ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่229 โมโห
บทที่229 โมโห
ใบหน้าสวยของเสี้ยเมิ่งเหยาเย็นเยียบ “เย่ไห่ตง เฉินเฟิงสมควรจะเป็นสามีของฉันหรือไม่ ฉันเป็นคนตัดสิน คุณไม่ต้องยุ่ง!”
“อีกอย่าง เขาจะมาถึงในอีกไม่ช้า รอให้เขามาถึงก่อน นายก็จะรู้เองว่าเขามีสมควรหรือไม่สมควรจะเป็นสามีของฉันกันแน่”
“พูดแบบนี้ คุณกำลังปฏิเสธฉันงั้นเหรอ?” สีหน้าของเย่ไห่ตงเคร่งขรึมลง เขาไว้หน้าเสี้ยเมิ่งเหยาพอแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาไม่รู้จักดูสถานการณ์ งั้นก็อย่าโทษเขาแล้วกัน
“แล้วมันยังไง!” เสี้ยเมิ่งเหยาเผชิญหน้ากับเย่ไห่ตงอย่างไม่ยอมแพ้
แปะแปะแปะ
เย่ไห่ตงปรบมือเบาๆ พร้อมเอ่ย “คุณหนูเสี้ย ผมควรจะบอกว่าคุณกล้าหาญมาก หรือจะบอกว่าคุณไม่รู้ดีล่ะ คุณรู้มั้ยว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
“ตระกูลเย่! คุณอยู่ที่ตระกูลเย่! คุณเชื่อไหม แค่ผมพูดคำเดียว ก็ทำให้คุณออกไปจากประตูนี้ไม่ได้อีก ต่อให้ร้องขอสวรรค์ ก็ไม่มีใครมาช่วยเธอได้!”
เสี้ยเมิ่งเหยาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พูดเสียงเย็น “เย่ไห่ตง ฉันขอเตือน คุณอย่าโง่ไปหน่อยเลย ก่อนเขามา ฉันโทรไปแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว ถ้าหากยังไม่กลับไปภายในครึ่งชั่วโมง ทางตำรวจจะมาที่นี่”
“ฮ่าฮ่า ตำรวจ?” เย่ไห่ตงหัวเราะลั่น ก่อนเหยียดยิ้ม “ฉันเย่ไห่ตงเหรอจะกลัวตำรวจ? ตำรวจพวกนั้นสิ ไม่กลัวฉันก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!”
“เสี้ยเมิ่งเหยา บอกตามตรงนะ ต่อให้ฉันให้ตำรวจพวกนั้นยืมความกล้าสักหมื่นสักแสน พวกเขาก็ไม่กล้ามาค้นตระกูลเย่หรอก! ดังนั้นถ้าเธอรู้สถานการณ์สักหน่อย ก็รีบถอดเสื้อผ้าแล้วนอนกับฉันซะ ถ้าเธอทำให้ฉันรู้สึกดีได้ ไม่แน่ฉันอาจจะปล่อยไอ้แก่นี่ไปก็ได้” เย่ไห่ตงพูดอย่างได้ใจ
“อย่าคิดเลย!” เสี้ยเมิ่งเหยากัดฟันกรอดอย่างโมโห เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังโกรธมาก
“อย่าคิด?” เย่ไห่ตงยิ้มเย็น “วันนี้ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะทำยังไง!”
“มานี่ ถอดเสื้อผ้าอีตัวนี่ออก แล้วถ่ายภาพนู๊ดสักสองสามใบ ส่งไปให้ไอ้ขยะนั่น” เย่ไห่ตงยิ้มแล้วโบกมือ เขาอยากจะรู้นัก ว่าเฉินเฟิงจะเป็นเต่าหัวหดไปจนถึงเมื่อไหร่
“เย่! ไห่! ตง! ถ้าแกกล้าทำอะไรลูกสาวฉัน ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งตระกูล!” แววตาของเสี้ยเว่ยกั๋วประกายวาบอย่างดุร้าย สิ่งที่เย่ไห่ตงทำ ไม่ต่างอะไรกับฆาตกร ที่ทำลายทั้งเฉินเฟิงและเสี้ยเมิ่งเหยาไปพร้อมๆ กัน
“ไอ้แก่ เสนอหน้านักเรอะ!” เย่ไห่ตงฉายแววเย็นเยียบ “หักขาไอ้แก่นั่นอีกข้าง!”
“ครับ ประธานเย่”
เพียงสิ้นเสียงของเย่ไห่ตง ก็มีคนหยิบท่อนเหล็กพุ่งเข้าไปทุบขาของเสี้ยเว่ยกั๋วทันที
เสียงกระดูกหักลั่นกร๊อบ เส้นเลือดทั่วร่างของเสี้ยเว่ยกั๋วระเบิดแตกในทันที แต่เขากลับกัดฟัน ไม่ส่งเสียงใดๆ เพียงแค่จ้องเย่ไห่ตง อย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะกินเนื้อ
“ไอ้แก่นี่ ยังจะมองอีก!” เย่ไห่ตงถูกสายตานั้นจ้องจนเริ่มหวั่น ทันใดนั้นความโกรธก็แล่นขึ้นมา เขาหยิบท่อนเหล็กแล้วฟาดลงบนตัวเสี้ยเว่ยกั๋ว
“พ่อคะ!” เสี้ยเมิ่งเหยาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดหัวใจ กระโจนเข้าหาเสี้ยเว่ยกั๋ว
จากนั้น ท่อนเหล็กที่เย่ไห่ตงเงื้อขึ้นก็ฟาดลงบนหน้าผากของเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างแรง
เสี้ยเมิ่งเหยากรีดร้องออกมา หน้าผากขาวพลันมีเลือดแดงไหลซึมออกมา
“นังกะหรี่ แกอยากจะตายเป็นเพื่อนไอ้แก่นี่ใช่มั้ย?” เย่ไห่ตงหัวเราะเยาะ ถึงเขาจะตีเสี้ยเมิ่งเหยาจนเลือดไหล แต่เขากลับไม่มีความรู้สึกเสียใจเลยสักนิด กลับกันเขายกท่อนเหล็กขึ้นมาอีกครั้ง แล้วฟาดลงที่เสี้ยเมิ่งเหยา
คังไห่โปไม่อาจทนมองต่อไปได้ จึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างทนไม่ไหว “ประธานเย่ อย่าฆ่าคนเข้าจริงๆ ล่ะ ถ้านายตีผู้หญิงคนนี้ตาย แล้วเจ้าขยะนั่นมันสู้สุดชีวิตขึ้นมาจะทำยังไง?”
เย่ไห่ตงเหลือบมองคังไห่โป ก่อนขมวดคิ้ว “นายกลัวอะไรกัน เจ้าขยะนั่น มันจะเอาอะไรมาสู้ฉัน ชีวิตของมันถ้าฉันต้องการก็เอามาเมื่อไหร่ก็ได้ สู้สุดชีวิต แล้วมันยังไงล่ะ?”
หลังพูดจบ เย่ไห่ตงก็หยิบท่อนเหล็กขึ้นมาฟาดลงบนตัวเสี้ยเมิ่งเหยาอีกครั้ง
คังไห่โปขยับปาก แต่ก็ไม่ได้พูดเกลี้ยกล่อมอีก อันที่จริง ในคำพูดของเย่ไห่ตง เฉินเฟิงก็เป็นแค่แมลงเล็กๆ ไม่ต้องพูดถึงตระกูลเย่ แค่ตระกูลคังของพวกเขา ก็มีร้อยพันวิธีที่จะทำให้เฉินเฟิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในขณะเดียวกัน ระยะห่างของเฉินเฟิงกับตระกูลเย่ ก็ห่างไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรแล้ว
ตั้งแต่ติดต่อเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ได้ เฉินเฟิงก็ยิ่งวิตกกังวล เหยียบคันเร่งจนมิด ฝ่าไฟแดงบนถนนไปไม่รู้กี่แยก
ในที่สุด ประตูใหญ่ของตระกูลเย่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนที่ประตู หลังจากเห็นโคนิกเซ็กก์ปราดเข้ามาเร็วดั่งฟ้าแลบ ก็ตื่นตกใจทันที รีบกระโจนถอยทันทีโดยไม่รู้ตัว
“ตูม!”
รถโคนิกเซ็กก์ชนเข้ากับประตูใหญ่ของตระกูลเย่อย่างแรง ราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกจากกรง คำรามแล้วรีบพุ่งเข้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลเย่
เฉินเฟิงมองเห็นเสี้ยเว่ยกั๋วที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้กับเสี้ยเมิ่งเหยาที่กอดเสี้ยเว่ยกั๋วอยู่ตั้งแต่ไกลๆ แล้ว
เมื่อเห็นเย่ไห่ตงใช้ท่อนเหล็กฟาดลงบนตัวของเสี้ยเมิ่งเหยา ดวงตาของเฉินเฟิงก็แดงราวสีเลือด!
“อยากตายนักใช่มั้ย!”
เฉินเฟิงพูดเสียงลอดไรฟัน ก่อนกระทืบคันเร่ง
รถโคนิกเซ็กก์ราวกับสัตว์ร้ายคลุ้มคลั่งกระโจนใส่บอดี้การ์ดของตระกูลเย่
โคนิกเซ็กก์ส่งเสียงคำราม ปลุกคนในตระกูลเย่ให้แตกตื่นในที่สุด
บอดี้การ์ดหลายคนหันมองไปรอบๆ ทันใดนั้นรูม่านตาก็หดเล็ก!
ก่อนแตกตื่นจนตะเกียกตะกายวิ่งหนีออกไป
บอดี้การ์ดส่วนหนึ่งวิ่งหนีไปแล้ว แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ตกใจจนก้าวขาไม่ออก
“ตูม!”
“ตูม!”
“ตูม!”
รถโคนิกเซ็กก์ชนเข้ากับร่างสามสี่ร่าง
ร่างของคนชุดดำกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร คนที่ลอยคว้างในอากาศ กระอักเลือดจากอวัยวะภายในที่เสียหายออกมาไม่น้อย
แรงกระแทกของรถโคนิกเซ็กก์ ไม่ได้น้อยไปกว่ารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ขับด้วยความเร็วเต็มที่ บอดี้การ์ดพวกนี้ คงไม่มีเหตุผลที่จะรอด
ตระกูลเย่ต่างแตกตื่นหวาดกลัว
รถที่พุ่งเข้ากะทันหันแบบนี้ ใครเป็นคนขับกัน?
ไม่ต้องให้เสียเวลาคิดมาก เสียงเบรกดังขึ้นอย่างแรง ยางล้อสีดำทิ้งรอยยาวบนพื้น แล้วโคนิกเซ็กก์ก็หยุดลง
ประตูปีกนกเปิดออก ฝีเท้าหนักของเฉินเฟิงย่ำลงมา
เฮือก!
ทุกผู้ในที่นั้นพากันหยุดหายใจ!
จังหวะที่เฉินเฟิงลงจากรถ ทุนคนในที่นั้นยกเว้นเสี้ยเว่ยกั๋วและเสี้ยเมิ่งเหยา ล้วนรู้สึกในทันทีว่าที่คอของตัวเอง ถูกมือที่มองไม่เห็นบีบอยู่
เมื่อเห็นสายตาที่โกรธเกรี้ยวจนลุกเป็นไฟของเฉินเฟิง ตระกูลเย่ทุกคนก็เริ่มสั่นสะท้าน!
“ลุง…ลุงหวัง ฆ่าเขาซะ!” เย่ไห่ตงพูดเสียงสั่น เขาไม่รู้ว่าชายตรงหน้านี้คือใคร แต่เขากลัวไปแล้ว เขากลัวจริงๆ !
แววตาของชายตรงหน้า ช่างน่าหวาดกลัว!
ราวกับสัตว์ร้ายในยุคก่อนประวัติศาสตร์ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ!
“เย่…. ประธานเย่ ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” ลุงหวังที่ถูกมอบหมายให้กลืนน้ำลายแล้วพูดด้วยความกลัว
เขาเป็นจอมยุทธ์ จอมยุทธ์ระดับกลางของหมิงจิ้ง!
เป็นผู้คุ้มครองของตระกูลเย่!
อยู่ในตระกูลเย่มาสิบกว่าปี เขากำจัดศัตรูที่แข็งแกร่งให้ตระกูลเย่มานับไม่ถ้วน