ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่186 ความซวยของตระกูล
บทที่186 ความซวยของตระกูล
แต่พนักงานมากมายของตระกูลเสี้ยที่ล้อมกันเข้ามามุงดูนั้นกลับเอาคำพูดนี้ไปคิดเป็นจริงเป็นจัง
“ฉันคิดว่าที่ประธานเสี้ยทำมันไม่เลวเลยนะ เพราะถ้าหากสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเย่ได้จริงๆ อย่าว่าแต่ขายโครงการที่ยู่ฉวนซานไปในราคาถูกเลย แม้แต่เอาโครงการที่ยู่ฉวนซานให้กับตระกูลเย่ มันก็ไม่ได้มากไปเลย”
“ใช่แล้ว ตระกูลเย่เป็นถึงผู้นำทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แห่งเมืองชางโจวของเราเลยนะ เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของกลุ่มตระกูลลำดับหนึ่ง ตระกูลธรรมดาทั่วๆไป คิดจะเข้าไปอยู่ในวงโคจรของตระกูลเย่นั้น ไม่มีทางโดยเด็ดขาด”
“มีความสัมพันธ์ในระดับนี้กับตระกูลเย่อยู่ ต่อไปใครจะมาดูถูกตระกูลเสี้ยของเราได้อีก? ฉันเองก็คิดว่าครั้งนี้ประธานเสี้ยได้ทำเรื่องที่ดีต่อตระกูลเสี้ยเรื่องหนึ่งเลยเหมือนกัน”
เสียงผู้คนพูดกระซิบกระซาบกันนั้นเสี้ยหยุนเสิ้งเองก็ได้ยินเข้ามาเช่นกัน แต่ภายในใจของเขากลับยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากขึ้น ไม่คิดเลยว่าตระกูลเสี้ยจะมีพวกโง่เง่าที่มองอะไรตื้นๆมากมายขนาดนี้
อย่าเพิ่งหาความจริงแท้จากคำพูดเหล่านั้นของเสี้ยห้าวเลย
เพราะไม่ว่าจะเป็นอย่างไร แม้ว่าสิ่งที่เสี้ยห้าวพูดมาจะเป็นเรื่องจริง แต่คนพวกนี้ไม่คิดกันสักหน่อยเลยหรือไงว่าตระกูลเย่มีสิทธิ์อะไรมาออกหน้าให้ตระกูลเสี้ยกัน?
ในยุคสมัยนี้คำสัญญาปากเปล่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุด
มีเพียงแค่ผลประโยชน์เท่านั้นที่จะยืนยาวไม่มีวันเปลี่ยน!
ความช่วยเหลือที่ตระกูลเสี้ยอยากได้จากตระกูลเย่ นั้น นอกเสียจากตระกูลเสี้ยจะสามารถให้ผลประโยชน์ที่เย้ายวนใจให้กับตระกูลเย่ได้ แต่ถ้าไม่ ตระกูลเย่ก็ไม่มีทางช่วยตระกูลเสี้ยหรอก!
แม้แต่ตอนที่ตระกูลเสี้ยกำลังเผชิญกับความหายนะเอง พวกเขาก็จะฉวยโอกาสเข้ามาเอาเปรียบด้วยซ้ำไป!
เสี้ยหยุนเสิ้งที่ใช้ชีวิตมาหลายสิบปี เข้าใจหลักความจริงของเรื่องนี้ดีกว่าใคร
สูดหายใจลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ จากนั้นเสี้ยหยุนเสิ้งก็เอ่ยเสียงเย็นออกไป “ไอ้สารเลว ฉันไม่สนว่าแกจะพูดสวยหรูออกมายังไง และฉันก็ไม่สนว่าตระกูลเย่ได้ทำการรับประกันอะไรแกบ้าง ตอนนี้ฉันให้เวลาแกสามวัน!”
“ให้แกไปเอาโครงการที่แกขายไปด้วยราคาถูกพวกนั้น กลับมาให้ฉันให้หมด! แล้วฉันจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น…”
“คุณปู่ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง” คำพูดของเสี้ยหยุนเสิ้งยังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ เสี้ยห้าวก็รีบแทรกออกมาทันที ให้เขาขอโครงการพวกนั้นกับเย่หมิงเหวินแล้วยังมีพวกคนตระกูลลำดับสองพวกนั้นอีก นี่มันไม่เป็นการสั่งให้เขาไปตายหรือยังไง? คนพวกนั้น ต่างเป็นพวกที่ทั้งโหดเหี้ยมและทั้งโลภมากกันทั้งนั้น เขาเสี้ยห้าวนั้นที่ไม่มีทั้งสิทธิ์และไม่มีทั้งอำนาจ จะเอาอะไรไปขอคืนมาจากพวกเขาได้กัน
“ปัง”
เสี้ยหยุนเสิ้งฟาดไม้เท้าลงไปบนหน้าของเสี้ยห้าวอย่างแรง ทันใดนั้นเองก็ได้ทำเอาใบหน้าของเสี้ยห้าวเกิดรอยแดงของนิ้วมือที่ฟาดเข้ามา
“ไอ้หลานไม่รักดี ฉันไม่ได้กำลังเจรจาต่อรองกับแก!” ใบหน้าของเสี้ยหยุนเสิ้งเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นตวาดออกมาอีกว่า “ถ้าแกเอาโครงการพวกนั้นกลับมาไม่ได้ แกก็ไสหัวออกไปจากตระกูลเสี้ยซะ!”
“คุณปู่ ถึงแม้ว่าคุณปู่จะฆ่าผมไป ผมก็เอาโครงการพวกนั้นกลับมาไม่ได้หรอก” เสี้ยห้าวกัดฟันเอ่ยออกไป เขาในตอนนี้นั้นไม่หวั่นกลัวต่ออะไรทั้งสิ้นเป็นเหมือนกับหมูตายที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวก ไปเอาโครงการพวกนั้นกับคนอย่างเย่หมิงเหวิน เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าไม่เอาโครงการนั้น ถึงแม้ว่าเสี้ยหยุนเสิ้งจะลงโทษเขา ถึงขนาดที่ไล่เขาออกไปจากตระกูลเสี้ยจริงๆ แต่เขาก็ยังสามารถรักษาชีวิตน้อยๆของเขาเอาไว้ได้
“ไอ้หลานไม่รักดี! แกแน่ใจหรอว่าฉันจะไม่กล้าฆ่าแกจริงๆ?!” เสี้ยหยุนเสิ้งโกรธสุดๆ ยกไม้เท้าในมือสูงขึ้น กัดฟันแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับว่าสามารถฟาดไม้เท้าไปทางศีรษะของเสี้ยห้าวได้ทุกเมื่อ
เสี้ยห้าวได้ตัดสินใจเลือกที่จะปิดตาลงอย่างรวดเร็ว เขากำลังพนันว่าเสี้ยหยุนเสิ้งไม่กล้าทำอะไรเขาแน่
ต้องบอกเลยว่าเขาพนันได้ถูกต้อง
ผ่านไปได้สักพักนึง สุดท้ายเสี้ยหยุนเสิ้งก็ไม่ได้ลงมือไป แต่กลับเอาไม้เท้าในมือเคาะลงไปบนพื้นแรงๆ พร้อมทั้งต่อว่าออกไปด้วยความโกรธ “ความซวยของตระกูล!ความซวยของตระกูลเสียจริง!”
เสี้ยหยุนเสิ้งในตอนนี้ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง จะตีเขาให้ตายก็ทำไม่ลง นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลเสี้ยจะต้องมาพังอยู่ในมือของคนไม่รู้จักคิดอย่างนี้
ใบหน้าของเสี้ยหยุนเสิ้งเต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ ราวกับว่าได้แก่ไปสิบปีขึ้นมาทันทีเสียยังไงอย่างนั้น
เฉินเฟิงยืนมองสถานการณ์อยู่อย่างเงียบๆ ความจริงเขาได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าตระกูลเสี้ยจะต้องเดินมาถึงจุดนี้
เสี้ยหยุนเสิ้งนั้นให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวจนเกินไป มักจะคิดว่ามีเพียงเสี้ยห้าวเท่านั้นที่จะสามารถสืบทอดตระกูลเสี้ยเอาไว้ได้ ส่วนเสี้ยเมิ่งเหยาที่ความสามารถและคุณสมบัติโดดเด่นกว่าเสี้ยห้าวเป็นร้อยเป็นพันเท่า กลับถูกเขาละเลยไปโดยอัตโนมัติ ถึงขนาดที่ยังจงใจกดขี่เธอ
แค่คิดก็รู้ได้เลยว่าเสี้ยห้าวที่โง่งมคิดอะไรตื้นๆนั้น จะนำตระกูลเสี้ยไปสู่สถานการณ์ที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นอย่างนี้
“คุณปู่ คุณปู่ก็อย่าโกรธไปเลย” ในตอนนี้ เสี้ยจื่อหลันที่หลบอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นมาตลอดได้เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ
เสี้ยหยุนเสิ้งกำไม้เท้าในมือ หลับตาลง แต่ไม่ได้ให้ความสนใจต่อเสี้ยจื่อหลัน
เสี้ยจื่อหลันเองก็ไม่ได้มีท่าทีเจื่อนออกมา หลังจากที่มองไปทางเสี้ยเมิ่งเหยาแล้วนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป “คุณปู่ ความจริงโครงการพวกนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเอากลับมาไม่ได้นี่คะ”
“แกมีวิธี?” เสี้ยหยุนเสิ้งลืมตาออกมา เอ่ยถามเสียงนิ่งขรึมออกไป
เสี้ยจื่อหลันรีบส่ายหน้าออกมาทันที จากนั้นก็เอ่ยออกไปว่า “ฉันไม่มี แต่…”พูดถึงตรงนี้แล้ว เสี้ยจื่อหลันมองไปทางเสี้ยเมิ่งเหยาอีกครั้ง พร้อมทั้งเอ่ยออกไปว่า “ฉันคิดว่าเมิ่งเหยาเธอน่าจะมีวิธีนะคะ”
“เมิ่งเหยา?” เสี้ยหยุนเสิ้งเบนสายตาออกไปทางเสี้ยเมิ่งเหยา แต่กลับพบว่าเสี้ยเมิ่งเหยากำลังมองเสี้ยจื่อหลันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พร้อมทั้งเอ่ยพูดเสียงเย็นออกมา “ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันมีวิธีล่ะ?”
“ผู้จัดการใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฟิงอย่างหลินจงเหว่ย ก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนของสามีเธอนี่ อีกทั้งตอนนี้เธอกับหลินจงเหว่ยก็ยังเป็นเพื่อนร่วมงานกัน พวกเธอสองสามีภรรยามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินจงเหว่ย ถ้าพวกเธอเป็นคนออกหน้าให้หลินจงเหว่ยไปกดดันพวกคนตระกูลเย่ พวกคนตระกูลเย่จะต้องคืนโครงการพวกนั้นให้กับตระกูลเสี้ยของเราแน่” เสี้ยจื่อหลันเอ่ยออกมาตามเหตุตามผล เรื่องที่ผู้จัดการใหญ่ของอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฟิงเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเฉินเฟิงนั้น ไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับตระกูลเสี้ยอยู่แล้ว
ตระกูลเสี้ยแทบจะรู้กันทุกคนว่า บทสนทนาหลังมื้ออาหารของคนจำนวนไม่น้อย ต่างล้วนแล้วแต่จะหยิบยกเรื่องนี้มาแอบเยาะหยันเฉินเฟิง คนที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน อย่างหลินจงเหว่ยเขานั้น ได้เป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหมื่นล้าน แต่เฉินเฟิงนั้นกลับเป็นแค่คนขับรถส่งของคนนึง แล้วยังเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลเสี้ยอีก
เป็นคำอธิบายที่เพียงพอมากแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าความแตกต่างของคนแต่ละคน
“เธอเอาอะไรมาคิดว่าหลินจงเหว่ยจะช่วยพวกเราไปกดดันพวกคนตระกูลเย่ได้? ยิ่งไปกว่านั้น โครงการนั้นเป็นฉันที่ขายให้พวกคนตระกูลเย่ไปหรือไง?” เสี้ยเมิ่งเหยายกยิ้มเย็นออกมาไม่หยุด เสี้ยจื่อหลันนั้นนับได้ว่าได้ทำให้เธอได้รู้ถึงอะไรที่เขาเรียกกันว่าคนหน้าไม่อายใต้หล้านี้ก็จะไร้คู่ต่อกร
เมื่อก่อนแม้ว่าเสี้ยจื่อหลันจะรู้ว่าเฉินเฟิงและหลินจงเหว่ยเป็นเพื่อนสมัยเรียนกัน เธอก็ยังใช้วิธีรวมหัวกับคนตระกูลเสี้ยร่วมกันกดขี่ขับไล่เฉินเฟิงออกไป คอยพูดถากถางเหน็บแนมเฉินเฟิง เนื่องจากเธอคิดว่าโปรเจคยู่ฉวนซานได้พูดคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เฉินเฟิงก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
แต่ในตอนนี้โปรเจคยู่ฉวนซานได้เกิดปัญหาขึ้นมา เสี้ยจื่อหลันกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเฉินเฟิงนั้นเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับหลินจงเหว่ย และยังคิดจะใช้ประโยขน์จากเฉินเฟิงต่ออีก
ยิ่งไปกว่านั้น มันก็อย่างที่เธอได้พูดออกไปว่าโครงการนั้นเป็นเสี้ยห้าวขายให้ตระกูลเย่ไป ผลประโยชน์ทั้งหมดก็ให้เสี้ยห้าวยึดครองไปเพียงคนเดียว พอตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมา กลับให้เธอกับเฉินเฟิงมาเก็บกวาดสะสางให้เสียอย่างนั้น
มีคนพาลได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ!
สีหน้าของเสี้ยจื่อหลันค่อนข้างผิดแปลกออกไปเล็กน้อย แต่ปากของเธอกลับยังยืนกรานที่จะพูดออกมาว่า “เมิ่งเหยา เธอพูดอย่างนี้ออกมาได้ยังไงกัน พวกเราตระกูลเสี้ยนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน หนึ่งคนรุ่งโรจน์เราก็จะรุ่งโรจน์ไปด้วยกัน ถ้าคนนึงย่อยยับก็ต้องย่อยยับไปด้วยกัน ไม่ว่าโครงการนั้นจะเป็นใครขายออกไป แต่ตอนนี้ตระกูลเสี้ยเกิดปัญหาขึ้นมา ในฐานะของคนตระกูลเสี้ย ทุกคนล้วนต้องมีส่วนร่วมลงแรงกันเพื่อตระกูลเสี้ย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเรือที่กำลังจมอย่างตระกูลเสี้ยนี้นั้น จะทำให้พวกเราทุกคนต้องจมน้ำตายกันหมดแน่”
“จื่อหลันพูดถูก เมิ่งเหยาแกจะมาเห็นแก่ตัวอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าตระกูลเสี้ยล้มละลายไป แกมันจะดีไปสักแค่ไหนกันเชียว”
“ใช่แล้ว เฉินเฟิงกับหลินจงเหว่ยเป็นถึงเพื่อนสมัยเรียนกันนี่ ในเมื่อมีความสัมพันธ์นี้ การจะเอามาใช้มันก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย”
“ไอ้เศษสวะไร้ประโยชน์นี่ก็ดื่มกินอยู่ที่ตระกูลเสี้ยของเราฟรีๆมาสามปีแล้ว ก็ถึงเวลาที่มันควรจะออกกำลังบ้างแล้ว”
ญาติห่างๆหลายคนของตระกูลเสี้ยเอ่ยปากพูดกันออกมาเสียงดังเซ็งแซ่ หุ้นของบริษัทตระกูลเสี้ย พวกเขาก็ได้ครอบครองกันมากประมาณหนึ่ง ผลประโยชน์ของตระกูลเสี้ยได้รับความเสียหาย นั่นก็หมายความว่าผลประโยชน์ของเขาได้รับความเสียหายไปเช่นกัน