ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่196 คิดเพ้อเจ้อ
บทที่196 คิดเพ้อเจ้อ
“ใช่นายเจ้าของเสียทำรึเปล่า?” หลินหลันทำเสียงโกรธฉุนเฉียวเดินเข้ามา เจ้าของเสียเฉินเฟิงคนนี้ เหิมเกริมเที่ยวทำสุ่มสี่สุ่มห้าถึงขั้นสุดจริงๆ ทำให้เสี้ยหยุนเสิ้งกลายเป็นมนุษย์ผัก นี่เป็นการแทงยอดของตระกูลเสี้ยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ยินคนตระกูลเสี้ยพูดว่าก่อนหน้านี้เฉินเฟิงยังพูดไร้สาระต่อหน้าเสี้ยหยุนเสิ้งว่าอยากกำหนดตระกูลเสี้ยอีกอย่าง
พอได้ยินถึงคำนี้ หลินหลันโมโหแทบบ้าสุดๆ เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตัวเล็กๆ ใครให้ความกล้ากับเขามาทำเรื่องแบบนี้กัน
เฉินเฟิงชายตามองหลินหลันทีหนึ่ง ไม่ได้มีความคิดจะสนใจหลินหลัน เพราะคนโง่อย่างหลินหลันแบบนี้ เดิมทีก็ไม่มีสมองอยู่แล้ว คนอื่นพูดอะไร หล่อนก็เชื่ออย่างนั้น
อธิบายไปคงไม่มีประโยชน์
เห็นเฉินเฟิงไม่ได้สนใจตนเองสักนิด ชั่วขณะนั้นไฟโกรธของหลินหลันก็สุมขึ้นมา
กำลังเตรียมระเบิดอารมณ์ใส่เฉินเฟิง ทว่าเวลานี้ตำรวจหลายคนก็เดินเข้ามาแล้ว
“คุณผู้ชาย เชิญไปกับพวกเราสักหน่อย”
“ได้” เฉินเฟิงไม่ได้ต่อต้าน ตามหลายคนนี้เข้ารถตำรวจไปอย่างเชื่อฟัง แน่นอนว่าเขามีความสามารถจัดการตรวจเหล่านี้ได้ แต่เขากลับไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้
ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ ยิ่งอธิบายว่าในใจเขามีอะไรแอบแฝง
เฉินเฟิงโดนพาตัวไป เป็นธรรมดาที่ทุกคนตระกูลเสี้ยจะปรบมือโห่ร้องไชโย
แต่มีเพียงเสี้ยห้าวคนเดียวที่รู้ดี ตำรวจเหล่านั้นจะไม่ทำอะไรกับเฉินเฟิงเลย เพราะยาเป็นเขาใส่ไม่เกี่ยวอะไรกับเฉินเฟิงเลย
ถึงจะพาตัวเฉินเฟิงไป ก็เป็นเพียงแค่งานในหน้าที่เท่านั้น รอถามชัดเจน ย่อมปล่อยตัวเฉินเฟิงออกมา
หลังจากจัดการย้ายเสี้ยหยุนเสิ้งไปสถานรักษาโดยการพักฟื้นระดับสูงแล้ว เสี้ยห้าวก็รีบร้อนเรียกประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น
ภายในห้องประชุม เสี้ยห้าวเอ่ยปากเสียงทุ้ม “ช่วงนี้คุณปู่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ตระกูลเสี้ยของพวกเรา กลับไม่สามารถขาดหัวหน้านำได้”
ใครจะเป็นประธานใหญ่?
สมาชิกตระกูลเสี้ยทุกคนมองหน้ากันและกัน ชัดเจนมากว่านี่คือปัญหาที่วางไว้ตรงหน้าของคนตระกูลเสี้ย
“ผมขอเสนอให้จื่อหลันดำรงตำแหน่งประธานไปแทนชั่วคราว” ผู้ถือหุ้นฝังเสี้ยจื่อหลันเอ่ยปาก ประสงค์พยุงเสี้ยจื่อหลันให้ดำรงตำแหน่ง บอกว่าแทนที่ชั่วคราว ความจริงไม่ได้แตกต่างอะไรกับการแทนที่โดยตรง
“ไม่ได้! ประธานของตระกูลเสี้ย ยังไม่เคยมีมาก่อนที่ให้ผู้หญิงมารับหน้าที่!”
ผู้ถือหุ้นฝังของเสี้ยจื่อหลันพึ่งพูดไป ก็มีคนส่งเสียงคัดค้านแล้ว คนคนนี้ย่อมเป็นคนที่ยืนฝังเสี้ยห้าว
ถึงแม้ว่าเสี้ยห้าวจะโดนปลดออกจากตำแหน่งรองประธานของบริษัท แต่ก่อนหน้านี้ เขายังเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเสี้ยโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมีเขาเป็นศูนย์กลาง รวบรวมกลุ่มผลประโยชน์มากมายไว้ตั้งนานแล้ว
เวลานี้ไม่ต้องให้เสี้ยห้าวส่งเสียง กลุ่มผลประโยชน์เหล่านี้จึงยืนออกมา พูดแทนเสี้ยห้าว
“งั้นคุณว่าควรให้ใครเป็น?” ผู้ถือหุ้นฝั่งเสี้ยจื่อหลันพูดแบบเก็บกดความแค้นไว้
“เสี้ยห้าว! เขาถึงจะเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านประธานกำหนดไว้!”
“เป็นไปไม่ได้! เมื่อวานท่านประธานพึ่งปลดเขาออกจากตำแหน่ง!” คนตระกูลเสี้ยไม่น้อยคัดค้าน
เวลานี้ เสี้ยห้าวหยิบพินัยกรรมฉบับหนึ่งออกมา เอ่ยปากเรียบนิ่ง “ข้อโต้เถียงของพวกคุณ สำหรับผมแล้ว เกินความจำเป็นอย่างยิ่ง! คุณปู่ทำพินัยกรรมไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าเขาเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรเข้า ผม เสี้ยห้าว ถึงจะเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลเสี้ย!”
ขณะพูดเสี้ยห้าวก็นำพินัยกรรมที่เตรียมไว้เรียบร้อยโยนไปบนโต๊ะประชุม
ทุกคนค่อยๆ ผลัดกันอ่าน
หลังจากผลัดกันอ่านเสร็จ ชั่วพริบตาเดียวผู้ถือหุ้นมากมายฝังของเสี้ยจื่อหลันสีหน้าดูแย่อยู่บ้าง
ไร้ข้อสงสัย พินัยกรรมเป็นของจริง มีรอยนิ้วมือของเสี้ยหยุนเสิ้งอยู่ ถึงแม้จะเป็นของปลอม ก็ต้องคิดว่าเป็นของจริง!
“ตอนนี้ใครยังมีปัญหาอะไรอีกมั้ย?” เสี้ยห้าวกวาดตามองผู้คนอย่างเย็นชา
“ไม่มีแล้วครับ ประธานเสี้ย”
เมื่อทั้งหมดให้ผ่าน พินัยกรรมล้วนหยิบออกมาแล้ว เป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครกล้าคัดค้าน ทุกคนตระกูลเสี้ยถือว่ารู้จักเอาตัวรอดดี
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ นั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปล่อยให้ผมมารับตำแหน่งประธานของบริษัทแล้วกัน” เสี้ยห้าวเอ่ยปากด้วยเสียงทุ้ม ขอเพียงเขากลายเป็นประธานใหญ่ของบริษัท ทั้งตระกูลเสี้ยตั้งแต่วันนี้ไปนั้น เขาพูดคำไหนคำนั้น!
อีกทางหนึ่ง เฉินเฟิงก็ออกจากสถานีตำรวจแล้ว
ครั้งนี้เสี้ยหยุนเสิ้งกลายเป็นมนุษย์ผักกะทันหัน ที่จริงแปลกประหลาดอย่างมาก แน่นอนว่าผู้ต้องสงสัยมากที่สุดคือเสี้ยห้าว แต่เฉินเฟิงยังไม่มีหลักฐานอะไร แน่นอนว่าถ้าเขาตั้งใจค้นหา คนร้ายตัวจริงคงไม่มีทางหลบได้ แต่เขาไม่ได้มีความคิดนั้น
ภารกิจเร่งด่วนของเขายังเป็นการรีบรวมเมืองชางโจว
“คุณชายเฉิน ไม่เกินการคาดเดาของคุณ คนของตระกูลเย่ ไปหาตระกูลเสี้ยเพื่อพาตัวคนจริง” ด้านนอกสถานีตำรวจ กู้ตงเชินเอ่ยปากอย่างนอบน้อม เมื่อวานตอนที่เฉินเฟิงจะออกไป ก็บอกว่าตระกูลเย่จะมาตามหาคนที่ตระกูลเสี้ย ตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลเย่ถึงจะต้องไปตระกูลเสี้ย และไม่ใช่มาหาเฉินเฟิง
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
เพราะเฉินเฟิงนัดตระกูลเย่ในนามของตระกูลเสี้ย ตอนนี้คนหายตัวไป ตระกูลเย่ย่อมต้องไปหาที่ตระกูลเสี้ย
และไม่ใช่เฉินเฟิงลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนหนึ่ง!
“ฉันรู้แล้ว” เฉินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย โพรเจกต์พวกนั้นของเขา ไม่ใช่คิดเอาไปก็เอาไปได้
ตระกูลเสี้ยคิดจะกินผลประโยชน์ขนาดนั้นอย่างไม่มีมูล ต้องดูพวกเขามีฟันที่ดีขนาดนั้นหรือไม่
“อีกอย่าง เย่ไห่ถังทางนั้นผมจ้องมาโดยตลอด แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่มีการเคลื่อนไหวมาตลอด ทุกวันนอกจากฝึกโยคะ ก็ไปทำงาน ถึงแม้รู้ว่าคนของพวกเราจ้องเธออยู่ เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร” กู้ตงเชินรายงาน สำหรับเย่ไห่ถังนับวันเขายิ่งมองไม่ออกแล้ว
ว่ากันตามหลัก เธอควบคุมตระกูลใหญ่ขนาดนั้น น่าจะยุ่งทุกวันจนไม่สามารถแก้ได้ตก
แต่เธอกลับดีเหลือเกิน ทุกวันยังว่างกว่าคุณหนูตระกูลร่ำรวยเหล่านั้น
“น่าสนใจ” เฉินเฟิงยกมุมปากขึ้น นับวันเขายิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเย่ไห่ถังผู้หญิงคนนี้แล้ว
ถ้าเขาไม่ได้ทายผิด เกรงว่าเย่ไห่ถังคงรู้สถานะของตนเองตั้งนานแล้ว
สถานะของผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน!
“พอแล้ว ไอ้กู้ เย่ไห่ถังทางนั้น นายไม่ต้องจ้องแล้ว ภารกิจในตอนนี้ของนายคือพยายามหาเพื่อนที่ไว้ใจได้กลุ่มหนึ่งมา เป็นพวกที่มีพื้นฐานวิชาต่อสู้” เฉินเฟิงยิ้มนิดหน่อย ก่อนจะบอกไป
เย่ไห่ถังทำเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นประเภทรัดกุมมากแบบนั้น กู้ตงเชินจ้องต่อไปอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
นี่ไม่สู้ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์หน่อย
“คุณชายเฉิน คุณอยาก……” กู้ตงเชินแปลกใจอยู่บ้าง ฟังความหมายของเฉินเฟิงคืออยากสร้างจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งออกมา?
เฉินเฟิงพยักหน้า ไม่ได้หลีกเลี่ยง พูดตามตรง “ฉันคิดจะฝึกฝนชุดหนึ่งให้เหมือนกำลังลับของตระกูลเย่”
“คุณชายเฉิน นี่……เกรงว่าคงไม่ได้มั้ง” กู้ตงเชินอดเอ่ยปากไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเฉินเฟิง แต่ว่าเขารู้ดี คนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากเป็นจอมยุทธ์มีระดับความยากมากแค่ไหน
ผู้คนไม่น้อย เจ็ดแปดขวบก็เริ่มฝึกพื้นฐานการต่อสู้แล้ว แต่ถึงจะอายุสามสิบ ก็ยังคงไม่สามารถกลายเป็นจอมยุทธ์ได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าระดับความยากในการเป็นจอมยุทธ์นั้นมากแค่ไหน
ตอนนี้ความหมายของเฉินเฟิงคือหาคนหนุ่มที่กระดูกกำหนดรูปแบบได้แน่นอนกลุ่มหนึ่ง นำคนหนุ่มชุดนี้มาฝึกฝนเป็นจอมยุทธ์
นี่เกรงว่าเทียบกับเหยียบฟ้าแล้วยังยากกว่า!
“ไม่ลองดูจะรู้ได้ยังไงล่ะ” เฉินเฟิงหัวเราะเล็กน้อย สำหรับคนอื่นแล้ว อยากนำคนธรรมดาที่กระดูกเข้าที่แน่นอนกลุ่มหนึ่งมาฝึกซ้อมเป็นจอมยุทธ์ เป็นธรรมดาที่จะยากมาก
แต่สำหรับปรมาจารย์หั้วจิ้งอย่างเขาแล้ว เรื่องนี้กลับไม่ใช่เป็นไปไม่ได้
ถึงแม้เป็นไปไม่ได้จริงๆ แต่เพื่อเสี้ยเมิ่งเหยาแล้ว เขาจะทำเรื่องนี้ให้เป็นไปได้
“ได้ คุณชายเฉิน ผมจะไปหาคนครับ” เฉินเฟิงพูดแบบนี้แล้ว กู้ตงเชินย่อมไม่กล้าสงสัยอีก