ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 146
ตอนที่ 146 อยู่สนุกกันก่อน
เสียงของหลินหนานไม่ได้ดังมากนัก และสีหน้าของเขาก็ยังสงบนิ่งมากอีกด้วย คล้ายกับว่ากําลังบอกความจริงให้หวังเฉิงหยวนรู้ มากกว่าที่จะตั้งคําถาม..
“อยากรู้ก็ลองดูมั้ยล่ะ? ฉันจะทําแกต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากฉันเลยทีเดียว!” หวังเฉิงหยวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“โอ้โห! ฉันอยากจะลองแล้วสิ!”
หลินหนานตอบกลับไปทันที พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าหาหวังเฉิงหยวนอย่างไม่เกรงกลัว ส่วนเฉิงซินเยวนั้นเคยเห็นฝีมือของหลินหนานมาแล้ว เธอจึงรู้ดีว่าเขามีทักษะการต่อสู้ที่เก่งกาจมากเพียงใด และด้วยเหตุนี้ เธอจึงรีบดึงมือของหลินหนานไว้ พร้อมกับเอ่ยขอร้องว่า
“พี่หลินหนาน ทุกคนในนี้ล้วนเป็นเพื่อนของฉัน อย่ามีเรื่องเลยนะฉันขอร้อง พวกเรารีบไปกันดีกว่า!”
“ได้สิ! เพื่อเห็นแก่หน้าเธอ!”
หลินหนานอาจจะไม่ฟังคนอื่นๆ เว้นเพียงแค่เฉิงซินเยวเท่านั้น แต่หวังเฉิงหยวนกลับเห็นว่านั่นเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ
ปัง!
“ยังไปไม่ได้! วันนี้ฉันต้องสั่งสอนแกให้ได้”
หวังเฉิงหยวนตบโต๊ะ พร้อมกับร้องตะโกนสั่งอย่างยะโสโอหัง และตอนนี้ เขาก็ต้องการที่จะทําเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะการทําเช่นนั้น จะทําให้อีกฝ่าย และคนที่เหลือเกิดหวาดกลัว
คิ้วของหลินหนานถึงกับขมวดเข้าหากัน และได้แต่คิดในใจว่า เจ้าเด็กนี่มันวอนจริงๆ!
ในเมื่ออีกฝ่ายอยากจะมีเรื่องนัก ตัวเขาเองก็ไม่รีบร้อนที่จะกลับเช่นกัน และต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายจะหาทางจบลงเช่นใด?
“คุณชายหวัง ให้ผมจัดการสั่งสอนไอ้หมอนี่หน่อยดีมั้ย?” เฉินเผิงร้องตะโกนถาม สีหน้าของเขานั้นบ่งบอกว่าอยากจะมีเรื่องอย่างมาก
หวังเฉิงหยวนรีบโบกมือห้ามไว้ “นายไม่ต้องลงมือจัดการกับไอ้กระจอกนี่ให้มือเปรอะเปื้อนหรอก..”
จากนั้น เขาก็ก้มลงกระซิบข้างหูเจิ้นเยี่วยเสียงเบา “เธอออกไปเชิญพี่อีกาดํามาที่นี่เร็วเข้า ฉันเห็นเขาอยู่ในห้องถัดไปนี่เอง!”
“อืมม. ได้เลย!”
เจิ้นเยี่วยพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นก้าวเดินออกจากห้องไปด้วยรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่
ฮ่าๆๆ วันนี้แกไม่รอดแน่! พี่อีกาดําเป็นนักสู้ที่เก่งกาจจนได้ฉายานักสู้ดอกไม้แดง ใครที่ตกอยู่ในเงื้อมือของเขา ไม่เคยมีจุดจบที่ดีเลยสักราย!
เฉินเผิงได้แต่นึกเย้ยหยันอย่างสะใจ
ส่วนนักเรียนคนอื่นๆ ที่หวังเฉิงหยวนชวนมาด้วยนั้น ก็ได้แต่ยืนดูอยู่เงียบๆ ประหนึ่งว่ากําลังนั่งชมการแสดงโอเปร่าที่ต้องการความเงียบสงบ และไม่มีใครปรากฏกายยืนข้างหลินหนานเลยแม้แต่คนเดียว
นั่นเพราะทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนของหวังเฉิงหยวน และที่พวกเขามาด้วยในคืนนี้ ก็เพื่อเป็นตัวช่วยดึงดูดให้เฉิงซินเยวมาด้วยเท่านั้นเอง ส่วนหลินหนานจะเป็นหรือตายนั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
แม้พวกเขาจะอายุยังน้อย แต่ก็รู้จักเอาตัวรอดกันเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าไม่ควรนําตัวเองไปสู่อันตราย..
“หวังเฉิงหยวน ทําไมต้องให้เจิ้นเยี่วยออกไปเรียกคนข้างนอกมาช่วยด้วย? นี่เป็นปัญหาส่วนตัวของพวกเราเอง ไม่เห็นจะต้องไปถึงคนนอกเข้ามายุ่งด้วยเลย!”
เมื่อเห็นเจิ้นเยื่วยเดินออกไปเช่นนั้น โม่อวี๋ชิงก็อดรนทนไม่ได้ จนต้องร้องตะโกนถามหวังเฉิงหยวนออกไป
แม้ว่าเธอเองจะไม่ได้ชื่นชอบในตัวหลินหนานมากนัก แต่เพื่อไม่ให้เฉิงซินเย่วต้องกระอักกระอ่วนใจ เธอจึงจําเป็นต้องเอ่ยปากพูดออกมา
หวังเฉิงหยวนแสร้งทําเป็นตกใจ และประหลาดใจ พร้อมกับอธิบายว่า “อวี๋ชิง เธอเข้าใจผิดแล้ว เจิ้นเยี่วยแค่ดื่มหนักไปหน่อย ก็เลยอยากไปเข้าห้องน้ำเท่านั้นเอง!”
“แน่ใจนะ? ฉันขอเตือนไว้ก่อน นายอย่าได้มาใช้เล่ห์เหลี่ยมกับฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
โม่อวี๋ชิงจ้องมองหวังเฉิงหยวนด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะหันไปกระซิบข้างหูเฉิงซินเยวที่อยู่ข้า
“ซินเย่ว รีบพาเพื่อนของเธอออกไปจากที่นี่เร็วเข้า ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!”
แม้ว่าโม่อวี๋ชิงจะไม่รู้ว่าหวังเฉิงหยวนกําลังคิดวางแผนที่จะทําอะไรอยู่กันแน่ แต่เธอก็รู้จักนิสัยของเขาค่อนข้างดี เพราะหมอนี่นอกจากจะเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมากแล้ว ใครก็ตามที่กล้ามีเรื่องกับเขา ล้วนแล้วแต่มีจุดจบไม่ดีเลยแม้แต่คนเดียว
หากหลินหนานยังอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วล่ะก็ เขาจะต้องมีจุดจบที่น่าสังเวชอย่างแน่นอน!
เวลานี้เฉิงซินเย่วอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะหลินหนานไม่เพียงไม่ไป แต่ยังทรุดนั่งลงบนโซฟาตามเดิม พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ในเมื่อมีคนไม่อยากให้พวกเรากลับ ก็อยู่ต่อแล้วกัน! เร็วเข้า มานั่งดื่มต่อ อย่าให้เหล้าดีๆที่คุณชายหวังสั่งมาต้องเสียของ”
ระหว่างนั้น หลินหนานก็เอื้อมออกไปเพื่อจะหยิบขวดเหล้า แต่ไม่อวี๋ชิงก็รีบวิ่งเข้าไปคว้าขวดเหล้าไว้ได้เสียก่อน เธอจ้องหน้าหลินหนานพร้อมกับบอกไปว่า
“พี่หนาน พี่ควรจะรีบพาชินเย่วออกไปจากที่นี่ก่อน ขึ้นชักช้าฉันเองก็คงไม่สามารถช่วยได้!”
สถานการณ์เช่นนี้ ใครๆก็คงคาดเดาได้ไม่ยากว่า กําลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่หลินหนานกลับทําเป็นเก่ง ทําตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่แบบนี้ ทําให้ความรู้สึกของโม่อวี๋ชิงที่มีต่อหลินหนานแย่ลงไปมาก
“ถ้าเธอจะกลับก็เชิญกลับไปก่อนได้เลย ฉันจะคอยคุ้มกันให้เอง แต่คนอย่างฉันไม่จําเป็นต้องให้ใครช่วยเหลือ!” หลินหนานส่ายหน้าไปมาขณะตอบ
“นี่คุณพูดอะไรกัน? ถ้าฉันจะกลับ ใครหน้าไหนจะกล้าขวาง? แต่ถ้าคุณไม่กลับ ก็อยู่ที่นี่คนเดียวก็แล้วกัน ซินเย่ว.. พวกเรากลับกันดีกว่า!”
โม่อวี๋ชิงจ้องมองหลินหนานด้วยความโมโห ก่อนจะวางขวดเหล้าในมือลงตามเดิม แล้วรีบดึงมือเฉิงซินเย่วพาเดินออกไปจากห้อง
หลินหนานได้แต่ส่ายหน้าไปมา..
เด็กสาวคนนี้อารมณ์ร้อนชะมัด!
หึ! เกรงแต่ว่าจะมีคนไม่ยอมให้เธอกลับน่ะสิแม่สาวน้อย!
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่เห็นโม่อวีชิงและเฉิงซินเยวกําลังจะเดินออกจากห้อง หวังเฉิงหยวนที่นั่งอยู่บนโซฟาได้แต่แสยะยิ้ม พร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณให้กับสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตนเอง
จู่ๆ กลุ่มเด็กหนุ่มที่นําโดยเฉินเผิงก็พากันลุกขึ้นยืน และกรูไปยืนขวางหน้าประตูห้องคาราโอเกะไว้อย่างรวดเร็ว
“นี่พวกนายคิดจะทําอะไร?” โม่อวี๋ชิงตวาดพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เฉินเผิง ฉันคิดอยู่แล้วว่านายมันก็แค่สุนัขรับใช้ชั่วช้าคนหนึ่งเท่านั้น!”
หลังจากถูกโม่อวี๋ชิงก่นด่าใส่หน้าแบบนั้น เฉินเผิงก็พุ่งเข้าหา และชกกําปั้นเข้าใส่หน้าเธอทันที
“อวี๋ชิง.. ระวัง!!” เฉิงซินเยวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
ปัง!
โม่อวี๋ชิงยื่นฝ่ามือของตนเองออกไปรับหมัดของเฉิงเผิงไว้ จากนั้นฝ่ามือของเธอก็ได้กําหมัดของเขาไว้แน่น ก่อนจะออกแรงบิดอย่างแรง
“โอ๊ย!!”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเฉินเผิงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง..
“หลีกทางเดี๋ยวนี้”
แต่โม่อวี๋ชิงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะฝ่าเท้าของเธอได้ตวัดขึ้น และเตะเข้ากับร่างของเฉินเผิงอย่างแรง จนร่างที่สูงกว่า 1.92 เมตรนั้น พุ่งถลาออกไปด้านข้าง และร่วงลงไปกองกับพื้นในทันที
และใครก็ตามที่กล้าขวางทางเธอ ก็จะต้องโดนเช่นเดียวกันนี้!
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของโม่อวี๋ชิง และได้ประจักษ์กับตาตัวเองแล้วว่าเธอแข็งแกร่งและเก่งกาจกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มาก!
“เห้ย!! เป็นแบบนี้ได้ยังไง? ยัยนั่นดื่มน้ำเสียสาวไปแล้วนี่ ทําไมยังมีเรี่ยวแรงทําเรื่องป่าเถื่อนแบบนี้ได้อีก?” หวังเฉิงหยวนจ้องมองโม่อวี๋ชิงด้วยสีหน้างุนงง พร้อมกับรําพึงรําพันออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ซินเย่ว พวกเราไปกันได้แล้ว!” โม่อวี๋ชิงหันไปบอกเฉิงซินเย่วอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว
ปัง!
แต่ในระหว่างที่เด็กสาวทั้งสองคนกําลังจะเดินตรงไปที่ประตูนั้น ประตูห้องก็ถูกใครบางคนจากด้านนอกถีบให้เปิดออกพอดี จากนั้น ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่กลุ่มหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา
ชายฉกรรจ์ที่เดินนําเข้ามานั้น นอกจากจะมีรอยแผลเป็นหน้ากลัวบนใบหน้าแล้ว แววตาของเขายังดูกระหายเลือดราวกับหมาปาดุร้ายอีกด้วย ส่วนมือข้างหนึ่งของเขา ก็กําลังโอบกอดร่างของเจิ้นเยี่วยที่เดินออกไปก่อนหน้าไว้ด้วย
เวลานี้ ทุกคนต่างก็อดที่จะคิดถึงคําว่า “อิสรภาพ” ไม่ได้!
และแขกที่เข้ามาเยือนกลุ่มนี้ก็คือ อีกาดําฉายานักสู้ดอกไม้แดง และลูกน้องของเขานั่นเอง!
“เฮ้อ. บังเอิญจริงๆที่ฉันมาเที่ยวที่นี่พอดี! คิดไม่ถึงว่าฉันต้องการมาหาความสนุก กลับต้องมามีเรื่องให้ไกล่เกลี่ยอีกแล้วเรอะ?!”
อีกาดําพูดขึ้นมาลอยๆ พร้อมกับหัวเราะหึๆในลําคอ และในระหว่างที่พูดนั้น สายตาของมันก็เหลือบไปเห็นโม่อวีชิงและเฉิงซินเย่วเข้าพอดี
แววตาตื่นกระหายของอีกาดําสํารวจเรียวขายาวงามของโม่อวี๋ชิง ก่อนจะเคลื่อนไปมองใบหน้างดงามของเฉิงซินเยวต่อ และแน่นอนว่า ความสวยบริสุทธิ์ของเฉิงซินเยวนั้น ย่อมเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ชายแทบทุกคน
“แม่สาวน้อย ทําแบบนี้ไม่ดีเลยรู้มั้ย?” อีกาดําบอกกับโม่อวี๋ชิง พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างมีเลศ
โม่อวี๋ชิงไม่สนใจสายตาของอีกาดํา เธอรีบดึงร่างของเฉิงซินเย่วให้ไปยืนอยู่ด้านหลังของตนเองทันที
“นี่แม่สาวน้อย ทําร้ายร่างกายคนอื่นแล้ว คิดจะหนีไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน? ไม่เอาน่า.. อยู่สนุกกับพวกพี่ๆก่อนก็แล้วกัน รับรองว่าสนุกสุดเหวียงแน่!” อีกาดําร้องบอก พร้อมกับหัวเราะแปลกๆ
จากนั้น อีกาดําจึงหันหน้าไปพยักหน้าให้กับลูกน้องของตนเอง เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนปิดประตูทางออกไว้
และเวลานี้ ภายในห้องคาราโอเกะ ก็ไม่ต่างจากกรงขังดีๆนี่เอง ต่อให้มีปีกก็ยากที่จะหนีรอดออกไปได้!