ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 103
เวลานี้ ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันจ้องมองหลินหนานตาไม่กระพริบ และรู้ว่าคราวนี้หลินหนานคงจะตลกไม่ออกแน่
เพราะหากหลินหนานรับคําท้า เขาจะต้องประมือกับนักสู้ดอกไม้แดง
แต่หากปฏิเสธไม่รับคําท้า เขาก็จะต้องโขกศรีษะขอโทษทุกคนที่อยู่ในห้องนี้!
และในเมื่อเป็นข้อตกลงที่สมาชิกทุกคนของสมาคมเมิ่งหลานที่อยู่ในห้องนี้เห็นด้วย ไม่ว่าใครก็ต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น
“ตกลง! ผมรับคําท้าก็ได้”
หลินหนานกัดฟันแน่น ก่อนจะตะโกนตอบรับคําท้าออกไป และท่าทางของเขานั้นก็คล้ายกับคนที่หมดหนทางเลือกอื่นแล้ว จึงจําต้องยอมเลือกที่จะต่อสู้ และนั่นก็เป็นคําตอบที่อีกาดําเองต้องการเช่นกัน
ทางด้านหลิวหยิงหยิงเวลานี้ ไม่เพียงหัวเราะไม่ออก เพราะกิริยาท่าทางของหลินหนาน ที่แสดงออกไปก่อนหน้า ราวกับว่าตนเองเป็นเพียงแค่สวะไร้ค่าคนหนึ่งนั้น ก็ทําให้หลิวหยิงหยิงถึงกับหน้าแดงก่ำตัวยความอับอาย
แต่จากท่าทางของหลินหนานที่เธอคุ้นเคยนั้น เขามักจะแสดงท่าทีที่ไม่เต็มใจเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้น
ใครจะเป็นผู้ล่า และใครจะเป็นเหยื่อ ยังไม่อาจสรุปได้ในเวลานี้
“แกกล้ามากที่ยอมรับคําท้าของฉัน แต่อย่าหวังว่าฉันจะเมตตา แล้วก็ยอมอ่อนข้อให้ล่ะ!”
อีกาดําร้องตะโกนบอกหลินหนาน จากนั้นจึงหันไปทางหลิวหยิงหยิง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่หลิว ถ้าผมทําร้ายคู่รักของคุณบาดเจ็บขึ้นมา ก็อย่าได้ตําหนิผมก็แล้วกัน”
หลิวหยิงหยิงรู้ว่าอีกาดําจงใจยั่วโมโหเธอ ส่วนตัวเธอเองก็เริ่มซึมซับทักษะการแสดงมาจากหลินหนานได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน จึงแกล้งทําเป็นตอบอีกาดําไปด้วยน้ำเสียงคล้ายต้องการที่จะประนีประนอม
“ทําไมจะต้องใช้กําลังแก้ปัญหากันด้วย? ฉันว่าพวกเราใจเย็นๆ แล้วก็นั่งลงก่อน ค่อยๆเจรจากันด้วยเหตุด้วยผลจะไม่ดีกว่าหรือคะ?”
“เสียใจด้วยเถ้าแก่หลิว! มันสายไปแล้ว”
อีกาดําร้องตะโกนตอบกลับไป พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ในเมื่อเวลานี้ อาวุโสทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับวิธีนี้แล้ว ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะพิสูจน์ว่าชายหนุ่มคนนี้มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมเมิ่งหลานของเราใต้หรือไม่?
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หวังว่าคุณหวังคงจะเพลามือให้บ้าง” หลิวหยิงหยิงเป็นฝ่ายขอร้อง
“เรื่องนั้นเถ้าแก่หลิวไม่ต้องเป็นห่วงไป เห็นแก่หน้าคุณ ผมสัญญาจะไม่ฆ่าเขา! ฮ่าๆๆๆ” อีกาดําตอบกลับพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
หลังจากนั้น อีกาดําก็หันไปชี้หน้าหลินหนาน พร้อมกับร้องตะโกนบอกไปว่า “แกต้องการจะให้ฉันต่อให้มั้ย?”
“ไม่จําเป็น! เข้ามาได้เลย ” หลินหนานตอบกลับไป ทั้งที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้และไม่แม้แต่จะลุกขึ้นยืน
“นี่! ทําไมแกไม่ลุกขึ้นยืนสู้กับฉันล่ะ?” อีกาดําร้องตะโกนตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก
“ไม่ล่ะ! พอได้นั่งแล้ว ฉันก็ขี้เกียจยืน เอาล่ะ เข้ามาได้แล้ว จะได้จบๆซะที!” หลินหนานยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับสะบัดขาไปมา คล้ายกับจะบอกว่า เขาเองก็พร้อมมากและแทบจะทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว
“หึ! ฉันจะสั่งสอนแกให้สํานึกเอง!”
ท่าทางยียวนกวนประสาทของหลินหนานนั้น ทําให้อีกาดําถึงกับโกรธอย่างมาก ร่างของเขาพุ่งออกมา พร้อมกับซกกําปั้นตรงเข้าใส่ร่างของหลินหนาน ที่เป็นเสมือนกระสอบทรายในสายตาของเขา
และที่สําคัญ เขาไม่ใช่นักสู้ไร้ชื่อตามท้องถนน แต่เป็นถึงนักสู้ดอกไม้แดง!
หลังจากที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อีกาดําก็ได้ไปเสาะหาครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ และได้ขอคําชี้แนะจากพวกเขามามากมาย
อาจพูดได้ว่า ทุกวันนี้อีกาดําเป็นผู้ที่ประสบความสําเร็จในด้านศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง ฉะนั้นการประมือกับหลินหนานในคืนนี้ สําหรับอีกาดําแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ง่ายเสียยิ่งกว่าการปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก
ในระหว่างที่อีกาดําซึ่งพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลินหนาน ประหนึ่งสัตว์ป่าที่ดุร้ายนั้น แต่ทางด้านหลินหนานกลับยังคงนั่งนิ่ง ราวกับว่าตนเองกําลังตกใจสุดขีด จนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้
ในระหว่างนั้น ทุกคนในห้องต่างก็พากันคาดเดาไปในทิศทางเดียวกันว่า ฉากต่อไปคงจะต้องมีเลือดตกยางออกเป็นแน่ และเวลานี้ ร่างของอีกาดําที่อยู่ห่างจากร่างของหลินหนานไปเพียงแค่ห้าก้าวเท่านั้น
อีกเพียงแค่สี่ก้าว
อีกเพียงแค่สามก้าว
หนึ่งก้าวสุดท้าย
และทันทีที่อีกาดําก้าวเข้าประชิดร่างของหลินหนานได้แล้ว หมัดของเขาก็พุ่งตรงเข้าใส่ปลายคางของหลินหนานอย่างรวดเร็ว และแม่นยํา
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ต่างก็พากันตกใจจนขนลุกขนขันไปทั้งตัว!
อีกาดําโหดเหี้ยมมากจริงๆ!
เพราะหากหมัดของอีกาดําชกเข้ากับปลายคางของหลินหนานเมื่อใด แน่นอนว่าถ้าไม่สิ้นใจตายในทันที ก็คงต้องกลับไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มอาการสาหัสอย่างแน่นอน!
แต่ในระหว่างที่กําปั้นของอีกาดํากําลังจะสัมผัสเข้ากับปลายคางของหลินหนานนั้น จู่ๆ ร่างที่นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึงของหลินหนานก็ขยับเขยื้อนขึ้นมา
ท่ามกลางสายตาของผู้คนภายในห้องนั้น ทุกคนต่างก็เห็นว่า จู่ๆหลินหนานก็โน้มตัวก้มลงไปข้างหน้า “คล้ายกับไม่ได้ตั้งใจ
และนั่นทําให้ร่างของอีกาดําที่พุ่งออกไปอย่างสุดกําลังนั้น ปะทะเข้ากับหัวงอากาศที่ว่างเปล่า ทําให้ร่างกายของเขาสูญเสียการทรงตัว จึงได้ล้มคะมลงหน้ากระแทกกับพื้นทันที
ตุ้บ!
เวลานี้ ร่างของอีกาดําล้มคว่ำลง ใบหน้าฟาดกับพื้นอย่างแรง และนั่นทําให้เขารู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก
หลายคนในห้องที่นั่งอยู่ด้านหน้า ถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง พร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่า วันนี้อีกาดําทําไมถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือด้วยซ้ำ แต่กลับต้องมาล้มหน้าคว่ำกระแทกพื้นไปเสียก่อน!
อีกาดําผุดลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่แดง และพบว่าสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาทางเขานั้นล้วนมีคําถามเดียวกันว่า จู่ๆทําไมเขาถึงได้ล้มลงหน้าคะมำกับพื้นไปแบบนั้น?
อีกาดําหันกลับไปมองหลินหนานอีกครั้ง และครั้งนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ดูเหมือนจะลุกโชนด้วยไฟโทสะ!
เป็นเพราะไอ้หมอนี่ทีเดียว ฉันถึงต้องอับอายขายหน้าผู้คน!
ทางด้านหลินหนานก็แกล้งทําสีหน้าตกอกตกใจ พร้อมยกมือขึ้นปิดปาก และร้องตะโกนถามออกไปว่า
“อ้าวพี่ชาย! ทําไมจู่ๆถึงได้เอาหน้าตัวเองไปฟาดกับพื้นแบบนั้นล่ะ? หรือว่านี่เป็นศิลปะการต่อสู้แบบใหม่?”
อีกาดําได้ยินคําพูดของหลินหนาน ก็แทบกระอักออกมาเป็นเลือดด้วยความโกรธแค้น
ศิลปะการต่อสู้แบบใหม่งั้นเหรอ?
แบบพ่อแบบแม่แกน่ะสิไอ้เวร!
เวลานี้ อีกาดําที่ถูกหลินหนานยั่วโมโห ก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า และเลือดในกายของเขาก็กําลังพุ่งพล่านไปหมด!
ด้วยความโมโห อีกาดําจึงกระโดดถีบเข้าใส่ที่หน้าอกของหลินหนานทันที
“ห้ะ?!อ้าว บุหรี่ของฉันตกลงไปที่พื้นได้ยังไง?”
หลินหนานพิมพ์ออกมา พร้อมกับกัมลงไปหยิบบุหรี่ที่พื้นอีกครั้ง ทําให้ลูกถีบของอีกาดําเตะเข้ากับห้วงอากาศที่ว่างเปล่าอีกครั้ง และหลังจากที่หลินหนานหยิบของบุหรี่ขึ้นมาได้ เขาก็กลับมานั่งยึดกายตรงเช่นเดิม
แต่นับเป็นความโชคร้ายของอีกาดํา ที่ข้อเท้าข้างนั้นของเขา ได้ไปขัดอยู่กับมุมหนึ่งของพนักเก้าอีกเข้า จึงไม่สามารถดึงกลับออกมาได้ และค้างเติ่งอยู่เช่นนั้น
“โอ้ว ระวังๆ”
แต่แล้วจู่ๆ อีกาดําก็ร้องตะโกนบอกหลินหนานให้ระวัง เพราะเวลานี้ ดูเหมือนเป้ากางเกงของเขาจะดึงมาก และพร้อมที่จะฉีกขาดได้ทุกเมื่อ
“ ห้ะ?! คุณพูดว่าอะไรนะ?”
หลินหนานแกล้งทําเป็นร้องถามออกไปด้วยสีหน้างุนงง พร้อมกับจงใจเอนหลังพิงพนักเก้าให้หงายไปด้านหลังมากขึ้น ทําให้ขาข้างที่ขัดอยู่กับพนักเก้าอี้ของหลินหนานต้องแยกออก มากขึ้นกว่าเดิม
และเวลานี้ อีกาดําที่ยืนอยู่ในสภาพที่กางขาข้างหนึ่งขึ้นกลางอากาศ ราวกับกําลังฝึกเต้นบัลเล่ต์
“อย่า อย่าขยับ…”
อีกาดําถึงกับเหงื่อตก และรู้สึกว่าเป้ากางกางของตนเอง กําลังจะแยกขาดจากกัน อีกทั้งความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ก็ทําให้เขาพูดออกมาไม่เป็นภาษานัก..
“ห้ะ?!! เมื่อครู่คุณพูดว่าอะไรนะ?”
ดูเหมือนหลินหนานจะไม่ได้เข้าใจที่อีกาดําพูด และครั้งนี้ เขาก็ขยับร่างกาย และเปลี่ยนเป็นโน้มตัวมาด้านหน้าแทน ทําให้ขาเก้าอี้ข้างหนึ่งทับเข้ากับหลังเท้าของอีกาดำอย่างแรง
“โอ๊ย อ๊าก”
อีกาดําถึงกับต้องกรีดร้องออกมาเสียงดังควยความเจ็บปวด ราวกับแมวที่ถูกทับหาง และแน่นอนว่าอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของมนุษย์นั้น ล้วนเชื่อมโยงกับจิตใจ เมื่อกายเจ็บปวด ใจก็เจ็บปวดไปด้วยเช่นกัน!
แต่แล้วจู่ๆ เสียงร้องของอีกาดําก็ยิ่งขึ้นมากกว่าเดิม เพราะหลินหนานจงใจออกแรงกดลงบนเก้าอี้ให้หนักหน่วงขึ้น จนทําให้นิ้วหัวแม่เท้าของอีกาดําถึงกับกระดูกแตก
หลังจากที่อีกาดําดิ้นรนจนเท้าอีกข้างหลุดจากพนักเก้าอี้ได้ ก็ถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง หลินหนานเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า
“ นี้คุณเป็นอะไรกันแน่? ยังไม่ทันจะได้เริ่มเลย จู่ๆก็ลงไปนอนแหมะแล้ว!”
บรรดาสมาชิกสมาคมเมิ่งหลานที่อยู่ภายในห้อง ต่างก็พากันขมวดคิ้วด้วยความงุนงง และภายในใจก็คิดเหมือนกันว่า
นั่นน่ะสิ! จู่ๆ อีกาดําลงไปนอนแบบนั้นทําไม?
นั่นเพราะตั้งแต่ต้นจนจบ หลินหนานยังไม่ทันได้ลุกจากเก้าอี้เลยด้วยซ้ำ แต่เวลานี้ หวังเซียนหย่งเจ้าของฉายาอีกาดํา กลับลงไปนอนร้องโอดครวญอยู่กับพื้น
น่าอับอาย แล้วก็น่าขายหน้าเป็นอย่างมาก!
นี่นะหรือ อีกาดําที่มีชื่อเสียง?
นี่นะหรือ นักสู้เหรียญทอง?
นี้น่ะหรือ นักสู้ดอกไม้แดง?
หลินหนานเห็นเช่นนั้น จึงได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะ พร้อมกับร้องถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “เอ่อ…ทุกท่านครับ แบบนี้แสดงว่าผมเป็นฝ่ายชนะใช่มั้ยครับ?”
ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ มีเพียงความเงียบสงัด
ใช่แล้ว! หลินหนานเป็นฝ่ายชนะ!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากจะยอมรับก็ตามที แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เวลานี้อีกาดํากําลังนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นห้อง
จางเฉิงถึงกับรู้สึกเจ็บปวดที่ฝ่ามือบวมเปล่งของตนเองขึ้นมาทันที ในขณะที่รอยยิ้มของหลิวจื่อหยานก็ได้เลือนหายไปจากใบหน้าอีกครั้ง
และผลการประลองในครั้งนี้ ก็ทําให้ทุกคนในสมาคมเมิ่งหลานรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก!
เวลานี้ มีเพียงหยานลู่เฟิงเท่านั้น ที่ยังคงจิบชาอยู่อย่างเงียบๆ แต่ใบหน้าของเขานั้น กลับมีรอยยิ้มฉาบไว้
และแน่นอน…หยานลู่เฟิงไม่เชื่อว่านี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ
เขาไม่มีทางเชื่อว่า หลินหนานจะสามารถเอาชนะอีกาดําได้เพราะความบังเอิญ!
ชายหนุ่มคนนี้แกล้งเล่นเป็นหมู เพื่อที่จะกินเสือต่างหากล่ะ!
“เอาล่ะ!! ในเมื่อไม่มีใครแย้ง ผมจะถือว่านี่คือการยอมรับผมเข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมเมิ่งหลานแล้ว! ฮ่าๆๆ” หลินหนานร้องตะโกนบอกทุกคน พร้อมกับหัวเราะร่วน
แต่แล้วในระหว่างนั้น จู่ๆก็มีแสงสีเงินสว่างวาบขึ้น
มันคือมีด!
มีดที่คมกริบ และพร้อมคร่าชีวิตผู้คนได้!
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า
เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า
หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในพื้นพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียม ท่านพร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล
หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาลปกครองความเป็นและความตาย
แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!
เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองที่ละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร