ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่183 ยักยอกเงินการผลิต
บทที่183 ยักยอกเงินการผลิต
“ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง พี่จะดุอะไรนักหนา” หวังยุนน่ายู่ปากออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ภายในใจนั้นกลับมีความอยากรู้ถึงสถานะของเฉินเฟิงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เฉินเฟิงไม่พูด เสี้ยห้าวก็ยิ่งมีความอยากรู้ถึงที่มาของรถKoenigseggเพิ่มมากขึ้น เขาไม่ได้โง่เหมือนหลินหลันที่จะคิดว่ารถคันนี้เป็นรถที่เฉินเฟิงเช่ามา
มีปัญญาซื้อรถราคายี่สิบกว่าล้านได้ จะไปขาดเงินสำหรับเช่ารถพวกนั้นได้ยังไง?
ดังนั้นรถคันนี้เฉินเฟิงจะต้องเป็นคนซื้อมาแน่ๆ
แต่ประเด็นสำคัญนั่นก็คือ เฉินเฟิงเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน?
“เสี้ยเมิ่งเหยา เธอหรือเปล่า?” เสี้ยห้าวมองไปทางเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างดุดัน
“อะไรคือฉันหรือเปล่า?” เสี้ยเมิ่งเหยางงงวยออกมา
“เธอเอาเงินให้ไอ้เศษสวะคนนี้ไป เพื่อให้ไอ้เศษสวะคนนี้ไปซื้อรถมาใช่มั้ย?” เสี้ยห้าวเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
เสี้ยเมิ่งเหยาที่ถูกทำให้ไม่พอใจจนหัวเราะออกมา “เสี้ยห้าว นายคิดว่าฉันมีเงินให้เฉินเฟิงมากมายขนาดนั้นหรือไง?”
เฉินเฟิง?
หลังจากที่ได้ยินชื่อนี้แล้ว หวังยุนน่าที่ยืนอยู่ข้างกันนั้นเองก็ได้แสดงอาการตื่นตกใจขึ้นมาอย่างมาก ให้ตายยังไงเธอก็นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มที่ขับรถหรูผู้นี้จะเป็นเฉินเฟิงไปได้!
เฉินเฟิง ลูกเขยเศษสวะแห่งตระกูลเสี้ยที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่ว!
ตั้งแต่เข้ามาที่บริษัท ชื่อของเฉินเฟิง ในทุกๆวันหวังยุนน่าจะต้องได้ยินชื่อนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้งเห็นจะได้
เสี้ยห้าวเกลียดชังเฉินเฟิงจนแทบจะเป็นจะตายเสียให้ได้ คนในตระกูลเสี้ยคนอื่นๆเอ่ยถึงเฉินเฟิงขึ้นมา ก็จะต่อว่ากันออกมาไม่หยุด
นี่จึงทำให้หวังยุนน่าเข้าใจมาโดยตลอดว่า เฉินเฟิงจะเป็นพวกเศษสวะไร้ความสามารถเกินเยียวยาเหมือนพวกโคลนที่เกาะกำแพงไม่ได้จำพวกนั้น
ดังนั้นแล้วตอนที่เฉินเฟิงลงมาจากรถKoenigseggนั้น เธอจึงไม่คิดมาก่อนเลยว่าเฉินเฟิงนั้นจะเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงแห่งตระกูลเสี้ยผู้นั้นได้
เพราะเธอคิดว่าลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาก็คงไม่มีปัญญามาขับรถที่สุดยอดขนาดนี้ได้หรอก
แต่ดันกลับกลายเป็นว่าเฉินฟิงขับมาเสียได้
มิน่าเสี้ยห้าวถึงได้อับอายจนกลายเป็นการโมโหออกมาแบบนี้ไปได้ เป็นไปได้ว่าเสี้ยห้าวเองก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าจู่ ๆเฉินเฟิงจะซื้อรถแบบนี้มาล่ะมั้ง หวังยุนน่าเข้าใจเรื่องทั้งหมดขึ้นมาทันที
“เธอไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น แต่บริษัทมีไง!” เสี้ยห้าวหรี่ตาลงเห็นคนมากมายล้อมอยู่ตรงหน้าประตูบริษัทมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้เอ่ยอย่างดุดันออกไป
“เสี้ยห้าว นายหมายความว่าอะไร?” ใบหน้าสวยของเสี้ยเมิ่งเหยาเยือกเย็นขึ้นมา
“ฉันหมายความว่าอะไร เธอโง่หรือไง?” เสี้ยห้าวยิ้มเย็นออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ชี้หน้าเอ่ยไปทางเฉินเฟิง “เสี้ยเมิ่งเหยา อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ว่ารถของไอ้เศษสวะคันนี้ เป็นรถที่เธอยักยอกเงินการผลิตของบริษัทไปซื้อมา”
“เสี้ยห้าว! นายยังมีสมองอยู่อีกหรือเปล่า?!” เสี้ยเมิ่งเหยาโกรธจนไม่สามารถยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้” เงินทุนในส่วนการผลิตของบริษัท การที่จะเอามาในแต่ละครั้งล้วนต้องมีการเซ็นชื่อลงนามของคุณปู่ทุกครั้ง…”
“อย่าเอาคุณปู่มาเป็นโล่กำบังหน่อยเลย!” คำพูดของเสี้ยเมิ่งเหยายังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ ก็ได้ถูกเสี้ยห้าวขัดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“โปรเจคยู่ฉวนซานก็เป็นเธอที่เป็นคนรับผิดชอบมาโดยตลอด ถ้าเธอคิดจะโกงเงินไป มันก็ทำได้อย่างง่ายดาย คุณปู่ก็ไม่ได้เป็นเทพเซียนเสียหน่อย ท่านจะไปรู้เสียทุกเรื่องได้ยังไง” เสี้ยห้าวแค่นเสียงเย็นออกมา ความจริงแล้ว ภายในใจของเขาเองก็รู้ดีว่าความเป็นไปได้ที่เสี้ยเมิ่งเหยาจะยักยอกเงินการผลิตของบริษัทไปให้เฉินเฟิงซื้อรถมันน้อยมาก แต่ในเวลานี้เขาจำต้องโยนโถขี้นี้ไปยังเสี้ยเมิ่งเหยาให้ได้
เพราะถ้าเสี้ยเมิ่งเหยามีความผิดติดตัว เมื่อเธอไปรายงานเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหลายต่างๆเหล่านั้นกับเสี้ยหยุนเสิ้ง เสี้ยหยุนเสิ้งก็จะไม่มีทางเชื่อเธออย่างสนิทใจแน่
เมื่อถึงตอนนั้น เขาและเสี้ยเมิ่งเหยาที่ต่างมีความเห็นของตัวเองที่แตกแยกกัน เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เสี้ยหยุนเสิ้งอยู่ข้างเดียวกับเขา
หวังยุนน่าเองมองออกทันทีเลยว่าเสี้ยห้าวนั้นกำลังตั้งโทษให้กับคนอื่น เธอฉลาด ดังนั้นแล้วจึงมองออกได้ทันทีว่าเสี้ยห้าวกำลังปูทางให้กับการซักถามของเสี้ยหยุนเสิ้งเรื่องที่เขาแต่งตั้งตนเป็นรองประธานบริษัท ดังนั้นเธอจึงได้รีบเอ่ยปากพูดออกไปทันที “เสี้ยเมิ่งเหยา ฉันบอกกับเธอตามตรงเลยว่า สาเหตุที่พี่ห้าวมอบหมายให้ฉันมาทำหน้าที่เป็นรองประธานนี้ ก็เพื่อสืบเรื่องการยักยอกเงินการผลิตของเธอยังไงล่ะ ถ้าเธอฉลาดพอ ก็ให้สารภาพออกมาให้หมด! อย่ารอให้ฉันต้องสืบหาจนเจอแล้วค่อยมาสารภาพอีกที ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วคงมองหน้าทุกคนไม่ติดแน่!”
“เหลวไหล! ทั้งๆที่ความจริงเรื่องที่เสี้ยห้าวมอบหมายให้เธอทำนั้นมันเป็นความคิดส่วนตัวของเขาล้วนๆ!” เสี้ยเมิ่งเหยากัดฟันแค่นพูดออกไป เธอรู้ได้ทันทีเลยว่าเสี้ยห้าวกับหวังยุนน่ากำลังคิดที่จะโยนโถขี้เรื่องการยักยอกเงินส่วนกลางมาให้เธอต่อหน้าคนของบริษัทมากมาย แต่ปากเดียวของเธอจะไปเถียงสู้สองปากของพวกเขาได้ยังไง
“เหลวไหล?” หวังยุนน่ายกยิ้มเหยียดหยันออกมา พร้อมทั้งเอ่ยออกมาว่า “รอให้ฉันได้หลักฐานมาก่อนเถอะ เธอก็จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้กำลังพูดเหลวไหลเลย”
เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจนั้นของหวังยุนน่าแล้ว พนักงานหลายคนที่กำลังล้อมหน้าประตูก็เริ่มกระซิบกระซาบกันขึ้นมาทันที
“ดูเหมือนว่าประธานเสี้ยจะยักยอกเงินการผลิตของบริษัทไปให้สามีสวะคนนั้นของเธอซื้อรถจริงๆแน่เลย”
“ไม่ใช่แค่ดูเหมือน แต่มันต้องใช่แน่ๆ! สามีของเธอก็แค่คนขับรถส่งของคนนึง เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้นี่ว่าคนขับรถส่งของคนนึงคิดจะซื้อรถหรูราคายี่สิบกว่าล้านได้ นอกจากการโกงเงินแล้ว ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไง?”
“เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าประธานเสี้ยจะเป็นอย่างนี้ ในวันปกติก็เห็นว่าเธอดูซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาอยู่นะ”
“ซื่อสัตย์? ทั้งหมดนั้นมันเป็นแค่การแสดงให้ทุกคนเห็นเท่านั้นแหละ!”
“ประธานเสี้ยเองก็ไร้สมองเกินไปมั้ย ยักยอกเงินคุณก็ยักยอกไปสิ แต่ยังจะมาทำใฝ่สูง ซื้อรถหรูยี่สิบกว่าล้านให้กับเศษสวะไร้ประโยชน์ผู้นี้อีก พอซื้อเสร็จก็หมดตัวแล้วล่ะมั้ง”
กลุ่มคนพวกนั้นต่างคนต่างพูดกันออกมาหลากหลายความคิด แทบจะคิดตัดสินปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องนี้กันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะกันเลยทีเดียว
แววตาของเฉินเฟิงทะมึนออกมาเล็กน้อย เขายังไม่คิดบัญชีกับเสี้ยห้าวที่ขายโปรเจคยู่ฉวนซานในราคาถูกอย่างนั้นเลย แต่เสี้ยห้าวกลับมาสร้างเรื่องใส่ร้ายกันก่อนเสียได้ ใส่ร้ายเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างไม่ละอายใจอย่างนี้ ทำเป็นว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ด้วยล่ะมั้ง?
“เสี้ยเมิ่งเหยา ทางที่ดีเธอรีบสารภาพมาเสียเถอะ ว่าตกลงเธอยักยอกเงินของบริษัทไปเท่าไหร่ ถ้ารอให้ถึงวันที่หยุนน่าสืบหาออกมาได้ แล้วมาสารภาพทีหลัง มันคงจะสายไปแล้ว” เสี้ยห้าวเอ่ยข่มขู่ออกมาอย่างเย็นชา เขาหมายมั่นแล้วว่าไม่ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาจะยักยอกเงินหรือไม่อย่างไร เขาก็สามารถติดสินบนฝ่ายการเงิน เพื่อให้ฝ่ายการเงินปลอมแปลงบัญชีการยักยอกเงินของเสี้ยเมิ่งเหยาออกมาได้
“เสี้ยห้าว ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่เคยยักยอกเงินการผลิตของบริษัทไปเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว! ถ้านายอยากจะสืบหาก็หาไป!” เสี้ยเมิ่งเหยากัดฟันแน่นแล้วเอ่ยออกไป หลังจากเอ่ยจบ เธอก็ไม่ได้สนใจว่าเสี้ยห้าวจะเชื่อหรือไม่ จากนั้นก็เตรียมที่จะเดินเข้าบริษัทไปเอาของของตัวเองทันที
“หยุด!” หวังยุนน่าฉุดร่างเสี้ยเมิ่งเหยาเอาไว้ พร้อมทั้งเอ่ยเยาะเสียงเย็นออกไป “คิดจะไป? ถามความเห็นฉันแล้วหรือยัง!”
“ปล่อย!” เสี้ยเมิ่งเหยาโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้
“ถ้าฉันไม่ปล่อยล่ะ?” หวังยุนน่ามองเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างท้าทาย ในตอนที่เสี้ยห้าวไม่อยู่ข้างเธอ เธอยังกล้าตบเสี้ยเมิ่งเหยาเลย และยิ่งตอนนี้เสี้ยห้าวอยู่ข้างเธอด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ยอมรับ เธอก็จะตบจนเสี้ยเมิ่งเหยาต้องยอมรับออกมา
ส่วนเฉินเฟิงนั้น ก็แค่เศษสวะไร้ค่าคนนึง มีอะไรให้เธอต้องกลัวกัน?
“เพี๊ยะ”
เสี้ยเมิ่งเหยาที่กำลังไม่พอใจสุดๆก็ได้ฟาดหลังมือลงไปบนใบหน้าของหวังยุนน่าทันที
ตบนี้ได้ทำเอาหวังยุนน่าสติหลุดไปทันที นานกว่าเธอจะเรียกสติกลับมาได้
“นังแพศยา แกอยากตายรึไง!” หลังจากที่ได้สติกลับมาได้แล้วนั้น ดวงตาของหวังยุนน่าก็แดงก่ำออกมาทันที พร้อมทั้งกระโจนไปทางเสี้ยเมิ่งเหยาด้วยท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟัน
ในตอนนั้นเอง ได้มีมือใหญ่ข้างหนึ่งเข้ามาจับเอาไว้จากทางด้านหลัง
“ลองแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้วดูสิ?” น้ำเสียงเฉินเฟิงฟังดูเย็นชาออกมา นึกไม่ถึงว่าหวังยุนน่าจะกล้าแตะต้องเสี้ยเมิ่งเหยาต่อหน้าเขาได้ นี่มันเป็นการไม่เห็นหัวเขาแค่ไหนกัน!
“ไอ้เศษสวะ แกอยากตายหรือไง!” หวังยุนน่าตวาดร้องเสียงแหลมออกไป ไอ้เศษสวะไร้ค่าอย่างเฉินเฟิงผู้นี้ มันมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องเธอ!
“ปล่อยหยุนน่า!” เสี้ยห้าวเองก็ได้ก้าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เพราะถึงยังไงหวังยุนน่าก็เหมือนเป็นผู้หญิงของเขากลายๆเหมือนกัน ถ้าเขาต้องมายืนดูหวังยุนน่าโดนตบต่อหน้าต่อตาในขณะที่เขายืนดูอยู่เฉยๆอย่างนี้ แล้วเขาจะดูกลายเป็นผู้ชายยังไงกัน