอ้นี่ไม่มีสมอง คุณก็ไม่มีสมองเหมือนกันเหรอ?!”
หลี่ชิวเยี่ยนกุมใบหน้าไว้ โกรธจนแทบจะบ้าแล้ว แต่งงานมายี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋จิ่วหลิงทุบตีเธอ
“คนบ้านนอกที่มาจากเมืองชางโจว เขาจะมีภูมิหลังอะไร? ไป๋จิ่วหลิง คุณมันปอดแหก!” หลี่ชิวเยี่ยนด่าทั้งน้ำตา
“คนบ้านนอกที่มาจากเมืองชางโจว จะมีภูมิหลังไม่ได้หรือไง? หลี่ชิวเยี่ยน คุณดูถูกคนบนโลกเกินไปแล้ว! ตามที่ฉันเข้าใจ ที่อีกฝ่ายหักนั้น ไม่ใช่แค่มือของลูกชายเรา ยังมีมือของหยางชิง หยางชิงเป็นใคร หรือว่าคุณไม่รู้?!”
“อีกอย่างแม้แต่กู่สงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนนั้น นี่เห็นได้ชัดว่าคนนั้นก็เป็นจอมยุทธ์ ไอ้โง่นี่ ล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน จะต้องมาล่วงเกินจอมยุทธ์ให้ได้ จอมยุทธ์เป็นคนที่เขาสามารถล่วงเกินได้งั้นเหรอ?!” ไป๋จิ่วหลิงกัดฟันพูด ในความเป็นจริง เขารู้เพียงเรื่องที่กู่สงสู้แพ้ และหลังจากเรื่องที่เฉินเฟิงเข้าไปในคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง เขาก็ไม่ชัดเจนนัก ถ้าเขารู้ว่าเฉินเฟิงแม้แต่กระสุนก็สามารถจับไว้ได้ เกรงว่าตอนนี้เขามีแค่วิธีเดียว คือหนี ให้ทุกคนในตระกูลไป๋ทั้งหมด หนี!
“จอมยุทธ์แล้วยังไง? ในมือของพวกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีจอมยุทธ์ กู่สงสู้แพ้ นั้นก็เพราะเขาไม่มีฝีมือ! ฉันจะหาจอมยุทธ์ที่เก่งกว่ากู่สงไป ฉันไม่เชื่อว่าจะรับมือกับมันไม่ได้!” หลี่ชิวเยี่ยน กล่าวอย่างโหดร้าย พูดแล้วหลี่ชิวเยี่ยนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ตระกูลหลี่ครอบครัวทางฝ่ายเธอ ก็เป็นตระกูลรองจากตระกูลใหญ่ในจินหลิง การหาจอมยุทธ์ที่เก่งกว่ากู่สงไม่ใช่ปัญหา
“ไม่อนุญาตให้ไป!” สีหน้าไป๋จิ่วหลิงเปลี่ยนไป พูดว่า หลี่ชิวเยี่ยนถูกความโกรธครอบงำสมองแล้ว แต่เขากลับไม่ ต้องรู้ว่า ฝ่ายนั้นไม่ใช่แค่หักมือของไป๋กว่างยี่ ยังมีมือของหยางชิงอีก จนถึงตอนนี้ตระกูลหยางยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นี่แสดงว่าเรื่องจะต้องยุ่งยากแน่นอน
ไป๋จิ่วหลิงก็คิดไม่ถึงว่า ไป๋กว่างยี่เพื่อแก้แค้นแล้ว จะปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์นานาชาติจิ่วหลง พูดแค่ว่าอีกฝ่ายหักมือของเขาและหยางชิง กลับไม่ได้พูดว่า สถานการณ์เป็นแบบไหนฝ่ายนั้นถึงได้หักมือของเขา
ถ้าหากว่าไป๋จิ่วหลิงทราบละก็ ก็คงด่าว่าไอ้คนหลอกลวง