ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 99 แมวมอง
บทที่ 99 แมวมอง
เฉียวเสี่ยวโย่วพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ลูกชายของชายแก่คนนี้ ปัจจุบันเป็นรองคณบดีสำนักงานอัยการจินหลิง และยังเป็นลูกเขยตระกูลจ้าว ซึ่งได้รับเกียรติจากตระกูลจ้าวเป็นอย่างดี”
“ตระกูลจ้าวเหรอ?” เฉินเฟิงเหล่ตามอง “ตระกูลจ้าวหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของจินหลิง
“ใช่คุณชายเฉิน ตระกูลจ้าวมีอำนาจมากทั้งในวงการทหารและการเมืองในจินหลิง นายท่านจ้าวเคยรับราชการในเขตทหารจินหลิง มียศทหารพลตรี ในทางการเมืองตระกูลจ้าวกว้างขวางมาก มีมิตรสัมพันธไมตรีกับคณะกรรมการประจำเมืองหลายคนในจินหลิง” เฉียวเสี่ยวโย่วกล่าวตามความจริง
หลังจากฟังจบ เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ แม้อุตสาหกรรมของตระกูลเฉินกระจายไปทั่วประเทศจีน แต่ในแง่ของการทหาร ก็เป็นจุดอ่อนมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับตระกูลจ้าวซึ่งมีอำนาจในด้านการเมืองและการทหาร
“ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้ฉันจะคิดหาวิธีเอง” เฉินเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น บางครั้ง มังกรที่ทรงพลังก็มิอาจบดขยี้งูได้ (อำนาจคนนอกก็มิอาจสู้เจ้าถิ่นได้)
“ค่ะ คุณชายเฉิน”
หลังจากที่เฉียวเสี่ยวโย่วออกไปได้ไม่นาน มือถือของเฉินเฟิงก็ดังขึ้น
“เฉินเฟิง กู้ตงเชินไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เสี้ยเมิ่งเหยาถามอย่างเป็นห่วง ก่อนหน้านี้กลัวว่าเฉินเฟิงกำลังทำงานอยู่ เธอจึงไม่กล้าโทรไปรบกวนเฉินเฟิง ตอนนี้ก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว เดาว่าคงทำงานใกล้จะเสร็จแล้ว เธอจึงโทรมาหา
“ไม่เป็นไร ไปส่งโรงพยาบาลแล้ว” เฉินเฟิงพูดอย่างยิ้มๆ
“งั้นก็ดี” เสี้ยเมิ่งเหยาคลายกังวลเป็นปลิดทิ้ง กู้ตงเชินได้รับการช่วยเหลือแล้ว นั่นหมายความว่าเฉินเฟิงก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
“เฉินเฟิง ทายซิว่าฉันอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของเสี้ยเมิ่งเหยาพูดอย่างมีชีวิตชีวา
เฉินเฟิงมีสีหน้าแปลกไป เมื่อฟังน้ำเสียงของเสี้ยเมิ่งเหยา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ที่ เมืองชางโจว
“ไม่ใช่เธอมาถึงจินหลิง แล้วเหรอ?”
“ฮิฮิ ทายถูกแล้ว แต่ไม่มีรางวัลนะ” เสี้ยเมิ่งเหยากล่าวอย่างสนุกสนาน
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะเข้าไปรับเธอ” เฉินเฟิงพูดอย่างยิ้มๆ
“อยู่ที่สนามบิน เฉินเฟิง คุณไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวฉันกับเฟยหรงจะตกเป็นเป้าสายตาพวกไทยมุงนะ” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดอย่างแผ่วเบา
“รอฉันนะ 15 นาทีถึง” เฉินเฟิงพูดอย่างยิ้มๆ เขาพอจะเดาได้ว่าไทยมุงพวกนั้นหมายถึงอะไร เมื่อก่อนเวลาที่เขากับเสี้ยเมิ่งเหยาออกไปไหนด้วยกัน แค่เขาห่างจากเสี้ยเมิ่งเหยา ไม่ถึง 15 นาที รอบตัวของเสี้ยเมิ่งเหยาก็รายล้อมไปด้วยผู้ชายที่เข้ามาตีสนิท แค่คิดก็รู้แล้ว ว่าสนามบินที่มีผู้คนแออัด เสี้ยเมิ่งเหยาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
คนขับรถของเฉียวเสี่ยวโย่ว ขับรถ ไม่ถึง 15 นาที ก็พาเฉินเฟิงมาถึงสนามบินแล้ว
หลังจากที่มาถึงสนามบิน เฉินเฟิงก็มองเห็นกลุ่มไทยมุงยืนรายล้อมเสี้ยเมิ่งเหยาอยู่ไกลๆ สิ่งที่เฉินเฟิงไม่คาดคิดคือ สวีเฟยหรงก็ยืนอยู่ข้างๆเสี้ยเมิ่งเหยา เต็มไปด้วยใบหน้าที่หงุดหงิด
“สาวสวยสองคน ทำไมถึงให้โอกาสฉันสักครั้งไม่ได้ล่ะ ขอเพียงแค่พวกเธอเข้ามาในวงการ ภายใต้บรรจุภัณฑ์ของบริษัทเราเท่านั้น ไม่ถึงหนึ่งปี ก็สามารถทำให้พวกเธอดังไปทั่วประเทศ กลายมาเป็นดาราแถวหน้าที่รู้จักกันดี รายได้ต่อปีเกิน 100ล้านบาทอย่างง่ายดาย….” ด้านหน้าสวีเฟยหรง มีผู้ชายวัยกลางคนหวีเปียพ่นน้ำลาย เขาเป็นแมวมองเหรียญทองแห่งภาพยนตร์จีน ดาราภาพยนตร์จีนหลายคนในปัจจุบันที่โด่งดังต่างก็เป็นคนที่เขาคัดเลือกมาทั้งนั้น ครั้งแรกที่เห็นเสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรง โจวจื้อเฟิงก็ถูกทั้งคู่สะกดด้วยรูปร่างและความออร่าเจิดจรัสอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ถ้าหากสามารถพัฒนาสองคนนี้เข้าสู่บริษัท เขาจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนอย่างแน่นอน
ฉันจะพูดอีกครั้งหนึ่ง ฉันไม่สนใจ เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้” สวีเฟยหรงพูดอย่างค่อนข้างที่จะหมดความอดทน อาจจะเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ได้ยินว่าเป็นดาราได้ เกรงว่าจะดีใจจนเป็นบ้า แต่เธอก็ไม่ได้สนใจดาราอะไรนั่นเลยจริงๆ ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอก็คือการเป็นคนไร้จุดหมาย วันๆอยู่แต่ในบ้าน กินๆนอนๆ
“สาวน้อย….”โจวจื้อเฟิงยังคิดจะโน้มน้าวต่ออีก แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดแบรนด์ Versace สวมนาฬิกาRolex Green Water Ghost ยืนอยู่ข้างหน้าเขา เขาพูดอย่างยิ้มๆ “ลุงคนนี้ ฟังภาษาคนไม่เข้าใจเหรอ? พี่สาวทั้งสองคนนี้ก็บอกไปแล้วไง ว่าไม่อยากเป็นดารา คุณจะมาเซ้าซี้อะไรนักหนา?”
“เกี่ยวอะไรกับแกด้วย! ฉันกำลังช่วยพวกเธออยู่นะ”โจวจื้อเฟิงเริ่มโกรธ คิดไม่ถึงว่าจะเจอวีรบุรุษกอบกู้ความงาม ชายหนุ่มตรงหน้าเขา แม้จะดูอายุเพียง 21-22 ปี แต่ดูการแต่งตัวแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกคนรวย ดังนั้นโจวจื้อเฟิงจึงรู้สึกโกรธมาก ถ้าหนุ่มคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดา แล้วกล้ามาพูดแบบนี้กับเขาละก็ เขาจะเตะโดยที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอย่างแน่นอน
“ช่วยพวกเธองั้นเหรอ?” หนุ่มหล่อยิ้มเยาะ แล้วพูดว่า “อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าแมวมองตอแหลอย่างพวกคุณคิดจะทำอะไร บอกว่าจะช่วยพี่สาวสองคนนี้ แต่พอพี่สาวทั้งสองคนได้อยู่ในบริษัท ไม่แน่พวกคุณอาจจะทำอะไรก็ได้”
“แก….”โจวจื้อเฟิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แน่นอน ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรงได้รับคัดเลือกให้เข้าไปทำงานในบริษัทจริงๆ ฉะนั้นเรื่องแรกที่พวกเธอจะทำก็คือต้องไปนอนกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เสียก่อน แต่นี่ก็เกือบจะเป็นกฎที่ทุกคนรู้จักกันดีในวงการบันเทิง อยากมีชื่อเสียง จะไม่ยอมเสียอะไรสักหน่อยก็คงจะเป็นไปไม่ได้
“รีบไสหัวไปซะ คุณลุง ขืนยังมารบเร้าพี่สาวทั้งสอง อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจนะ” ชายหนุ่มหน้าหล่อยิ้มอย่างเหยียดหยาม เขาสูงประมาณ 185 เซนติเมตร บวกกับรูปร่างสันทัด เพื่อจัดการโจวจื้อเฟิงทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย
“ได้! ไอ้เปี๊ยก แล้วเห็นดีกัน!”โจวจื้อเฟิงพูดจาดุดันเหี้ยมโหด แล้วก็หันหลังจากไป จะไปทะเลาะกับหนุ่มหล่อคนนั้นน่ะหรือ? เขาไม่ได้โง่นะ แหงล่ะ สู้ยังไงก็ไม่ชนะ
หลังจากที่โจวจื้อเฟิงเดินจากไป หนุ่มหล่อชำเลืองสายตาเย็นชาไปยังพวกผู้ชายที่กำลังจะเข้าไปตีสนิทกับเสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรง และใช้สายตาคุกคามอย่างเห็นได้ชัด
คนเหล่านี้เพียงแค่ยิ้ม ล้มเลิกความคิดที่จะชวนคุย ยังไงซะหนุ่มหล่อคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกคนรวยที่มีภูมิหลัง จะให้ไปแย่งผู้หญิงจากลูกคนรวย พวกเขาไม่กล้าหรอก
“ในที่สุดก็เงียบสักที” หนุ่มหล่อถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่เสี้ยเมิ่งเหยากับสวีเฟยหรงและเขาเผยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อให้
แต่ใบหน้าของเสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรงกลับไร้ความรู้สึก
ตอนนี้เสี้ยเมิ่งเหยากำลังคิดถึงเฉินเฟิง และสวีเฟยหรงเห็นตัวตนที่แท้จริงของหนุ่มหล่อคนนี้มานานแล้ว ก็แค่พึ่งพาบารมีครอบครัว เด็กเมื่อวานซึนขี้มโน ถ้าไม่มีครอบครัว คนแบบนี้ดีแต่เปลือก ไร้ประโยชน์
พี่สาวทั้งสองคนครับ ผมชื่อ หลิ่วจื่อหอาง เรียนหนังสืออยู่ที่ประเทศอังกฤษ วันนี้เพิ่งได้กลับบ้าน” หลิ่วจื่อหอาง ยิ้มและยื่นมือออกมา
เสี้ยเมิ่งเหยาและสวีเฟยหรงกลับไม่ได้มองเขาเลยด้วยซ้ำ
มือของหลิ่วจื่อหอาง คาอยู่กลางอากาศ
เอ่อ พี่สาวทั้งสองคน เย็นชาจริงๆ” หลิ่วจื่อหอาง ยิ้มเบาๆ แล้วดึงมือกลับ แม้ว่าเขารู้สึกเสียใจก็ตาม แต่ก็ไม่แสดงออกมา