ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่200 ไอ้ซูน
บทที่200 ไอ้ซูน
“ไอ้ซูน ฉันไปที่ไหน เหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับนายมั้ง” จูกว่างฉวนหันหน้าตอบเสียงเย็นชา
เฉินเฟิงสังเกตคนที่ออกเสียงวิตถารเมื่อสักครู่นี้รอบหนึ่ง นี่คือคนหนุ่มที่ใส่สูทอาร์มานี่
เฉินเฟิงก็สังเกตคนที่ออกเสียงวิตถารเมื่อสักครู่นี้รอบหนึ่ง นี่คือคนหนุ่มที่ใส่สูทอาร์มานี่ เซตผมไปด้านหลัง คนหนุ่มดวงตาบวมโต สีหน้าซีดขาวดูเหมือนมีโรคภัยอยู่ระดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นผลจากการมั่วโลกีย์มานานหลายปี
“คุณชายหมูจำเป็นต้องพูดจาแรงขนาดนี้ด้วยเหรอ? นายไปไหนไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่น้องสาวนายไปไหนนั่นเกี่ยวข้องกับฉัน หึๆ” คนหนุ่มใส่สูทอาร์มานี่พูดอยู่ก็ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของจูเจียเหยียนแล้ว
จูเจียเหยียนดึงมือของชายหนุ่มที่ใส่สูทอาร์มานี่ออก เอ่ยปากเสียงเย็นชา “คุณชายซูน กรุณาสังวรการกระทำด้วย!”
“สังวรการกระทำ?” ซูนแช่ยิ้มขบคิด แล้วบอกว่า “เจียเหยียน เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร? เธอเป็นเมียของฉันในอนาคต ฉันลูบเธอ จะไม่สังวรการกระทำยังไง?”
“ไอ้ซูน ดีที่สุดนายอย่าล้ำเส้นเกินไป! เรื่องงานแต่งของนายกับน้องสาวฉันยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้น นาย……” จูกว่างฉวนเอ่ยปากเสียงทุ้ม บนหน้าผากมีเส้นเลือดดำปูดโปนขึ้นจนสามารถมองออก เขาพยายามกดแรงโกรธของตนเองไว้อย่างมาก
แต่ทว่าคำพูดเขายังไม่ทันจบ กลับถูกซูนแช่ยิ้มเยาะขัดจังหวะ “จูกว่างฉวน ฉันไว้หน้านายนะ ถึงได้เรียกนายว่าคุณชายหมู นายอย่าคิดว่าตัวเองเป็นคุณชายจริงๆ เลย”
“ขอเพียงฉันคิด คำพูดฉันประโยคเดียวก็สามารถทำให้ตระกูลจูนายล้มละลายได้ ถึงตอนนั้นพวกนายทั้งตระกูลจู ล้วนต้องมาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ขอร้องให้ฉันเอาน้องสาวนาย!” บนใบหน้าซีดเซียวของซูนแช่เต็มไปด้วยยิ้มเยาะ ตระกูลจูทั้งหมดของจูกว่างฉวน หลายปีนี้สภาพการค้านับวันทรุดหนักยิ่งขึ้น ติดหนี้ธนาคารหลายแห่ง ถ้าไม่ใช่พึ่งตระกูลซูนช่วยเหลือ ตระกูลจูก็คงล้มละลายไปตั้งนานแล้ว
ดังนั้นตอนนี้ตระกูลซูนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของตระกูลจู หนึ่งปีก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตระกูลซูน คนของตระกูลจูรับปาก ให้จูเจียเหยียนแต่งงานกับเขา ทั้งสองตระกูลจึงหมั้นหมายเอาไว้
เขารู้ดีมากว่าจูเจียเหยียนไม่สนใจเขา แม้กระทั่งสะอิดสะเอียนเขามาก แต่นั่นมีอะไรเกี่ยวข้องกันล่ะ เขามีเงิน เขาพูดมาคำเดียวก็สามารถทำให้ตระกูลจูล้มละลายได้
ถึงจูเจียเหยียนจะไม่ยินยอมอย่างไร ก็ทำอะไรฉันไม่ได้?
“นาย……” จูกว่างฉวนกัดฟันจนเสียงดังกรอด ในดวงตามีไฟโกรธพุ่งกระฉูด แต่เขาก็รู้ดีที่ซูนแช่พูดไม่มีอะไรผิด ตอนนี้ความเป็นความตายของตระกูลจู ที่จริงแค่เพียงความคิดของซูนแช่เท่านั้น
ซูนแช่เดินมาถึงด้านหน้าจูกว่างฉวน ตบๆ หน้าของจูกว่างฉวนแบบเหยียดหยาม ยิ้มเยาะบอก “จูกว่างฉวน วันนี้ฉันอารมณ์ดี จะปล่อยนายไปก่อน วันหลังนายเจอฉันแล้ว ถ้ายังไม่รู้จักให้เกียรติอีก อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจกับนายแล้วกัน!”
“อีกอย่าง……ดูน้องสาวนายให้ดี ฉันไม่อยากให้หล่อนกับคนที่ไม่มีที่มาที่ไปคนไหนคบหากัน มาสวมเขาให้ฉัน!” ขณะพูดซูนแช่ก็ชายตามองทางเฉินเฟิงด้านข้างแวบหนึ่ง ความหมายแจ้งเตือนชัดเจนมาก เขาไม่รู้สถานะของเฉินเฟิง ดังนั้นคงไม่ดีนักที่จะลงมือกับเฉินเฟิงไปโดยตรง แต่ทว่ามาตรการป้องกันล่วงหน้ายังต้องทำอยู่
หลังจากซูนแช่พาคนออกไป จูกว่างฉวนถอนหายใจทีหนึ่ง มองทางเฉินเฟิงแบบขอโทษ บอกว่า “เพื่อนเฉินเฟิง ขอโทษทีนะ ลำบากนายแล้ว”
“ลำบากอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด หรือว่าเพราะฉันกับเจียเหยียนอยู่ด้วยกัน เขาจะมาทำอะไรฉันแล้วเหรอ” เฉินเฟิงหัวเราะนิดหน่อยตอบ ไอ้ซูนที่จูกว่างฉวนเรียกอยู่คนนี้น่าจะไม่ใช่ตระกูลดั้งเดิมที่เมืองชางโจว ถ้าเป็นตระกูลดั้งเดิมเมืองชางโจว เขาน่าจะรู้จัก
จูกว่างฉวนส่ายหน้า ถอนหายใจตอบ “เพื่อนเฉินเฟิง นายคงไม่รู้ ซูนแช่ไอ้สารเลวนี่ จิตใจของเขาเล็กมากแค่ไหน ก่อนหน้านี้เพราะเห็นเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งของน้องสาวฉันกับน้องสาวฉันเดินอยู่ด้วยกัน เขาให้คนหักขาข้างหนึ่งของเพื่อนนักเรียนน้องสาวฉันคนนั้น วันนี้ ดึกขนาดนี้แล้ว นายยังอยู่ด้วยกันกับน้องสาวฉัน เขาต้องไม่ปล่อยนายไปแน่”
“ถึงว่ายังไม่ได้ลงมือกับนายที่นี่ กลัวว่าเป็นเพราะยังไม่ได้หารายละเอียดของนายชัดเจน” จูกว่างฉวนพูดเสียงทุ้ม
“ก้าวร้าวขนาดนี้เลยเหรอ?” เฉินเฟิงยักคิ้ว ถ้าที่จูกว่างฉวนพูดมาเป็นความจริง นั้นซูนแช่คนนี้ยังกำเริบเสิบสานอยู่บ้างจริงๆ
“อืม” จูกว่างฉวนพยักหน้าแล้วบอกว่า “เพื่อนเฉินเฟิง ถ้าไม่อย่างนั้นฉันให้คนส่งนายลงเขาเถอะ หลายวันนี้นายไปซ่อนตัวด้านนอกหน่อย รอเรื่องราวผ่านไป นายค่อยกลับมา”
“ไม่ต้อง” เฉินเฟิงส่ายหน้า ตอบว่า “ถ้าเขามาหาเรื่องฉัน ฉันจะรับไว้ก็ได้”
“รับไว้?” จูกว่างฉวนตกตะลึงอยู่บ้าง เอาอะไรรับกัน?
“ถึงแม้ฐานที่มั่นของตระกูลซูนอยู่ที่หนานหนิง แต่เมืองชางโจวก็มีตระกูลที่เป็นมิตรกับพวกเขาไม่น้อย ถ้าตระกูลพวกนั้นมาหาเรื่องคุณ ไม่แน่ใจว่าคุณจะรับมือได้” จูเจียเหยียนเอ่ยปากอย่างอึดอัด คำพูดของเธอเป็นธรรมดาที่จะเตือนสติเฉินเฟิงว่าอย่าอวดดี เลี่ยงที่จะทำร้ายตนเอง
“รับหรือรับไม่ไหว ลองดูถึงรู้ได้” เฉินเฟิงหัวเราะแล้วบอกไป
จูเจียเหยียนขยับๆ หนังปาก เธออยากบอกเฉินเฟิงแบบนี้ไม่ฉลาดเลย แต่คำพูดมาถึงที่ปลายปาก ก็ถูกเธอกลืนกลับคืน เพราะเธอไม่รู้จักสถานะของเฉินเฟิง ถ้าเกิดเฉินเฟิงมีเบื้องหลังเหมือนกันล่ะ?
“ก็ได้ งั้นเพื่อนเฉินเฟิง หลายวันนี้นายอยู่กับพวกเราเถอะ ถ้าเกิดมีคนมาหาเรื่องวุ่นวายกับนาย ฉันจะดูแลนายได้หน่อย” จูกว่างฉวนพูดขึ้น ในเมื่อเฉินเฟิงยืนยันในความคิดนี้ งั้นเขาคงไม่ดีที่จะกล่อมต่ออีก ได้แต่ทุ่มสุดแรงปกป้องเฉินเฟิงแล้ว
โดยเฉพาะเป็นเพราะจูเจียเหยียน ถึงพัวพันกับเฉินเฟิงด้วย
“ได้” เฉินเฟิงพยักหน้าแล้ว
หลังสามคนคุยเสร็จ ก็มาที่ประชาสัมพันธ์ จูกว่างฉวนจองห้องเอาไว้เรียบร้อยก่อนหน้าสองสามวันแล้ว เขากับจูเจียเหยียนคนละห้อง ตอนนี้แค่ต้องมารับคีย์การ์ดเท่านั้นเอง
ส่วนเฉินเฟิงทำได้เพียงนอนเบียดกับจูกว่างฉวนในห้องเดียวกัน เพราะไม่ได้จองห้องล่วงหน้า บวกกับสาเหตุที่ห้องพักของโรงแรมตอนนี้แขกเต็มแล้ว
แต่ยังดีที่ทั้งสองคนเป็นคนที่ไม่คำนึงถึงพิธีรีตอง จึงไม่สนใจเรื่องพวกนี้
หลังเข้ามาในห้องพัก เฉินเฟิงก็เปลี่ยนรองเท้าในโรงแรม
จูกว่างฉวนดึงผ้าม่านในห้องพักเปิดแล้วชี้ไปทางอาคารทรงยุโรปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ยิ้มถาม “เพื่อนเฉินเฟิง นายรู้มั้ยว่าในตึกนั้นใครพักอยู่?”
เฉินเฟิงมองตึกตามที่จูกว่างฉวนชี้ไป ก่อนจะส่ายหน้า เขายังไม่รู้จริงๆ ว่าตึกนั้นใครพักอยู่ แต่มองทำเลและการตกแต่งของตึกนั้น เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งและสถานะของคนที่พักไม่ธรรมดา
“หึๆ พี่จูจะบอกนายเอง คนที่พักตึกนั้นคือนามสกุลเย่” จูกว่างฉวนหัวเราะหึๆ ท่าทางสุภาพเท่าไร
“นามสกุลเย่?” เฉินเฟิงสีหน้าแปลกใจ คงไม่ใช่เย่ไห่ถังหรอกมั้ง
มองเห็นเฉินเฟิงสีหน้าแปลกประหลาด จูกว่างฉวนก็ยิ้มอย่างลึกซึ้ง ตอบว่า “ดูแล้วเพื่อนคงมาเพื่อราชินีเย่สินะ”
“นายรู้ได้ยังไง?” เฉินเฟิงงงงวยอยู่บ้าง เขาแอบซ่อนเข้ามาสังเกตการณ์ ยังไม่ได้เริ่มก็ถูกคนจับได้แล้วเหรอ?
จูกว่างฉวนมองค้อนเฉินเฟิง ก่อนจะบอกว่า “นี่นายถามไร้สาระอะไร ผู้ชายที่มาที่นี่คนไหนไม่ได้มาเพื่อราชินีเย่บ้าง”
“บอกนายตามตรงนะ หลังจากที่รู้ว่าการแข่งรถครั้งนี้เป็นราชินีเย่จัดขึ้น ไม่เพียงแค่เมืองชางโจวของพวกเรา แม้แต่หนานหนิงที่อยู่ข้างๆ ลูกคนรวยล้วนเข้ามาไม่น้อย ซูนแช่ไอ้หมานั่นก็มาจากหนานหนิง” จูกว่างฉวนพูดขึ้น