ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่185 เป็นขี้ข้า
บทที่185 เป็นขี้ข้า
“โอเค ผมคุกเข่าลงก็ได้!”
เสี้ยห้าวกัดฟันเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่เขากลับไม่กล้าขัดคำสั่งของเสี้ยหยุนเสิ้งต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ได้ สุดท้ายก็ต้องคุกเข่าดังเสียงกึกต่อหน้าเสี้ยหยุนเสิ้งไปทันที
“รู้ไหมว่าทำไมถึงฉันให้แกคุกเข่าลง?” เสี้ยหยุนเสิ้งเลิกตามองขึ้น พร้อมแค่นถามออกไปเสียงเย็น
“ไม่รู้ครับ” เสี้ยห้าวเอ่ยออกไปพร้อมกับข่มกลั้นความโกรธที่มีเอาไว้
เมื่อได้ยินคำนี้ เสี้ยหยุนเสิ้งก็โกรธเสียจนยับยั้งอารมณ์เอาไว้ไม่ไหวขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยกไม้เท้าในมือขึ้นมาแล้วตีลงไปบนศีรษะของเสี้ยห้าวอย่างแรง พร้อมทั้งต่อว่าออกไป “ไม่รู้? ! ถึงขนาดนี้แล้ว แกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าแกจะยังมีหน้าพูดว่าไม่รู้ได้อีก!”
“ฉันจะปล่อยให้แกไม่รู้ต่อไป!” เสี้ยหยุนเสิ้งโกรธจนทั้งร่างสั่นรัวไปหมด ในระหว่างที่พูดอยู่นั้นก็ได้ยกไม้เท้าในมือขึ้นมาแล้วทุบลงไปบนศีรษะของเสี้ยห้าวอีกครั้ง
“คุณปู่ คุณปู่ทำอะไร!” เสี้ยห้าวคว้าไม้เท้าที่กำลังฟาดลงมา มองเสี้ยหยุนเสิ้งไปด้วยสายตาของความไม่พอใจ เขานั้นเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูลเสี้ย แต่เสี้ยหยุนเสิ้งกลับมาตีเขาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างนี้ ต่อไปเขาจะมีเกียรติอะไรไปปกครองตระกูลเสี้ยได้อีก
“แก…ไอ้เหี้ยเอ๊ย! แกคิดจะต่อต้านงั้นหรอ!” เสี้ยหยุนเสิ้งโกรธจนถลึงตาออกมา เขาไม่คิดเลยว่า เสี้ยห้าวในตอนนี้จะอาจหาญได้มากถึงขนาดนี้ แม้แต่เขาก็ยังกล้าต่อต้านออกมาได้
“คุณปู่ คุณปู่จะตีผม ผมไม่ว่า แต่คุณปู่ก็ต้องบอกให้ผมรู้ด้วยสิว่าตกลงผมทำอะไรผิดกันแน่” เสี้ยห้าวกัดฟันเอ่ยออกไป ความจริง เขาก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าทำไมเสี้ยหยุนเสิ้งถึงได้โกรธเกรี้ยวออกมาถึงขนาดนี้ แต่ในตอนนี้เขาไม่กล้ายอมรับว่าเขาทำผิดไปอย่างแน่นอน
เสี้ยหยุนเสิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ “ไอ้เลว ฉันถามแกแล้วกันว่า พวกเหล่าโปรเจคยู่ฉวนซานพวกนั้นแกเป็นคนขายให้กับตระกูลเย่ ตระกูลหวางและตระกูลหลิวไปใช่มั้ย?”
“เป็นผมเอง” เสี้ยห้าวยอมรับออกมาตรงๆ
“ทำไมต้องขาย? แกก็รู้นี่ว่าโปรเจคพวกนี้เป็นรากฐานของตระกูลเสี้ย! ในตอนนั้นเพื่อได้โครงการนี้มาจากอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฟิงได้ พวกเราตระกูลเสี้ยต้องลงทุนจ่ายไปตั้งเท่าไหร่ แกไม่รู้เลยหรือไง?!” เสี้ยหยุนเสิ้งตวาดถามเสียงเข้มออกไป โปรเจคยู่ฉวนซานในตอนที่ปักหลักอยู่ที่ชางโจวนั้น พวกคนตระกูลเศรษฐีอันดับต้นๆของชางโจวต่างต้องพากันต่อสู้กันจนหัวร้างข้างแตกกันเพื่อแย่งชิงและมีรายชื่อในการร่วมลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฟิงนี้กันทั้งนั้น
แต่สุดท้ายกลับถูกตระกูลเสี้ยตระกูลเล็กๆนี้คว้ามันไป ครอบครองโครงการมากมายในโปรเจคยู่ฉวนซานเอาไว้ได้
ถ้าหากว่าตระกูลเสี้ยสามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ ยู่ฉวนซานจะต้องกลายเป็นแหล่งก่อเกิดอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเสี้ยอย่างแน่นอน
คว้าโอกาสจากยู่ฉวนซาน ตระกูลเสี้ยก็จะสามารถขยับอันดับไปเป็นตระกูลอันดับสอง หรืออาจจะถึงขนาดที่ได้ขึ้นไปอยู่ในลำดับตระกูลลำดับหนึ่งของชางโจวก็เป็นไปได้ !
แต่ตอนนี้ โครงการสำคัญหลายโครงการของโปรเจคยู่ฉวนซานนั้นกลับถูกเสี้ยห้าวขายออกไปด้วยราคาถูกจนหมด!
เสี้ยห้าวได้ทำลายความหวังของการขยับขยายสถานะไปเป็นตระกูลอันดับสองของตระกูลเสี้ยไปจนไม่มีเหลือแล้ว!
เสี้ยหยุนเสิ้งจะไม่โกรธได้ยังไง!
เสี้ยเมิ่งเหยาเมื่อได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ก็แทบจะระเบิดความโกรธออกมา เดิมเธอคิดว่าเสี้ยห้าวเพียงแค่มอบหมายให้หวังยุนน่าเป็นรองประธานมันก็เป็นเรื่องที่เกินไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอเพิ่งได้รู้อีกว่าเสี้ยห้าวยังขายโปรเจคยู่ฉวนซานไปแล้วอีก
ไอ้โง่เสี้ยห้าวคนนี้ ไม่รู้หรือไงว่าโครงการพวกนี้ล้วนเป็นรากฐานการเติบโตของตระกูลเสี้ย?
เขาไม่รู้หรือไงว่าโครงการพวกนี้สำหรับตระกูลเสี้ยนั้นมันก็เหมือนต้นกวักเงินกวักทองต้นหนึ่ง?
“คุณปู่ ที่ผมเอาโครงการพวกนั้นขายไปให้ตระกูลเย่ตระกูลหวางตระกูลหลิวนั้น ก็เพราะผมหวังดีต่อตระกูลเสี้ยนะครับ”เสี้ยห้าวพยายามกัดฟันชี้แจงออกมา เขาไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเองจึงได้เอาโครงการพวกนั้นขายออกไป
“เพราะหวังดีต่อตระกูลเสี้ย?!” เสี้ยหยุนเสิ้งโกรธจนจุกอกไปหมด จากนั้นเอ่ยถามต่อไปด้วยความโกรธอีกว่า “แกบอกฉันมาสิว่ามันดีต่อตระกูลเสี้ยยังไง!”
“คุณปู่ คุณปู่ไม่เข้าใจหลักที่ว่าเมื่อเรามีของมีค่าไว้ในครอบครองมันจะกระตุ้นความริษยาของผู้คนจนเป็นอันตรายต่อเราได้หรือไง! โปรเจคที่สามารถทำกำไรก้อนโตได้อย่างยู่ฉวนซานนั้น ไม่รู้ว่ามีตระกูลใหญ่อันดับต้นๆของเมืองชางโจวตั้งเท่าไหร่ที่จ้องมันอยู่ แต่สุดท้ายกลับถูกตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลเสี้ยของเราตะครุบกินมันเข้าไปได้ คุณปู่คิดว่าพวกตระกูลใหญ่ๆพวกนั้นจะไม่อิจฉาตาร้อนกันหรือไง? ถ้าผมไม่ขายโครงการพวกนี้ออกไป พวกเขาก็คงไม่ปล่อยให้ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลเสี้ยของเราขึ้นไปเป็นตระกูลอันดับสองได้หรอก” เสี้ยห้าวเอ่ยออกไปอย่างมั่นใจ การพูดของเขานั้นแท้จริงก็มีเหตุผลที่อยู่พอสมควร โปรเจคที่เป็นที่หมายปองอย่างโปรเจคยู่ฉวนซานนั้น ไม่ว่าใครก็ล้วนอยากได้รับส่วนแบ่งจากผลประโยชน์ในโปรเจคนี้กันทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับถูกตระกูลเสี้ยกลืนกินมันไปเพียงผู้เดียว แน่นอนว่าจะต้องเป็นเหตุที่จะทำให้หลายตระกูลเกิดไม่พอใจกันขึ้นมา
“เหลวไหล!” เสี้ยหยุนเสิ้งโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาเสียให้ได้
“ไอ้สารเลว ก็เห็นๆกันอยู่ว่าแกทำเพื่อสนองผลประโยชน์ส่วนตัวของแกล้วนๆ ถึงได้ขายโครงการพวกนั้นไปด้วยราคาถูกแบบนั้น ตอนนี้แกยังมีหน้ามาบอกว่าเพื่อตระกูลเสี้ยของฉันอีกหรอ! ทำไมตระกูลเสี้ยของฉันถึงได้มีไอ้คนหน้าด้านไร้ยางอายอย่างแกอยู่นะ!”เสี้ยหยุนเสิ้งชี้หน้าต่อว่าเสิ้งห้าวออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของคนที่เขาตั้งความคาดหวังเอาไว้เป็นอย่างมาก เขาตั้งความหวังกับเสี้ยห้าวสูงมาโดยตลอด หวังว่าในอนาคตเสี้ยห้าวจะสามารถนำตระกูลเสี้ยเดินไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้ ดังนั้นเมื่อเสี้ยเมิ่งเหยาเดินทางไปจินหลิงในครั้งนี้นั้น เขาจึงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะมอบโปรเจคยู่ฉวนซานให้เสี้ยห้าวเป็นผู้ดูแลเป็นการชั่วคราว
เดิมคิดว่าเสี้ยห้าวจะสามารถทำได้ดีกว่าเสี้ยเมิ่งเหยา แต่ใครจะรู้ว่าเพียงแค่ไม่กี่วันเสี้ยห้าวนั้นได้ถลุงโปรเจคยู่ฉวนซานไปจนไม่เหลือ โครงการที่เป็นจุดสำคัญหลายโครงการที่มีมูลค่าเป็นสิบล้าน ได้ถูกเสี้ยห้าวขายออกไปด้วยราคาสองถึงสามล้านที่ซึ่งเป็นราคาที่ถูกอย่างกับซื้อผักกาดขาวเสียอย่างนั้น!
ช่วงบ่ายหลังจากที่ได้ทราบข่าวนี้เสี้ยหยุนเสิ้งก็โกรธเสียจนแทบจะเป็นลมล้มไปกับพื้นเสียให้ได้
“คุณปู่ ตระกูลเสี้ยอยากขยับฐานะไปเป็นกลุ่มตระกูลลำดับสอง จะพึ่งแต่ตัวเองอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ พวกเรายังต้องได้รับการยอมรับจากพวกตระกูลอันดับสองไปจนถึงตระกูลลำดับหนึ่งในชางโจวให้มากขึ้นด้วย เพียงพวกเขายอมรับพวกเราแล้วนั้น พวกเราตระกูลเสี้ยจึงจะสามารถขยับสถานะไปเป็นตระกูลลำดับที่สองได้”
“และในครั้งนี้ การขายโปรเจคยู่ฉวนซานสำหรับพวกเราตระกูลเสี้ยนั้น เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีโอกาสนึงเลยก็ว่าได้ ที่ผมขายโปรเจคยู่ฉวนซานด้วยราคาที่ต่ำสุดๆอย่างนั้นให้กับพวกกลุ่มตระกูลลำดับสองและตระกูลลำดับหนึ่งนั้น ความจริงแล้วมันความหมายถึงการขายความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผมอยากให้พวกเขาจดจำตระกูลเสี้ยของพวกเรา รับเอาน้ำใจจากพวกเราตระกูลเสี้ย ดังนั้นแล้วต่อไปเมื่อพวกเราตระกูลเสี้ยประสบพบเจอกับความยากลำบากอะไร พวกเขาก็จะไม่นิ่งนอนใจ และจะต้องเอื้อมมือเข้ามาช่วยตระกูลเสี้ยของพวกเราแน่” เสี้ยห้าวพูดออกมาอย่างมีเหตุมีผล แต่ถ้าจะพูดให้ชัด ความหมายที่เขาสื่อออกมานั้นก็คืออยากให้ตระกูลเสี้ยไปเป็นขี้ข้าให้กับตระกูลลำดับสองและตระกูลลำดับหนึ่งหลายๆตระกูล ขี้ข้านั้นถ้าหากว่าเป็นแล้ว สามารถทำให้เจ้านายพึงพอใจได้ ไม่แน่ว่าบางทีเจ้านายอาจจะเอื้อมมือเข้ามาร่วมมือเข้าช่วยเหลือ และอาจทำให้ตระกูลเสี้ยได้กลายเป็นตระกูลลำดับสองได้เช่นกันนั่นเอง
“แก…ไอ้โง่เอ๊ย! แกคิดจริงๆหรอว่าพวกตระกูลอันดับต้นๆพวกนั้นจะซึ้งใจในน้ำใจของตระกูลเสี้ย?!”เสี้ยหยุนเสิ้งได้โกรธจนไม่รู้ว่าจะพูดออกไปดี เขาไม่รู้ว่าเสี้ยห้าวนั้นโง่จริงๆหรือแกล้งโง่ ขอแค่ให้เสี้ยห้าวใช้สมองสักหน่อย ก็จะสามารถเข้าใจได้แล้วว่าพวกตระกูลอันดับสองไปจนถึงตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองชางโจวพวกนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นพวกเนรคุณที่โลภมากให้เท่าไหร่ก็ไม่พอกันทั้งนั้น
คนพวกนั้นไม่มีทางมองตระกูลเสี้ยว่ามีระดับขึ้นมาเพียงเพราะสิ่งที่ตระกูลเสี้ยแสร้งทำออกไปได้แน่ แต่จะยิ่งรู้สึกว่าตระกูลเสี้ยนั้นอ่อนแอน่ารังแก แทนที่จะบอกว่าเสี้ยห้าวกำลังแสดงความเป็นมิตรและความมีน้ำใจต่อคนตระกูลพวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตระกูลเสี้ยได้กำลังบอกกับคนตระกูลพวกนั้นว่าตระกูลเสี้ยนั้นเป็นเนื้อชิ้นหนึ่งที่ถูกวางอยู่บนเขียง ไม่ว่าใครก็สามารถมากัดกินกันได้ตามสบายได้เลย
“ทำไมจะไม่ล่ะ?” เสี้ยห้าวอดไม่ได้ที่จะย้อนถามกลับไป พร้อมทั้งเอ่ยออกไปอีกว่า “ในตอนที่ผมเซ็นสัญญากับตระกูลเย่ ผู้จัดการเย่ก็ได้บอกผมมาอย่างชัดเจนแล้วว่าต่อไปถ้าตระกูลเสี้ยเจอปัญหาอะไร สามารถไปหาเขาได้ เห็นแก่โครงการในยู่ฉวนซานพวกนี้ เขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเราตระกูลเสี้ยจัดการแก้ปัญหาพวกนั้นให้เอง”
ความจริง เย่หมิงเหวินไม่เคยพูดคำพูดพวกนี้ออกมา แต่ในตอนนี้ เพื่อช่วยตัวเองให้หลุดรอดเสี้ยห้าวจึงทำได้แค่เพียงต้องแต่งเรื่องพูดออกไป ถึงยังไงเสี้ยหยุนเสิ้งก็ไม่มีทางไปขอคำยืนยันจากเย่หมิงเหวินหรอก