ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 97 ความน่ากลัวของจอมยุทธ์
บทที่ 97 ความน่ากลัวของจอมยุทธ์
“ตอนนี้รู้จักวิงวอนขอร้องคนอื่นแล้ว ? เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าจองหองเหรอ?”เฉินเฟิงยกมุมปากขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน หลี่ชิวเยี่ยน คนนี้ เมื่อเดินเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เดินเข้ามาอยากจะตบตัวเองหนึ่งฉาด แสดงความจองหองออกมาอย่างมากเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้รู้ฐานะของเขาแล้ว กลับคุกเข่าลงเหมือนสนุขที่วิงวอนขอความเมตตา
เฉินเฟิงไม่พอใจอย่างมากเลยจริงๆ พวกที่เห็นผู้ที่อ่อนแอก็จะอาละวาดใช้ความรุนแรง เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าก็ร้องเรียกหาพ่อแม่
“ฉัน……”
หลี่ชิวเยี่ยนได้แต่รับปากค่ะๆลูกเดียว ก้มหน้าไม่กล้าพูดจาอะไร
“หักแขนของเขาอีกข้างนึง เพิ่มความจำให้เขา” เฉินเฟิงพูดเบาๆ
“ครับ คุณชายเฉิน” หยางไท่พยักหน้าด้วยความเคารพ แต่กลับรู้สึกว่าเฉินเฟิงค่อนข้างมีความเมตตา ถ้าเปลี่ยนมาเป็นจัดการเขา เกรงว่าจะต้องการชีวิตของไป๋กว่างยี่
“ไม่ได้!นายจะทำแบบนี้ไม่ได้!นายอยากจะหักแขนลูกชายของฉันละก็ เว้นแต่จะฆ่าฉันก่อน!เมื่อเห็นหยางไท่เข้ามาจริงๆ หลี่ชิวเยี่ยนก็ร้อนใจขึ้นในทันที เหมือนกับมนุษย์ป้าที่ปากร้าย ปกป้องไป๋กว่างยี่ไว้”
“ไสหัวออกไป” เสียงที่เย็นชาของหยางไท่ หลี่ชิวเยี่ยนกล้ามาปากร้ายต่อหน้าของตัวเอง มองผิดคนแล้ว เขาคือหยางไท่ไม่ตกหลุมอุบายนี้
“ฉันไม่!ความสามารถของนายแม้แต่เราสองแม่ลูกก็ฆ่าได้!หลี่ชิวเยี่ยนปกป้องไป๋กว่างยี่อย่างแน่วแน่ อำนาจตระกูลหลี่ของเธอก็ไม่น้อยเลยทีเดียว เธอยังไม่เชื่อว่า หยางไท่กล้าที่จะฆ่าพวกเธอสองแม่ลูกต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้”
“คุณคิดว่าผมไม่กล้าจริงๆใช่ไหม?!” สีหน้าของหยางไท่ขาวซีด กัดฟันพูด หลี่ชิวเยี่ยนทำอย่างนี้ ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าเฉินเฟิงแล้ว เจ้าชายแห่งหนานจิงผู้สูงส่ง แม้แต่มนุษย์ป้าปากเสียๆก็รักษาไม่หาย
“นายก็ฆ่าสิ!นายก็ฆ่าพวกเราสองคนแม่ลูกเลย ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!หลี่ชิวเยี่ยนนำเอากลอุบายตีโพยตีพายโวยวายหาเรื่องที่ใช้กับไป๋จิ่วหลิงที่บ้านมาใช้ เริ่มเรียกร้องหาพ่อแม่”
เมื่อสีหน้าของหยางไท่เยือกเย็น สายตาฉายแววความอำมหิตออกมา
ในเมื่อคุณอยากตาย งั้นก็โทษผมไม่ได้แล้ว
“คุณชายหยาง!” ในเวลานี้ ไป๋จิ่วหลิงที่ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำก็ถึงกับทรุดคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว
“คุณชายหยาง ปล่อยพวกเธอสองคนไปเถอะ” ไป๋จิ่วหลิงพูดอย่างถอนหายใจ “เป็นความผิดของผม เป็นผมเองที่ไม่ดูแลคนพวกนี้ให้ดี เป็นเพราะผมยอมชิวเยี่ยนเกินไป จนกระทั่งทำให้พวกเธอเข้ามาสู่ภัยพิบัติที่หายนะเช่นนี้”
“คุณชายหยางไม่พอใจตรงไหน ก็มาทำที่ผมเถอะ”
“ลุงไป๋ คุณกำลังบีบบังคับผมเหรอ?” หยางไท่ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ที่จริงแล้วไป๋จิ่วหลิงเป็นหัวหน้าตระกูลไป๋ ในสถานะตรงนั้นของเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นเขา ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรไป๋จิ่วหลิงจริงๆ
ไป๋จิ่วหลิงส่ายหน้า พูด “คุณชายหยาง ผมไม่ได้บีบบังคับคุณ และผมก็ไม่กล้าบีบบังคับคุณ เลี้ยงดู แต่ไม่อบรมสั่งสอน เจ้าเด็กนี้ทำผิดไปแล้ว ผมในฐานะพ่อ ก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ ครั้งนี้ ให้ผมรับผิดแทนเขาเถอะ”
หยางไท่สีหน้าค่อนข้างดูไม่ดี ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นเพราะไป๋จิ่วหลิงทำให้เขาลำบากใจ
“ช่างมันเถอะ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” ในเวลานี้ เฉินเฟิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พูดกล่าวออกมา
“ออกไป?”
ทั้งสามคนของตระกูลไป๋ต่างพากันตกตะลึงแล้ว ทำไมจู่ๆเฉินเฟิงถึงยอมปล่อยพวกเขาไป?
“คุณชายเฉิน?” หยางไท่มองไปที่เฉินเฟิงด้วยความสงสัย ทำไมเฉินเฟิงถึงต้องตัดสินใจทำแบบนี้
“ไปกันเถอะ หลังจากนี้อย่าให้ฉันเห็นพวกคุณที่จินหลิงอีก” เฉินเฟิงก็ไม่ได้พูดอธิบายอะไร สะบัดมือไล่ให้ออกไปเลย
ความจริงนั้น เฉินเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปแล้ว เพียงแค่จู่ๆก็คิดถึง ช่วงเวลาเหล่านั้นที่ตัวเองและแม่อยู่ที่บ้านของตระกูลเฉิน
เหมือนกับตอนนี้ เขาและแม่ถูกคนรังแก แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ หลี่ชิวเยี่ยนสองแม่ลูกกลับมีคนออกมาปกป้อง คนที่ออกมาปกป้องพวกเธอ คือพ่อ และก็เป็นสามีด้วย
แต่ตัวเองและแม่ กลับไม่มี
คนที่สมควรจะปกป้องพวกเขานั้น ตั้งแต่เขาเกิดในตอนนั้น ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย
ดังนั้นเมื่อเห็นความรักที่จริงใจของไป๋จิ่วหลิง เฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน
“ขอบคุณคุณชายเฉิน!ไป๋จิ่วหลิงโค้งคำนับพร้อมกล่าวขอบคุณด้วยความจริงจัง”
“ขอบคุณคุณชายเฉิน!” ไป๋กว่างยี่และหลี่ชิวเยี่ยนลุกหลีลุกลนกันเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าของเฉินเฟิง แม้ว่าจะไม่รู้ว่า ทำไมจู่ๆเฉินเฟิงยอมปล่อยพวกเขาไป แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
“หลังจากนี้ถ้าหากว่าฉันเห็นคุณหยิ่งผยองอีกละก็ ไม่ใช่แค่หักแขนของคุณแบบนี้แล้ว” เฉินเฟิงพูดอย่างสงบนิ่ง
“คุณชายเฉิน ไม่ทำอีกแล้ว!หลังจากนี้ผมจะอ่อนน้อมถ่อมตน ตีให้ตายผมก็ไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองแล้ว!” ไป๋กว่างยี่รีบเอ่ยปากสัญญา ครั้งนี้เฉินเฟิงได้ให้ความทรงจำแย่ๆกับเขาแล้วจริงๆ เขาจะจดจำเฉินเฟิงไปตลอดชีวิต
“พอได้แล้ว พวกคุณไสหัวไปได้แล้ว” เฉินเฟิงเอ่ยปากพูดเบาๆ เขายังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ
“ขอบคุณคุณชายเฉิน” ไป๋กว่างยี่ก้มศีรษะคำนับครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากที่ไป๋กว่างยี่และไป๋จิ่วหลิงสองสามีภรรยาออกไปแล้ว หยางไท่และผางตงฉีก็บอกลากัน
ในตอนนี้ หลี่ชวนก็เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำ น่องขาของเขา โดนผางตงฉีตีจนหัก แม้ว่าตอนนี้จะเหลือเพียงแค่ขาข้างเดียว แต่เพราะว่าเป็นจอมยุทธ์ ความสมดุลก็ไม่แย่ ใช้ขาข้างเดียวในการย่างก้าวก็ไม่ได้เปลืองแรงอะไร เพียงแค่ดูแล้วไม่ค่อยจะสง่างามสักเท่าไหร่
“คุณชายเฉิน……” บนใบหน้าของหลี่ชวนแสดงรอยยิ้มที่ประจบประแจงออกมา เมื่อกี้ที่เฉินเฟิงพูดเพียงแค่ต้องการให้หลี่ชิวเยี่ยนพาไป๋กว่างยี่มาที่นี่ ก็ให้โอกาสปล่อยเขาไป
“ขอถามคุณสัก2-3คำถาม ถ้าหากตอบได้ดี ฉันก็จะปล่อยคุณไป” เฉินเฟิงพูดอย่างยิ้มๆ
สีหน้าของหลี่ชวนที่หวาดกลัว รีบพูดออกไป : “คุณชายเฉิน ท่านถามได้ตามสบาย หากผมคนนี้รู้ก็จะตอบอย่างหมดเปลือก ”
“วิถีแห่งจอมยุทธ์ของจินหลิงในตอนนี้ มีจอมยุทธ์หมิงจิ้งเท่าไหร่?” เฉินเฟิงเอ่ยปากถาม เนื่องจากชางโจวเกิดการขาดแคลนทรัพยากรในการฝึกซ้อม ดังนั้นจอมยุทธ์จึงค่อนข้างน้อยมาก แต่จินหลิงกลับเป็นเมืองเอก จอมยุทธ์จากทั่วทุกสารทิศต่างก็มาที่นี่เพื่อแสวงหาโอกาสและโชคชะตา ตอนนี้เขามาที่จินหลิง แน่นอนต้องการทราบสถานการณ์วิถีแห่งจอมยุทธ์ของจินหลิง
“จอมยุทธ์หมิงจิ้ง?” หลี่ชวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูด: “คุณชายเฉิน จอมยุทธ์หมิงจิ้งที่จินหลิง ผมพอจะรู้ มีประมาณห้าร้อยถึงหกร้อยคน หนึ่งในนั้น มีประมาณสามร้อยคนที่เป็นหมิงจิ้งขั้นต้น อีกสองร้อยคนเป็นหมิงจิ้งขั้นกลาง และที่เหลือหนึ่งร้อยคน เกือบจะทั้งหมดเป็นหมิงจิ้งขั้นสูงสุด”
เฉินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย จอมยุทธ์หมิงจิ้งห้าร้อยถึงหกร้อยคน เพิ่งจะได้ยิน ก็รู้แล้วว่าจินหลิงเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรกว่ายี่สิบล้านคน ในยี่สิบล้านคน ถึงจะเกิดจอมยุทธ์หมิงจิ้งห้าร้อยถึงหกร้อยคน
แต่ว่าสิ่งนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมปัจจุบันด้วย ตั้งแต่ปลายราชวงศ์หยวนราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงเป็นต้นมา ก็เริ่มปรากฏปืนยาวและปืนใหญ่ขึ้น ในฐานะจอมยุทธ์ก็ได้รับการคุกคามอย่างไม่หยุดหย่อน มีจอมยุทธ์จำนวนมากที่ฝึกฝนอยู่ในหุบเขาลึกกว่าหลายสิบปี เมื่อออกมาจากหุบเขาลึก แม้แต่โอกาสจะแสดงฝีมือก็ไม่มี ก็ถูกยิงด้วยปืนใหญ่จนระเบิดเป็นชิ้นๆ
จนมาถึงยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การพัฒนาอาวุธปืนก็อยู่ในขั้นบรรลุถึงจุดสูงสุด ปืนพกเท่าฝ่ามือ ก็สามารถนำมาสอนความเป็นมนุษย์ให้กับจอมยุทธ์หมิงจิ้งได้
มีเพียงจอมยุทธ์อ้านจิ้งเท่านั้น ถึงจะมีความสามารถในการต้านทานกระสุน แต่ว่า ก็จะต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ระดับหนึ่ง
แน่นอนว่า การฝึกฝนจนถึงหั้วจิ้ง สิ่งที่เรียกว่ากระสุน ก็เป็นแค่เรื่องตลก
ตอนช่วงแรกๆที่เฉินเฟิงและเซียวกั่วจงเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เคยอยู่ที่บางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยเห็นผู้ก่อการร้ายนับสิบคน ปืนที่อยู่ในมือ กราดยิงจอมยุทธ์หั้วจิ้ง ยิงจนหมดกระสุน จอมยุทธ์หั้วจิ้งแม้แต่ตาก็ไม่กะพริบ
นี้ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับการฝึกฝนของจอมยุทธ์ในระดับสูง