ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่198 ดักปล้น
บทที่198 ดักปล้น
“หา?” กู้ตงเชินตกตะลึงอย่างยิ่ง “ขับอาวดี้?”
“อืม ขับอาวดี้ไป” เฉินเฟิงพยักหน้ายิ้ม อาวดี้คันนั้น เป็นเสี้ยเมิ่งเหยาซื้อให้เขา หลังจากซื้อมายังขับได้ไม่กี่ครั้ง ครั้งนี้เลยจะขับออกไปพอดี เพื่อให้เข้าที่สักหน่อย
“คุณชายเฉิน คุณทำไมถึงไม่ขับเคอนิกเส็กก์คันนั้นไป?” กู้ตงเชินอดถามไม่ได้ สำหรับเขาแล้วมีเพียงเคอนิกเส็กก์คันนั้น ถึงสามารถคู่ควรกับสถานะของเฉินเฟิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงแม้ในสายตาของผู้คนทั่วไป อาวดี้จัดอยู่ในประเภทรถหรู แต่ในการแข่งขันที่รวบรวมซูเปอร์คาร์พวกนี้ไว้ อาวดี้ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรกับรถแทรกเตอร์ เฉินเฟิงขับอาวดี้เข้าไป ไม่กลัวขายหน้าเหรอ?
เฉินเฟิงถอนหายใจทีหนึ่งพลางบอกว่า “ไอ้กู้ ปกติเห็นนายฉลาดมากนี่ ทำไมวันนี้ถึงโง่ขนาดนี้?”
“โง่?” กู้ตงเชินลูบๆ ศีรษะ ตนเองโง่ตรงไหนแล้ว?
เฉินเฟิงพยักหน้าแล้ว ยิ้มตอบ “ถ้าฉันขับเคอนิกเส็กก์คันนั้นเข้าไป ยังจะสอบถามข่าวได้ยังไง เย่ไห่ถังไม่ใช่คนตาบอด เธอต้องหาคนตรวจสอบแน่”
กู้ตงเชินตบๆ ศีรษะแล้วพูดอย่างเขินอายอยู่บ้าง “คุณชายเฉิน คุณดูสมองผมนี่สิ ลืมไปว่าคุณเข้าไปสอบถามข่าวคราว”
“ไม่เป็นไร รีบให้คนเอารถเข้ามาเถอะ” เฉินเฟิงหัวเราะแล้วบอกไป
“อืม คุณชายเฉิน แนะนำให้คุณเข้าไปช่วงบ่ายนะครับ พรุ่งนี้เป็นพิธีเปิดงาน โรงแรมของอ่าวโป๋ไห่มีจำนวนจำกัด ถ้าคุณเข้าไปสาย เกรงว่าจะไม่มีที่พักแล้ว” กู้ตงเชินบอก
“ได้ ฉันจะเข้าไปตอนบ่าย” เฉินเฟิงพยักหน้า
ไม่นานคนของกู้ตงเชินก็นำรถขับเข้ามาแล้ว หลังจากเติมน้ำมันจนเต็ม เฉินเฟิงขับไปบนถนนทันที
อ่าวโป๋ไห่เป็นเขตเชื่อมต่อกับของเมืองชางโจวและหนานหนิง
จุดชมวิวขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่คือถนนแข่งริมอ่าวที่วกไปวนมา ทุกปี ที่นี่ล้วนจัดงานแข่งรถหลายครั้ง
ในวันปกติจึงมีลูกคนรวยไม่น้อยชอบมาขับรถเร็วที่อ่าวโป๋ไห่
แน่นอนว่าคนที่ตายจากขับรถเร็วก็จำนวนไม่น้อย
ด้านล่างตีนเขา ทุกที่สามารถเห็นอะไหล่รถหรูที่แตกละเอียดได้
ตอนที่รถของเฉินเฟิงขับมาถึงใต้ตีนเขาก็เป็นช่วงพลบค่ำ เนื่องจากงานแข่งรถก็จะเริ่มพรุ่งนี้แล้ว โรงแรมที่ด้านล่างเขาเวลานี้จึงเต็มไปด้วยผู้คน
เฉินเฟิงถามมาตั้งหลายแห่งติดกันล้วนแขกเต็มทั้งนั้น
เฉินเฟิงจึงจำใจได้แต่ขับรถขึ้นเขาต่อไป
ถนนอ่าวโป๋ไห่ช่วงหัวค่ำเป็นประตูนรกที่ขึ้นชื่อ ที่นี่ถนนแข่งรถวกไปวนมา สภาพทางซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงไฟไม่ได้รับการซ่อมเป็นปี ล้วนเป็นความมืดมิด
หากไม่ระวังสักนิด ก็มีอันตรายที่คนจะตายจากอุบัติเหตุรถยนต์
เพราะเหตุนี้จึงมีคำพูดประโยคหนึ่งจากปากนักแข่งรถที่แฝงโฉมหน้าในอ่าวโป๋ไห่หลายปี หากกล้าขับรถที่อ่าวโป๋ไห่ยามค่ำคืน ล้วนเป็นนักแข่งรถพญายม!
เป็นธรรมดาที่เฉินเฟิงจะไม่รู้คำพูดประโยคนี้ แต่ถึงแม้ว่ารู้แล้วก็ไม่กระทบต่อการขับรถตอนกลางคืนของเขา
ความเร็วขึ้นถึงร้อยแปดสิบ เฉินเฟิงขับอาวดี้ด้วยความรู้สึกของแลมโบกินีออกไปอย่างฝีมือดี
ได้แต่มองเห็นเงาตะคุ่มวิ่งผ่านถนนบนเขา
ในขณะเดียวกันนี้ถนนเส้นหนึ่งที่จำเป็นต้องผ่านบนภูเขา ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ปิดหน้าสองสามคนค่อยๆ ย่องเบาๆ มุดออกจากพุ่มไม้
“ลูกพี่ จะไม่ถึงขั้นเอาชีวิตคนใช่มั้ย” ผู้ชายที่ตัวเล็กเอ่ยปากอย่างอ่อนแอ
“ถึงชีวิตคนกับผีอะไร!” ผู้ชายสูงใหญ่ที่เป็นหัวหน้าถลึงตาใส่ผู้ชายตัวเล็กพลางบอกว่า “นี่เป็นอ่าวโป๋ไห่ช่วงค่ำ คนขับรถบนเขาความเร็วต่างอยู่ที่ห้าสิบหกสิบ รถเร็วห้าสิบหกสิบ จะเกิดเรื่องกับผีอะไรได้”
ขณะพูดผู้ชายที่น่าเกรงขามก็โรยตะปูหลายสิบตัวไว้บนถนน
“งั้นถ้าเกิดมีคนขับถึงร้อยล่ะ?” ผู้ชายร่างผอมถามขึ้นอย่างระวัง
“หนึ่งร้อย?” ผู้ชายที่น่าเกรงขามพึมพำ แล้วบอกว่า “คนที่ไม่กลัวตายถึงได้ขับร้อยหนึ่ง”
พึ่งพูดออกไป เงาตะคุ่มก็ปรากฏขึ้นในสายตาของคนเหล่านี้แล้ว
ก่อนหน้าวินาทีหนึ่ง แสงไฟรถสีขาวยังอยู่ห่างหลายร้อยเมตร แวบหนึ่ง ไฟรถสีขาวก็ทยอยเข้ามา!
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้ชายสูงใหญ่ที่ปิดหน้าหลายคนนั้นก็ตกใจจนขาอ่อนกัน!
เร็ว!
เร็วเหลือเกินเลย!
ทำให้แม้แต่เวลาตอบสนองกลับยังไม่มี
คนที่ขับรถเป็นเฉินเฟิงอย่างแน่นอน ในความเป็นจริงเขาก็คาดไม่ถึงว่าดึกขนาดนี้แล้ว ยังมีคนยืนอยู่กลางถนน
เขาเหยียบเบรกทันที
ล้อรถกับพื้นเสียดสีกันอย่างฉับพลัน เสียงแสบแก้วหูอย่างแรงทำลายความสงบของอ่าวโป๋ไห่
ในที่สุดอาวดี้ก็หยุดอยู่ตรงหน้าชายสูงใหญ่ปิดหน้าเหล่านี้แค่คืบหนึ่งอย่างอันตรายยิ่ง
เสียง “พึ่บพับ”
ชายที่ตัวผอมเล็กตกใจจนทรุดนางลงบนพื้นทันที แค่วินาทีเดียว เขาจะเข้าประตูนรกแล้ว
ผู้ชายสูงใหญ่ที่น่าเกรงขามก็ตกใจจนเหงื่อตกทั้งตัวเช่นกัน ขาอ่อนยวบ
แต่ว่าโดยเฉพาะเขาผ่านชีวิตมาไม่น้อย หลังจากใจเย็นลงมา ทันใดนั้นก็ล้วงกุญแจมือออกมาจากระหว่างเอว มาตรงหน้าประตูรถของเฉินเฟิงด้วยความฉุนเฉียวเดือดดาล
“แกขับรถยังไงกัน!”
ผู้ชายสูงใหญ่ที่น่าเกรงขามตบๆ ที่ประตูรถจองเฉินเฟิงอย่างแรง ตะคอกใส่
“ดักปล้น?” เฉินเฟิงถามแบบยิ้มแต่ไม่ยิ้ม หลายคนนี้ก็น่าสนใจดี กลางค่ำกลางคืนยังวิ่งมาดักปล้นถึงทางแข่งรถอ่าวโป๋ไห่ ไม่กลัวตายเสียจริง
ยังดีเจอเข้ากับคนที่ปฏิกิริยาไวแบบเขา นี่ถ้าเจอกับพวกที่การตอบสนองช้า เหยียบเบรกไม่ทัน เกรงว่าคืนนี้พวกเขาคงต้องตายหมด
ชายสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามตะลึง ทำไมระบบสมองของเฉินเฟิงไม่เหมือนกับคนปกติอยู่บ้าง คนปกติเจอดักปล้นเข้า ไม่ควรจะร้องไห้ตีโพยตีพายแล้วเหรอ เจ้าหนุ่มเฉินเฟิงนี้ ทำไมยังมีกะจิตกะใจมาถามกลับอีก?
“รู้ว่าฉันมาปล้น ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก” ถึงแม้จะแปลกใจ แต่ชายร่างสูงใหญ่ก็ไม่ได้คิดมาก เริ่มข่มขู่อย่างโหดเหี้ยมทันที พวกเขาคนมากขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีอาวุธด้วย จึงไม่กลัวเฉินเฟิงทำลูกไม้ไม่ดีอะไร
“ใช่ คุกเข่าลง! เอาของมีค่าบนตัวแกทั้งหมดออกมาด้วย!” ผู้ชายตัวเล็กเริ่มร้องเอะอะ เมื่อสักครู่เขาเกือบโดนเฉินเฟิงทำให้ตกใจฉี่ราด ตอนนี้สบโอกาสแล้วย่อมเอากลับคืนไป
“อยากให้ฉันคุกเข่าจริงเหรอ?” เฉินเฟิงหัวเราะอย่างขบคิด เขาไม่ได้ลงมือนานมากแล้ว วันนี้ถ้าพวกอ่อนหัดหลายคนนี้ไม่รู้จักเอาตัวรอด เขาก็จะได้ยืดเส้นยืดสายพอดี
“เจ้าหนู ไม่คุกเข่า ก็ตายซะ!” ชายสูงใหญ่ที่น่าเกรงขามข่มขู่อย่างปลิ้นปล้อน ที่นี่เป็นอ่าวโป๋ไห่ คนที่ตายเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกิน
“ก็ได้” เฉินเฟิงถอนหายใจทีหนึ่ง ในเมื่อพวกนี้หลงงมงาย นั้นเขาก็ขี้เกียจพูดอะไรอีกมากมาย
กำลังจะเตรียมลงมือ เวลานี้มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งขับเข้ามาแล้ว
ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ด้านหน้าไม่ปกติ แต่เฟอร์รารี่สีแดงกลับไม่ได้มีความคิดจะไม่สนใจสักนิด ทั้งยังขับรถมาจอดที่ด้านข้างคนเหล่านี้โดยตรง
ประตูรถเปิดออก ผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกคนหนึ่งกับหญิงสาวรูปร่างสูงผอมใส่กระโปรงยาวสีดำเดินลงมาจากบนรถ
รูปร่างของผู้ชายใส่เชิ้ตลายดอกอ้วนฉุอยู่บ้าง บนหน้าเต็มไปด้วยเนื้อจ้ำม่ำ แต่เนื้อนี้กลับมีความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจ
ส่วนหญิงสาวด้านข้างเขานั้นรูปร่างก็เรียวเล็กสง่างามเหลือเกิน ราวกับลมหอบหนึ่งล้วนสามารถพัดล้มได้ ใบหน้างดงามไม่มีเครื่องสำอางภายใต้แสงไฟรถ เห็นได้ชัดว่ามีเสน่ห์ตระการตาอย่างมาก บุคลิกของหญิงสาวก็อ่อนหวานมาก กลายเป็นข้อเปรียบเทียบกับรูปร่างเจ้าเนื้อด้านข้างอย่างชัดแจ้ง
“ทำอะไรน่ะ?” ผู้ชายเสื้อเชิ้ตลายดอกตะโกนอย่างโจ่งแจ้ง เห็นได้ชัดว่ามีความหมายวุ่นวาย