ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่201 ทำไม
บทที่201 ทำไม
“พูดแบบนี้เรื่องที่เย่ไห่ถังเลือกสามีครั้งนี้เป็นเรื่องจริง?” เฉินเฟิงถามไป ถ้ามีคนเข้ามามากขนาดนี้จริง นั้นข่าวภายในของตระกูลเย่ที่แพร่ออกมาที่กู้ตงเชินเล่า เกรงว่าจะไม่ใช่ข่าวที่ไม่มีมูลเสียเลย เย่ไห่ถังอาจคิดจะใช้โอกาสครั้งนี้เลือกสามีจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธออาจจะสำนึกได้ว่าตนเองจะลงมือกับเธอแล้ว ดังนั้นจึงอยากรีบกอดที่พึ่งไว้
“ไม่รู้” จูกว่างฉวนส่ายหน้าแล้วบอกว่า “ราชินีเย่คนนี้จิตใจน่ากลัวมาก เธอหาผู้ชายเพียงเพราะจะหาคนที่แกร่งกว่าเธอ ผู้ชายทั่วไปเดิมทีเธอก็ไม่มีใจมอง ถึงแม้ครั้งนี้คนที่มาการแข่งรถล้วนเป็นลูกท่านหลานเธอ หนุ่มรูปหล่อของเมืองชางโจวและหนานหนิง อาจจะถูกใจราชินีเย่เข้า เกรงว่ายังมีไม่กี่คนจริงๆ”
“งั้นนายล่ะ?” เฉินเฟิงยิ้มถาม มองจูกว่างฉวนท่าทางแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเลื่อมใสเย่ไห่ถังมาก
“ฉัน?” จูกว่างฉวนชี้มาที่จมูกของตนเอง หัวเราะฮาๆ ขึ้นทันใด พลางบอกว่า “ฉันจะได้กับผีอะไร ต่อให้ราชินีเย่จะตาบอดแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าจะสนใจฉันเลย”
“งั้นก็ไม่แน่ ฉันรู้สึกว่านายก็ไม่เลว” เฉินเฟิงบอกไป คำพูดนี้ของเขาไม่ใช่สรรเสริญเยินยอจูกว่างฉวน แต่เขารู้สึกว่าจูกว่างฉวนเป็นคนที่ดีมากจริงๆ เห็นค่ามิตรภาพ ให้ความสำคัญกับความรู้สึก
“หึๆ ขอบใจเพื่อนเฉินเฟิงที่เห็นค่า แต่ฉันรู้ดีตัวเองดีว่าอะไรเป็นอะไร เข้ามาครั้งนี้ก็แค่อยากดูหน่อย จะคบหาสมาคมกับใครได้บ้าง แก้ไขปัญหาการเงินตระกูลจูของพวกฉันสักหน่อย” จูกว่างฉวนหัวเราะหึๆ บอก เขาไม่ได้สนใจเฉินเฟิง พูดปัญหาที่ตระกูลจูเผชิญอยู่ตอนนี้ไปตามตรง
หลังฟังจบ เฉินเฟิงพยักหน้า ตอบว่า “ตระกูลจูของพวกนายตอนนี้ขาดเงินอยู่เท่าไร?”
“ห้าร้อยล้านมั้ง ประเด็นคือหลายปีก่อนขยายเร็วเกินไป กู้เงินธนาคารมามากเกิน ตอนนี้หมุนเงินไม่ทัน ขอเพียงมีห้าร้อยล้าน ปัญหาทั้งหมดก็พอจะแก้ไขได้” จูกว่างฉวนตอบ
“ห้าร้อยล้าน……” เฉินเฟิงบ่นพึมพำ พูดขึ้น “บางทีฉันอาจสามารถช่วยนายหาวิธีได้”
“หา?” จูกว่างฉวนอ้าปากกว้าง ตกใจอย่างยิ่ง “เพื่อนเฉินเฟิง นายไม่ได้ล้อเล่นมั้ง นี่เป็นเงินห้าร้อยล้าน ไม่ใช่ห้าแสน”
เฉินเฟิงส่ายหน้า ยิ้มบอก “ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันมีห้าร้อยล้านจริงๆ”
“ฉันไม่เชื่อ” จูกว่างฉวนพูดออกมาตรงๆ “เพื่อนเฉินเฟิง ฉันรู้ว่านายอยากช่วยฉัน แต่เรื่องนี้เอามาล้อเล่นไม่ได้จริงๆ ถึงแม้นายจะมีห้าร้อยล้าน ห้าร้อยล้านก็อาจเป็นทรัพย์สินทั้งหมดของนาย ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการคือเงินสด ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์”
ในความจริงจูกว่างฉวนรู้สึกว่าแม้แต่ห้าล้านเฉินเฟิงยังไม่อาจจะมี โดยเฉพาะดูเฉินเฟิงแต่งตัว แถมยังมีอาวดี้คันนั้นตอนที่ขับบนเขา อย่างไรก็ไม่เหมือนคนมีเงิน
บอกว่าเฉินเฟิงมีห้าล้าน เขาถึงเชื่อ
แต่บอกว่าเฉินเฟิงมีห้าร้อยล้าน อย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ
เฉินเฟิงหัวเราะอย่างขมขื่น จูกว่างฉวนไม่เชื่อ เขาไม่มีทางทำอะไรได้ เขาไม่สามารถนำบัตรธนาคารออกมาตอนนี้ได้ แล้วบอกว่าจูกว่างฉวน ในบัตรธนาคารของเขา มีหลายร้อยล้านนอนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายร้อยล้านนี้ ยังเป็นเพียงทรัพย์สินหนึ่งในพันของเขา
“พอแล้ว เพื่อนเฉินเฟิง ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พวกเรานอนกันเถอะ พรุ่งนี้เช้ายังมีการแข่งซูเปอร์คาร์อีก” จูกว่างฉวนบอก
“ได้” เฉินเฟิงพยักหน้าแล้ว เรื่องของจูกว่างฉวน เมื่อไรก็สามารถช่วยได้ แต่ว่าตอนนี้สถานะของเขากลับไม่สามารถเปิดเผยได้
ค่ำคืนหนึ่งผ่านไป
ช่วงเช้าวันต่อมา เฉินเฟิงลุกขึ้นแต่เช้า หลังล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกจากห้องพักมาที่ห้องอาหาร
บังเอิญเจอเข้ากับจูเจียเหยียนที่กำลังทานอาหารเช้า
จูเจียเหยียนในวันนี้ ใบหน้างดงามบริสุทธิ์ยังคงไม่ได้ลงเครื่องสำอาง แต่ว่าบนตัวกลับเปลี่ยนไปใส่กระโปรงยาวสีครีมที่เห็นรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นชัดเจน พอเจอเฉินเฟิง มุมปากจูเจียเหยียนฉีกรอยยิ้มสุภาพขึ้น
“คุณเฉิน อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์”
“พี่ชายฉันล่ะ เขายังไม่ตื่นเหรอ?” จูเจียเหยียนยิ้มสอบถาม
“ยัง เขานอนอยู่เลย” เฉินเฟิงตอบ
“อืม” จูเจียเหยียนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเริ่มทานอาหารอย่างสงบ
อาหารเช้าของโรงแรมล้วนเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ เฉินเฟิงตักโจ๊กมาถ้วยหนึ่ง หยิบผลไม้บางอย่างแล้วนั่งลงด้วยกันกับจูเจียเหยียน
ใครจะรู้ว่าเขาพึ่งนั่งลงได้ไม่นาน ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองสามคนมาแล้ว
นั่นคือซูนแช่
ซูนแช่พาลูกน้องสองสามคนมาด้วย ยืนตรงหน้าเฉินเฟิงอย่างโจ่งแจ้ง หลังจากมองเฉินเฟิงอย่างเหยียดหยามทีหนึ่ง ใช้เท้าถีบๆ เก้าอี้ของเฉินเฟิงพลางบอกว่า “เฮ้ยเพื่อน หลบให้นั่งที”
เฉินเฟิงใช้ส้อมค่อยๆ จิ้มแอปเปิลชิ้นหนึ่ง ใส่เข้าปากไป และไม่ได้สนใจซูนแช่
ชั่วขณะนั้นซูนแช่สีหน้าเย็นลงมามืดครึ้มพร้อมเอ่ยปาก “นายหูหนวกเหรอ? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง?”
เฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น มองซูนแช่แวบหนึ่ง เอ่ยปากนิ่งสงบ “ได้ยินแล้ว”
“ได้ยินแล้วนายยังไม่หลบ!” ซูนแช่หงุดหงิดอยู่บ้าง ท่าทีของเฉินเฟิงทำให้เขาไม่สบายใจ
“ทำไมต้องหลบให้นายด้วย?” เฉินเฟิงหรี่ๆ ตาลง ถามขึ้น
“ทำไม?” ซูนแช่แสยะยิ้ม จนกระทั่งควักกริชเล่มหนึ่งออกมาจากรอบเอว วางลงบนโต๊ะไปสักหน่อย “ก็เพื่ออันนี้ไง!”
“นายจะฆ่าฉัน?” เฉินเฟิงเอ่ยปากนิ่งๆ
“นายคิดว่าฉันไม่กล้า?” แรงอาฆาตในสายตาของซูนแช่ทะลักอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนว่าเขาไม่กล้าฆ่าเฉินเฟิงต่อหน้าคนมากขนาดนี้ แต่เรื่องให้เฉินเฟิงหายตัวไปหลังจากนี้ ง่ายเสียยิ่งกว่าง่ายอีก
“คุณเฉิน……” จูเจียเหยียนมองเฉินเฟิงอย่างร้อนใจพอสมควร เดิมทีระหว่างเฉินเฟิงกับซูนแช่ยังมีช่องว่างให้หวนกลับ แต่ถ้าเฉินเฟิงทำให้ซูนแช่เสียหน้าต่อผู้คนมากขนาดนี้ ระหว่างสองคนนั้นก็ไม่มีความเป็นไปได้จะหวนกลับแต่อย่างใดอีก
ซูนแช่จะต้องจัดการเฉินเฟิงตายแน่
“ไม่เป็นไร” เฉินเฟิงปัดๆ มือ จากนั้นมองซูนแช่อย่างเรียบเฉยอีกครั้ง บอกว่า “ถ้าอยากฆ่าฉัน นายรีบลงมือเลยสิ”
ยั่วยุ!
ยั่วยุแบบ**
คนฉลาดย่อมมองออก นี่คือเฉินเฟิงกำลังยั่วยุซูนแช่
ช่วงเวลานี้อุณหภูมิภายในทั้งห้องอาหารเย็นลงมาแล้ว
ซูนแช่จ้องเฉินเฟิงตาเขม็ง แรงอาฆาตในสายตาทะลักบ้าระห่ำ แต่ว่าท้ายที่สุดเขายังควบคุมการกระทำที่อยากฆ่าเฉินเฟิงที่นี่เอาไว้ได้
เพื่อฆ่าเฉินเฟิงแล้วทำให้ตนเองติดเข้าไปด้วย ก็ไม่คุ้มค่า
“แก……ดีมาก!” ซูนแช่กัดฟัน ทิ้งคำพูดขู่ไว้
“ขอบใจ” เฉินเฟิงหัวเราะนิ่งๆ
มุมปากซูนแช่หดๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก หมุนตัวเดินไป แต่ว่าในใจกลับวางเฉินเฟิงไว้ตำแหน่งความตายแล้ว
หลังจากซูนแช่ออกไป เฉินเฟิงก็หยิบช้อนขึ้นอีกครั้ง ตักโจ๊กคำหนึ่ง แล้วใส่เข้าปาก
จูเจียเหยียนถอนหายใจทีหนึ่ง บอกว่า “คุณเฉิน ความจริงเมื่อกี้คุณไร้สติเหลือเกิน”
สำหรับเธอ เฉินเฟิงพูดแบบนี้ไม่ฉลาดเลย เพื่อศักดิ์ศรีครู่เดียว เลยต้องผิดใจกับซูนแช่ การกระทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
“ไม่ฉลาด?” เฉินเฟิงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ถ้าบอกว่าไม่ฉลาด ก็ควรเป็นซูนแช่ที่ไม่ฉลาดมั้ง แม้แต่สถานะตนเองเป็นอะไรยังไม่รู้ ยังมาข่มขู่จะฆ่าตนเอง ไม่กลัวจะนำหายนะไปให้ตระกูลซูนบ้างเหรอ?
“อืม ไม่ฉลาด” จูเจียเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจังพร้อมบอกว่า “ตระกูลซูนเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทีมก่อสร้างภายใต้มือพวกเขาส่วนมากเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลใต้ดินของหนานหนิงนับไม่ถ้วน พวกเขาอยากฆ่าใครสักคน เป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่ายอย่างยิ่ง”