ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 10
ตอนที่ 10 ลูกพี่หัวโล้น
เช้าวันต่อมา..
หลังจากที่ตื่นนอนแล้ว หลินหนานก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน แล้ววิ่งลงไปที่ห้องรับประทานอาหารทันที
“งกชะมัด! นี่ไม่คิดที่จะเหลืออาหารเช้าไว้ให้ฉันกินบ้างเลยหรือยังไง? พวกคนแล้งน้ำใจ ไร้มนุษยธรรม!”
หลินหนานจ้องมองโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า พร้อมกับร้องตะโกนออกมา และแทบอยากจะร้องไห้..
การใช้ชีวิตในฐานะลูกเขย มันต้องลำบากยากเย็นถึงเพียงนี้เลยหรือยังไง?
แต่ในระหว่างนั้นหลินหนานก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถดังขึ้น เขาจึงรีบวิ่งออกไปนอกบ้านทันที และพบว่าเย่จิงเฉิงกำลังจะขับรถออกไปพอดี
หลินหนานจึงรีบวิ่งเข้าไปยืนขวางหน้ารถไว้ก่อน..
“นี่นายทำอะไร? ออกไปให้พ้นทางเดี๋ยวนี้นะ!”
เย่จิงเฉิงร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห เธอกำลังอารมณ์เสีย และไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าหลินหนาน
“ภรรยา ขอผมไปบริษัทพร้อมกับคุณไม่ได้เหรอ? คุณลืมเรื่องที่คุณพ่อตาสั่งเมื่อคืนแล้วหรือยังไง?” หลินหนานรีบอ้างคำพูดของเย่ชุนเฟิงทันที
“แต่รถของฉันเต็มแล้ว นายหารถไปเองก็แล้วกัน!” เย่จิงเฉิงเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้างดงามนั้นเฉยเมยยิ่งนัก
“แต่.. ตอนนี้ในตัวผมไม่มีเงินแม้แต่หยวนเดียว!” หลินหนานตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“นั่นมันเรื่องของนาย ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน!”
หลังจากพูดจบ เย่จิงเฉิงก็เหยียบคันเร่งคำรามไล่หลินหนานให้พ้นทาง แล้วรถเฟอรารี่ของเธอก็พุ่งทะยานออกไปอย่างไม่ใยดี
ผู้หญิงเลือดเย็นไร้หัวใจ!
หลินหนานจ้องมองรถเฟอรารี่ที่พุ่งออกไปต่อหน้าต่อตา เขากัดฟันกรอดพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เชอะ!! อีกไม่นานนักหรอก ฉันอยากจะรู้นักว่า ถึงตอนนั้นเธอยังจะหยิ่งผยองแบบนี้อยู่อีกมั๊ย?”
หลินหนานหันมองไปรอบๆ และเมื่อเห็นลุงฉู่ที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขาก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาทันที หลินหนานปัดมือสองข้างไปมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เอ่อ.. คือฉัน..”
“ขอโทษด้วย ผมไม่มีเงิน!”
ลุงฉู่ไม่รอให้หลินหนานพูดจบ เขารีบเอ่ยปฏิเสธกลับไปอย่างตรงไปตรงมา
“ลุงฉู่ ฉันไม่เชื่อลุงหรอก! ฉันไม่มีเงินจ่ายค่าแท๊กซี่จริงๆนะ..”
หลินหนานตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก แต่ในระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น
เป็นสายจากจากเฉิงซินเย่ว..
หลินหนานกดรับทันทีโดยไม่ได้คิดสงสัยอะไรแม้แต่น้อย เขาเอ่ยถามปลายสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ว่าไงแม่สาวน้อย เพิ่งจะไปโรงเรียนก็คิดถึงพี่แล้วเหรอ?”
“พี่หนาน รีบมาเร็วๆเข้า เกิดเรื่องแล้ว..”
น้ำเสียงของเฉิงซินเย่วที่ดังจากปลายสายนั้น นอกจากจะเป็นเสียงสะอื้นแล้ว ยังบ่งบอกว่าเธอกำลังตกอกตกใจ และหวาดกลัวอย่างมากด้วย
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไม่ต้องตกใจนะ..” คิ้วทั้งสองข้างของหลินหนานขมวดเข้าหากันแน่น แต่ก็พยายามปลอบประโลมอีกฝ่าย
“เช้านี้.. ที่ร้านลุงซานน่ะสิ พี่หนาน พี่รีบมาเร็วๆเข้า ฉันกลัว!!!” เฉิงซินเย่วเล่าตะกุกตะกัก น้ำเสียงของเธอสั่นไปหมด
“ฟังนะ!! รอพี่อยู่ที่นั่น อย่าเพิ่งไปไหน พี่จะรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”
หลินหนานกดวางสายไปด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กน้อย.. เขารับปากกับหยินอิงว่าจะดูแลน้องสาวของเขาเป็นอย่างดี!
“โอ้คุณชาย.. ระวังน้ำ!!”
เสียงของลุงฉู่ร้องตะโกนมาจากด้านหลังของหลินหนาน แต่เพราะหลินหนานมัวแต่ครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ เขาจึงไม่ทันได้ระวังตัว สายน้ำที่กำลังพุ่งออกมาจากสายฉีดน้ำแรงดันสูงที่ใช้รดต้นไม้ จึงได้พุ่งใส่ร่างของหลินหนานเต็มๆ
ลุงฉู่รีบวิ่งเข้าไปหาหลินหนานพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณชาย คุณไม่เป็นอะไรมากใช่มั๊ยครับ!”
ความจริงแล้ว นี่เป็นความจงใจของลุงฉู่ เขาตั้งใจที่จะแก้แค้นให้กับคุณหนูทั้งสองสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้..
หลินหนานสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับจ้องมองลุงฉู่แน่นิ่ง ลุงฉู่ได้เห็นสายตาดุดันของหลินหนาน เขาถึงกับตัวแข็งทื่อ และรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอสรพิษที่พร้อมจะฉกตนเองได้ในทันที
“ฉันไม่เป็นไร!”
หลินหนานยังคงสูดลมหายใจเข้าลึก และยกมือขึ้นเช็ดน้ำออกจากใบหน้า แล้วเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ความโกรธเมื่อครู่ค่อยๆ ดับลงอย่างช้าๆ
ลุงฉู่จ้องมองแผ่นหลังของหลินหนานพร้อมกับพึมพำออกมา “ทำไมสายตาของคนไม่เอาไหนอย่างเขา ถึงได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ?”
ลุงฉู่รีบสะบัดศรีษะพร้อมกับบอกตัวเองว่า “ก็แค่คนไม่เอาไหนคนหนึ่งเท่านั้นเอง คงอยากจะทำตัวเป็นอันธพาลเต็มทีสินะ!”
……
ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ หลินหนานก็วิ่งไปตลอดทาง
เขาไม่มีเงินติดตัวแม้แต่หยวนเดียวในตอนนี้ จึงไม่สามารถจ่ายค่ารถโดยสารประจำทางได้ และในเช้าที่เร่งรีบเช่นนี้รถก็จะติดเป็นตังเม หลินหนานจึงเลือกที่จะเดินทางด้วยวิธีที่ถูกที่สุด
หลินหนานสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วประหนึ่งเสือชีตาห์!
นอกเหนือจากวิ่งไปด้วยความเร็วแล้ว หลินหนานยังวิ่งเป็นเส้นตรงอีกด้วย
ฟิ้ว!!
หลินหนานวิ่งผ่านชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งในมือถือแพนเค้กไปอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นรู้สึกคล้ายกับว่ามีสายลมพัดผ่านร่างของเขาไป ด้วยความตกใจ จึงได้ทิ้งทั้งแพนเค้กและผลไม้ในมือที่ถืออยู่ลงพื้นจนหมด
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่วิ่งผ่านไป..
ด้านหน้าถนนเป็นสีแยกไฟแดง รถของเย่จิงเฉิงกำลังจอดรอไฟเขียวอยู่พอดี
ฟิ้ว!!
เงาดำพุ่งผ่านรถของเธอไป ดวงตาคู่งามนั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ และกำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้น? เธอไม่เห็นแม้กระทั่งร่างของเขา และรู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างพุ่งผ่านไปเท่านั้น
หากนั่งรถแท๊กซี่ไปที่ร้านบะหมี่เหล่าซาน ก็คงต้องใช้เวลามากกว่าสามสิบนาที แต่หลินหนานวิ่งไปด้วยความเร็วอย่างมาก และใช้เวลาไม่ถึงห้านาที..
ถนนอู่หลง!
ด้านนอกของร้านบะหมี่เหล่าซาน มีผู้คนพากันยืนออกันอยู่นอกร้านเต็มไปหมด
หลินหนานไม่รีบร้อนที่จะแสดงตัวนัก เขาเดินเบียดฝูงชนเข้าไปอย่างเงียบๆ และไปยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านหน้า
สิ่งแรกที่หลินหนานเห็นก็คือ รถมอเตอร์ไซค์ติดสติกเกอร์โกสต์ไรเดอร์หลายคัน ที่จอดขวางหน้าร้านบะหมี่ลุงซานไว้ กั้นไม่ให้ผู้คนที่อยู่ด้านในหนีออกมา และกันไม่ให้คนนอกเข้าไปด้านในด้วยเช่นกัน
บริเวณหน้าร้านบะหมี่ มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นสองสามคนยืนอยู่ ในมือของแต่ละคนถืออาวุธแตกต่างกันไป ทั้งไม้กอล์ฟและท่อนเหล็ก ทำให้ทุกคนยิ่งดูน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
ส่วนภายในร้านบะหมี่ลุงซานนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง มีสภาพเละทะไปหมด!
เศษแก้วแตกกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น หม้อน้ำซุปที่ใช้มานานหลายชั่วอายุคนก็พลิกคว่ำกองอยู่บนพื้น ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ในร้านก็ถูกทุบจนพังพินาศ แม้กระทั่งป้ายชื่อร้านยังถูกดึงลงมาโยนไว้กับพื้นเช่นกัน
ระหว่างที่หลินหนานไปถึงนั้น ยังมีเด็กหนุ่มบางคนกำลังใช้ไม้กอล์ฟ และท่อนเหล็กในมือ ทุบทำลายข้าวของภายในร้านอยู่เลย
ส่วนหลิวเหล่าซานนั้น เวลานี้ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด ร่างของเขาทรุดกองอยู่กับพื้น และกำลังร้องห่มร้องไห้ปริ่มว่าใจจะขาด..
ร้านบะหมี่เหล่าซานนั้น เขาต้องใช้ความพยายามทั้งชีวิตในการสร้างขึ้นมา และร้านนี้ก็มีความหมายกับเขายิ่งนัก มันคือสิ่งที่เขาใช้หาเลี้ยงชีพมาตลอดชีวิต!
แต่ตอนนี้.. ร้านบะหมี่ของเขากำลังถูกคนทุบทำลายเสียหายไม่มีชิ้นดี!
เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความโกรธของหลินหนานพลันแล่นเข้าสู่หัวใจทันที!
หน้าร้านบะหมี่.. ยังมีชายหัวโล้นคนหนึ่งยืนอยู่!
ร่างสูงใหญ่ของมันนั้นสูงถึงหนึ่งเมตรแปดสิบเซ็นติเมตรเลยทีเดียว คิ้วทั้งสองข้างชี้ขึ้น ริมฝีปากหนา เส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาทำให้มันดูแข็งแกร่งและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ที่แขนข้างหนึ่งสักเป็นรูปเสือ ส่วนศรีษะไร้ผมนั้นโล้นเป็นมันไม่ต่างจากไข่พะโล้
ในมือข้างหนึ่งของมันถือท่อนเหล็กไว้ ท่าทางดูยะโสโอหังก้าวร้าวอย่างมาก!
“เฮ้อ.. เหล่าซานไม่น่าไปมีเรื่องกับพี่โล้นเลย?”
“ใครคือพี่โล้น?”
“นี่นายไม่รู้จักพี่โล้นจริงๆเหรอ? เขาเป็นหัวหน้าแก๊งโกสต์ไรเดอร์! พี่โล้นเป็นเจ้าถิ่นคุมแถบนี้อยู่ เขามีลูกน้องมากถึงยี่สิบสามสิบคนเลยล่ะ!”
“เจ๋งขนาดนั้นเชียว?!”
“เจ๋งสิ! พี่โล้นเป็นคนรักหน้าตาตัวเองมากเลยล่ะ แล้วก็โหดเหี้ยมมากด้วย ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าจู่ๆ เหล่าซานไปมีเรื่องกับเขาได้ยังไง?”
ผู้คนที่มุงดูกันอยู่นั้น ต่างก็พากันกระซิบกระซาบเสียงเบา หลินนานปรายตามองชายที่มีหัวโล้นสุกใสเหมือนไข่พะโล้ และได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ‘หมอนี่คงจะเป็นพี่โล้นสินะ!’
เมื่อได้เห็นสีหน้าตกอกตกใจของทุกคนที่มุงดูอยู่นั้น ชายหัวโล้นก็ได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความพอใจ จากนั้นเขาก็ร้องตะโกนออกไปเสียงดัง
“เฉินห่าว เข้ามานี่!”
ทันทีที่สิ้นเสียงร้องตะโกนของชายหัวโล้น เฉินห่าวก็รีบวิ่งกุมใบหน้าที่บวมเป็นซาลาเปาครึ่งซีกนั้นเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่น
สีหน้าของเฉินห่าวเวลานี้บ่งบอกว่าเศร้าสร้อยยิ่งนัก!
เมื่อคืนนี้ หลังจากที่เขาต้องวิ่งหางจุกตูดกลับไปเพราะหวาดกลัวหลินหนานนั้น เขาก็ไปพบลูกพี่หัวโล้นที่กำลังนั่งเล่นอยู่แถวๆนั้นพอดี แต่ทันทีที่พี่โล้นเห็นลูกน้องของตนถูกซ้อมกลับมาแบบนั้น เขาจึงได้ประกาศว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง
เฉินห่าวนั้นรู้แก่ใจดีว่า หลินหนานไม่ใช่คนธรรมทั่วไปแน่ และยังดูเหมือนเป็นคนดุร้ายเลือดร้อนมากอีกด้วย เขาจึงรีบบอกกับพี่หัวโล้นว่า เขาไม่เป็นอะไรมาก และจะรีบไปหาหมอก่อน
แต่ลูกพี่หัวโล้นกลับไม่ยินยอม เขาต้องการที่จะแก้แค้นให้กับลูกน้องของตัวเอง อีกอย่าง เขาเองก็มีลูกน้องที่อยู่ในความดูแลมากมายหลายชีวิต หากปล่อยไปโดยไม่จัดการอะไร แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มอันธพาลที่ใช้ชื่อแก๊งโกสต์ไรเดอร์ จึงได้พาลูกน้องบุกมาที่ถนนอู่หลง แต่หลังจากที่เฝ้าสอบถามเหล่าซานอยู่ร่วมชั่วโมง กลับยังไม่รู้ตัวคนลงมือ ลูกพี่หัวโล้นจึงได้โมโห และซ้อมหลิวเหล่าซานพร้อมกับทำลายข้าวของในร้านของเขาจนหมด!
“เฉินห่าว นายดูสิว่าคนที่ซ้อมนายอยู่แถวนี้ด้วยหรือเปล่า?” ชายหัวโล้นร้องตะโกนถามเสียงดัง
เฉินห่าวตอบกลับไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล “พี่โล้น ฉันไม่เห็น ฉันว่าหมอนั่นคงจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วล่ะ!”
“ไม่ได้อยู่ที่นี่?” ชายหัวโล้นขมวดคิ้ว
“ใช่ครับลูกพี่ หมอนั่นไม่น่าจะอยู่ที่นี่แล้ว ฉันว่ามันคงจะไม่ใช่คนแถวนี้!”
เฉินห่าวหัวเราะแหะๆ “พี่โล้น ฉันว่าพวกเราเลิกราดีกว่า!”
“นี่แกพล่ามบ้าอะไรห๊ะ?!!”
เพียะ!!!
ลูกพี่โล้นตบหน้าเฉินห่าวเสียงดัง เสียงดังอย่างมาก และดังมากพอ..