ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่224 พี่เฝิงชุน หลานชายคนโตของพี่ล่ะ
บทที่224 พี่เฝิงชุน หลานชายคนโตของพี่ล่ะ
“ตกลง ฉันรับปาก” จูกว่างฉวนกัดฟันตอบ
“เจียเหยียน” จูเฝิงชุนหันสายตามาทางจูเจียเหยียน
“ท่านปู่ หนูอยู่นี้ค่ะ” ราวกับรู้ว่าจูเฝิงชุนต้องการจะทำอะไร จูเฝิงชุนยืนขึ้นพร้อมกับ แววตาสุขุม
“เธอเข้าใจแล้วก็แต่ง ๆ ไปเถอะ ถ้าเข้าตระกูลซูนแล้ว…. ”
“หนูไม่แต่งค่ะ” คำพูดของจูเฝิงชุนยังไม่ทันสิ้นสุดก็ถูกจูกว่างฉวนขัดจังหวะขึ้น “ท่านปู่ครับ ผมไม่เห็นด้วยกับการให้เจียเหยียนแต่งเข้าตระกูลซูน
“ท่านปู่ครับ ใครก่อเรื่องคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องของตระกูลซูนกับตระกูลเติ้งเป็นเรื่องบาดหมางของผม เดิมทีเจียเหยียนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คุณปู่มีสิทธิอะไรมาตัดสินชีวิตเจียเหยียน?”
“ไอ้เวรซูนแช่นั้น เลี้ยงผู้หญิงไว้อีกเป็นเจ็ดแปดคน ถ้าเจียเหยียนแต่งกับมันจะต้องไม่มีความสุขแน่ๆ …..”
“ความสุข? จูกว่างฉวน แกยังมีหน้ามาพูดถึงความสุขอีกเหรอ น้องสาวแกมีความสุขแล้วพวกเราทุกคนล่ะ กินแกลบยังงั้นเหรอ?”
“อาสะใภ้ รองพูดถูก เรื่องนี้แกเป็นคนก่อขึ้น คนที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องเป็นคนในครอบครัวก็ถูกแล้วไม่ใช่เรอะ จะว่าไป เจียเหยียนก็ต้องแต่งออกไปไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว จะแต่งเร็วแต่งช้าจะไปต่างอะไรกัน!”
“ใช่แล้ว จะช้าจะเร็วก็ต้องแต่งอยู่ดี ไม่สู้แต่งพรุ่งนี้ไปเลย ให้ซูนแช่ปลดปล่อยตระกูลของเรา”
เหล่าญาติๆของตระกูลจูพูดคุยถกเถียงกันว่าจำใจต้องส่งเจียเหยียนให้ตระกูลซูน
“พวกคุณยังมียางอายอยู่อีกไหม!” จูกว่างฉวนตะคอกพร้อมลุกขึ้นยืนแล้วกำหมัดแน่นและมองไปที่คนของตระกูลจูด้วยดวงตาสีแดงเลือด “เจียเหยียนเป็นแค่เด็กผู้หญิง … ”
“พี่ ” ในตอนนั้นเอง จูเจียเหยียนเปล่งเสียงพูดเบาๆขัดจังหวะจูกว่างฉวนผู้เป็นพี่
“พี่ พวกเขาพูดถูกแล้ว จะช้าหรือเร็วก็ต้องแต่งกับซูนแช่ แต่งเร็วแต่งช้ายังไงก็ต้องแต่ง” เห็นได้ชัดว่าใบหน้าจูเจียเหยียนไม่ค่อยเต็มใจ จูกว่างฉวน รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความเจ็บปวด เขาไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่ต้องเสียใจมากขนาดนี้
เดิมทีจูเจียเหยียนไม่จำเป็นจะต้องแต่งกับซูนแช่ ตระกูลจูมีโอกาสที่จะยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ได้ แต่ตอนนี้ เพราะความหุนหันพลันแล่นของเขา ทั้งหมดก็กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“เจียเหยียน พี่ขอโทษเธอ” จูกว่างฉวนกลั้นน้ำตา เค้นเสียงพูดออกมา
จูเจียเหยียนยิ้มบาง “พี่ พูดเรื่องไร้สาระอะไรกันน่ะ”
“เจียเหยียน ปู่ทำให้เจ้าน้อยเนื้อต่ำใจแล้วสินะ” จูเฝิงชุนถอนหายใจ เขาจะไม่รู้ได้ยังไง ว่านิสัยของซูนแช่เป็นยังไง ทั้งโลภเงินแล้วยังตัณหากลับ แต่ถ้าไม่ให้จูเจียเหยียนแต่งงาน ความโกรธของซูนแช่ก็คงจะไม่สงบลง
“ท่านปู่ หนูไม่ได้น้อยใจอะไรเลยค่ะ” จูเจียเหยียนส่ายหน้า “หลังจากหนูเข้าตระกูลซูนแล้ว หนูจะเกลี้ยกล่อมซูนแช่ให้ปล่อยตระกูลเราไป”
ความจริงตอนที่อยู่บนภูเขา เธอก็ตระหนักถึงชะตากรรมของตัวเองแล้ว ความโกรธของตระกูลซูน จูกว่างฉวนแค่คนเดียวแบกรับเพียงลำพังไม่ไหว จำเป็นต้องมีเธอผู้เป็นน้องสาว ต่อสู้ไปด้วยกัน
“เฮ้อ….”
จูเฝิงชุนถอนหายใจยาว บรรยากาศในห้องโถงของตระกูลจู ค่อนข้างหดหู่
ในตอนนั้น จูคังเล่อก็พูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว “ท่านปู่ ยังมีเจ้าเขยแต่งเข้าที่ชื่อเฉินเฟิงนั่นอีกคน เขาเป็นผู้ร้ายที่ก่อเรื่องในครั้งนี้ ผมเสนอว่า ให้เขาไปที่ตระกูลซูนขออภัยโทษด้วยกันกับพี่ใหญ่ครับ”
“ใช่ เจ้าคนร้ายเฉินเฟิงนั่น ปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด!”
“ให้เขาไปคุกเข่าก้มหัวให้ซูนแช่พร้อมกับกว่างฉวน ซูนแช่ยกโทษให้เมื่อไหร่ ก็ค่อยปล่อยเขากลับไป”
คำพูดของ จูคังเล่อ ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาคนในตระกูล ในความคิดของพวกเขา เฉินเฟิงนั้นน่าชิงชังเสียยิ่งกว่าจูกว่างฉวน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฉินเฟิง ตระกูลจูก็คงไม่ต้องเกิดหายนะเช่นนี้
“ไม่ได้! พวกคุณอย่าแม้แต่จะคิด!” จูกว่างฉวนโกรธจนหน้าแดงไปถึงหู พวกญาติๆ ในตระกูลยิ่งพูดยิ่งเลยเถิด แม้แต่เฉินเฟิงก็ลากมาเกี่ยว
“อย่าแม้แต่จะคิด? จูกว่างฉวน สมองแกมีปัญหาแต่ของพวกเราไม่มี เจ้าเฉินเฟิงนั่น เป็นแค่เขยแต่งเข้า ให้มันได้ไปคุกเข่าให้ซูนแช่ ก็นับเป็นเกียรติของมัน”
“ใช่ เป็นเกียรติ! ฉันได้ยินมาแล้ว ว่าตระกูลเสี้ยที่เฉินเฟิงนั่นแต่งเข้า ก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ เทียบไม่ได้กับตระกูลจูของเราเลย ถ้าตระกูลเสี้ยรู้ว่าลูกเขยแต่งเข้าของตัวเองไปทำให้คุณชายใหญ่ตระกูลซูนกับตระกูลเติ้งขุ่นเคือง พวกเขาต้องไม่ปล่อยไอ้งี่เง่านั่นไว้แน่”
“พี่เฉินเฟิงเขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเขยแต่งเข้าแบบนั้น….” จูกว่างฉวนทั้งหน้าทั้งคอแดงเถือกไปหมด ทุกคนล้วนคิดว่าเฉินเฟิงเป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้ากระจอกๆ คนหนึ่งเท่านั้น คนแบบนั้น จะไปทำให้พวกนักแข่งรถมืออาชีพทาบฝีมือไม่ติดในการแข่งรถได้ยังไง?
เขยแต่งเข้า จะทำให้ราชินีเย่ลดทิฐิ เชิญไปทานข้าวด้วยได้เหรอ?
“พี่เฉินเฟิงงั้นเหรอ จูกว่างฉวน นี่แกเรียกมันอย่างสนิทชิดเชื้อแบบนั้น แต่พี่เฉินเฟิงว่านั่น ตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ใช่ เขาอยู่ที่ไหนล่ะ ถ้ารู้ว่าแกกำลังมีปัญหา เขาคงจะหนีไปไกลสักพันลี้แล้วล่ะ”
“แล้วยังพี่นั่น แกเรียกคนอื่นว่าพี่ แต่เขาเรียกแกว่าไอ้โง่น่ะสิ”
ฝูงชนหัวเราะเยาะเย้ย จูกว่างฉวนกำหมัดแน่น กัดฟันเงียบ
ในตอนนั้นเอง ร่างที่ตื่นตระหนกพุ่งเข้ามาในห้องโถง
“นายท่าน แย่แล้ว คนของตระกูลเติ้งมาแล้วครับ!”
“อะไรนะ?! คนของตระกูลเติ้งมางั้นเหรอ!”
“คนของตระกูลเติ้ง ทำไมมาเร็วขนาดนี้?”
“จบกันจบกัน คนของตระกูลเติ้ง จะต้องมาเอาเรื่องเราแน่ๆ”
เหล่าเครือญาติในตระกูลจูตื่นตระหนก
จูเฝิงชุนเองก็ยังเดินไปมาอย่างอยู่ไม่สุข คนของตระกูลเติ้งมาแล้ว มันเกินความคาดหมายเล็กน้อย เขาก็คิดว่า ยังไงตระกูลเติ้งก็คงมาเอาเรื่องตระกูลจู แต่ก็คงเป็นหลังตระกูลซูน ไม่ใช่ตอนนี้
เร็วเกินไปแล้ว
“ออกไปต้อนรับสิ” จูเฝิงชุนถอนหายใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็มีแต่ต้องเผชิญหน้าด้วยความกล้าเท่านั้นแหละ
จูเฝิงชุนออกนำ เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจูเดินตามหลังเขาไป คนของตระกูลจู เดินออกไปต้อนรับ
เมื่อถึงหน้าประตู ถึงพบว่า ตระกูลเติ้งที่มานั้น คือชายชราผิวขาวที่สวมชุดผ้าไหมแบบราชวงศ์ถังคนหนึ่ง
ชายชราคนนั้นดูสง่างามและเรียบง่าย แต่เขากลับไม่มีกลิ่นอายของความโกรธเกรี้ยวที่น่าจะมีอยู่เลย
“พ่อบ้านใหญ่แห่งตระกูลเติ้ง เติ้งหยูเจอ!”
มีใครบางคนนึกตัวตนของชายชราขึ้นได้
ทุกคนในตระกูลจูต่างตกตะลึง ไม่นึกว่า ตระกูลเติ้งจะถึงขนาดส่งคนระดับนั้นมาเพื่อทวงถามความผิด
“ท่านเติ้ง ขอต้อนรับ ขอต้อนรับ!” จูเฝิงชุนแม้ในใจจะระส่ำ แต่สีหน้าของเขากลับไม่แสดงอาการใดๆ ใบหน้าทักทายด้วยรอยยิ้ม
“พี่เฝิงชุน สุภาพไปแล้ว” เติ้งหยูเจอยกมือขึ้นประสานคำนับ ใบหน้าเผยรอยยิ้มใจดี ดูไม่มีวี่แววของความโกรธเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนในตระกูลจูมองหน้ากัน ท่าทีของเติ้งหยูเจอ ทำไมถึงได้ไม่เหมือนคนที่มาถามเอาความเลย
“พี่เฝิงชุน หลายชายคนโตของพี่ล่ะ?” ก่อนที่เติ้งหยูเจอจะมา ได้สอบถามเรื่องข่าวคราวของจูกว่างฉวนมาอย่างชัดเจนแล้ว และรู้ว่าจูกว่างฉวนเป็นหลานชายคนโตของจูเฝิงชุน ผู้สืบทอดของตระกูลจู
เมื่อเห็นเติ้งหยูเจอเข้าเรื่อง ในใจของจูเฝิงชุนก็อดโหวงไม่ได้ ใบหน้ายังคงยิ้ม “ท่านเติ้ง เจ้าปีศาจนั่นอยู่ข้างหลังฉัน”
ปีศาจ? เติ้งหยูเจอผงะอึ้งไปเล็กน้อย เขาเบนสายตาไปที่จูกว่างฉวน ขณะกำลังจะพูด จูเฝิงชุนก็ตะโกนขัดขึ้นมาก่อน “ไอ้ปีศาจ ยังไม่คุกเข่าลงอีก!”
“คุกเข่า?” เติ้งหยูเจอตกตะลึง ยังไม่ทันเข้าใจว่าทำไมจูเฝิงชุนถึงพูดแบบนั้น จูกว่างฉวนตรงหน้าก็กลับกัดฟันคุกเข่าลงกับพื้นเสียแล้ว