ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 156
ตอนที่ 156 แปลก!
“คุณหนูรอง ไหนบอกจะไปพบคุณหมอไม่ใช่เหรอครับ? ทําไมถึงได้กลับมาเร็วแบบนี้ล่ะ?”
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าประตูรั้วหน้าบ้าน ชายชราผู้เป็นพ่อบ้านก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับเสี่ยวจื่อหลงทันที
เสี่ยวจือหลงตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ลุงเฉิน ฉันพบหมอที่จะสามารถรักษาอาการป่วยของพ่อได้แล้ว ฉันเชื่อว่าพ่อจะต้องหายแน่ๆ ลุงไม่ต้องเป็นห่วง!”
ทันทีที่ได้ยินคําพูดของเสียวจือหลง ลุงเฉินก็รีบหันมองไปทางด้านหลังของเธออย่างลืมตัว และพบว่ามีเพียงหลินหนานกับเย่เข่อเอ๋อยืนอยู่เพียงสองคนเท่านั้น จึงอดที่จะถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้
“คุณหนูรอง แล้วหมอที่คุณหนูรองไปพบล่ะ ไม่ได้พามาด้วยเหรอครับ?”
“ลุงเฉิน เขาก็คือหมอเทวดาที่ฉันพูดถึงยังไงล่ะ!”
เสียวจือหลงตอบกลับ พร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางหลินหนานซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ลุงเฉินหันไปมองหลินหนานพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
ห้ะ! ชายหนุ่มคนนี้น่ะเหรอ?
เป็นหมอจริงๆหรือเปล่า?
ลักษณะท่าทางไม่เห็นจะเหมือนหมอเลยสักนิด! แต่งเนื้อแต่งตัวก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป กระเป๋าเครื่องมือแพทย์ก็ไม่มี ดูไม่มีทีท่าว่าจะเป็นหมอเทวดาได้เลยแม้แต่น้อย!
เฮ้อ. สภาพของเขาดูเหมือนตกงานเร่ร่อนตามท้องถนนซะมากกว่า ใครจะเชื่อว่าคนแบบนี้จะเป็นหมอเทวดาได้
ลุงเฉินถึงกับหัวเราะขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า เขากระแอมเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเสี่ยวจือหลงว่า “คุณหนูรอง แน่ใจนะว่าผู้ชายคนนี้เป็นหมอเทวดาจริงๆ? แต่ผมดูแล้วเขาเหมือนกับพวกสิบแปดมงกุฏซะมากกว่า!”
“นี่ลุง!! รู้ตัวมั้ยว่ากําลังพูดอยู่กับใคร? พี่เขยของฉันเป็นหมอเทวดาจริงๆนะ!” เย่เข่อเอ๋อตอบโต้กลับด้วยความไม่พอใจ
“พี่เขยงั้นเหรอ?! เฮ้อ.. คิดไม่ถึงว่าจะทํางานกันเป็นทีม นี่แม่หนู ยังเด็กยังเล็กก็หัดพูดจาโกหกปลิ้นปล้อน ทําตัวเป็นพวกสิบแปดมงกุฏแล้วเรอะ?” ลุงเฉินส่ายหน้าไปมา พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความรู้สึกเสียดาย
ลุงเฉินได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ปกติคุณหนูของเขาเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ทําไมวันนี้ถึงได้ถูกคนหลอกง่ายๆแบบนี้?
เห็นชัดๆว่าทั้งคู่เป็นพวกสิบแปดมงกุฏ ที่กําลังกุเรื่องโกหกขึ้นมาหลอกลวง แต่คุณหนูกลับหลงเชื่อได้
“ลุงเฉิน. ลุงเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว! พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนฉันเอง ไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฏอย่างที่ลุงคิด ลุงไม่ต้องเป็นห่วง หรือกลัวว่าเขาจะมาหลอกฉัน ลุงเข้าไปข้างในก่อนเถอะ เดียวฉันจะดูแลพวกเขาสองคนเอง..”
เสียวจือหลงหันไปบอกลุงเฉิน ก่อนจะหันไปพูดกับหลินหนาน และเยี่เข่อเอ๋อด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
“คือว่า.. ลุงเฉินเขาแค่แระแวงสงสัยเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ลุงเฉินเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง เขาคงจะกลัวว่าฉันจะถูกคนหลอก ก็เลย…”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ รีบพาผมเข้าไปดูอาการคนปวยได้แล้ว”
หลินหนานตอบกลับอย่างไม่สนใจกับคําพูดของลุงเฉิน เพราะหากเทียบกับลุงฉ่พ่อบ้านตระกูลเย่แล้ว ลุงเฉินยังนับว่ามีมารยาทกว่ามาก!
เมื่อเห็นว่าหลินหนานไม่ถือสา เสี่ยวจือหลงก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วรีบเดินนําหลินหนานกับเย่เข่อเอ๋อเข้าไปในบ้านทันที
แต่ลุงเฉินกลับรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน!”
“ลุงเฉิน มีอะไรอีกล่ะคะ?” เสี่ยวจือหลงขมวดคิ้ว พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงหงุดหงิด
“จะรักษาก็ต้องรอคิว ตอนนี้ยังมีหมออีกหลายท่านที่กําลังตรวจคุณผู้ชายอยู่ พวกเขาคงต้องนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน”
ต้องรอคิวเพื่อตรวจคนไข้เชียวเหรอ?!
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของลุงเฉิน หลินหนานถึงกับหันไปมองเสี่ยวจือหลงโดยไม่รู้ตัว..
นี่เสี่ยวจือหลงไม่ได้เชิญเขามาคนเดียว แต่ยังเชิญหมอคนอื่นมาด้วยเหรอนี่?!
แต่กลับพบว่า เสี่ยวจือหลงเองก็กําลังยืนงุนงงเช่นกัน สีหน้าของเธอบ่งบอกว่าไม่รู้เรื่องมาก่อนเช่นกัน
หลังจากที่เสี่ยวจือหลงหายตกใจ ก็รีบร้องถามลุงเฉินทันที “นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอลุงเฉิน?”
“เอ่อ…” ลุงเฉินได้แต่ย้ําๆอึ้งๆคล้ายคนที่กําลังทําความผิด และกําลังจะถูกจับได้
แต่ยังไม่ทันที่ลุงเฉินจะได้ตอบ เสียงเย็นชาก็ดังออกมาจากในบ้าน..
“ฉันเป็นคนเชิญหมอที่มีชื่อเสียงทั้งหมดของเมืองเจียงไฮวมาเอง! พ่อป่วยหนักขนาดนี้ แต่เธอยังมีแก่ใจออกไปปาร์ตี้ทั้งคืนอีกเหรอ? นี่เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นคนตระกูลเสี่ยวอยู่หรือเปล่า?”
เสี่ยวจือหลงเงยหน้าขึ้นมอง และพบชายหนุ่มคนหนึ่งกําลังเดินออกมาจากบ้านอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มคนนี้มีดวงตาหรี่เล็กคล้ายกับดวงตาอสรพิษ และสีหน้าท่าทางที่หยิ่งผยองอวดดีอย่างมากของเขานั้น ก็ทําให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกอึดอัดขึ้นมาได้ในทันที
“พี่ใหญ่ พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วทําไมถึงไม่บอกฉัน?”
หลังจากได้เห็นชายหนุ่มร่างผอมปรากฏตัวขึ้น แววตาของเสี่ยวจือหลงก็เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดไม่พอใจขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของเสี่ยวจือหลงจริงๆเหรอ?
หลินหนานและเย่เข่อเอ๋อต่างก็หันไปมองหน้ากัน และในแววตาของพวกเขาทั้งสองคนก็มีร่องรอยของความประหลาดใจซ่อนอยู่ นั่นเพราะทั้งสองคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันอย่างมาก!
พี่ชายของเสียวจือหลงนั้น ไม่เพียงมีรูปร่างหน้าตาที่ธรรมดา แต่น่าจะเรียกว่าไม่มีความหล่อเหลาเอาเสียเลยน่าจะถูกกว่า! และนอกจากใบหน้าที่ไม่น่าดูนั้นแล้ว ทั้งสีหน้าและแววตาของเขายังแฝงไว้ด้วยความดุดันชั่วร้ายอีกด้วย แม้กระทั่งยืนอยู่ไกลๆ ยังสามารถทําให้ผู้คนที่พบเห็นเกิดความหวาดกลัวได้
และเวลานี้ ชายหนุ่มก็มีท่าทางโกรธเกรี้ยวอย่างมากด้วย!
เสียวจThis man is really angry.
เสี่ยวจือฉีทําเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ และตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม “หึ! ฉันจะกลับตอนไหนเมื่อไหร่ จําเป็นต้องขออนุญาตเธอหรือยังไง? แล้วนี่ทําไมต้องปิดบังฉันเรื่องพ่อป่วยด้วย?”
“ลุงเฉิน! ฉันสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่า ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับพี่ใหญ่ แล้วทําไมลุงถึง..” เสี่ยวจือหลงหันไปถามลุงเฉินด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก
ลุงเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “คุณหนูรอง อาการของคุณผู้ชายไม่ดีเลย นับวันก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผมไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณชายใหญ่รู้ เกรงว่าเมื่อ..”
ยังไม่ทันที่ลุงเฉินจะพูดจบ เสี่ยวจือฉีก็ร้องตะโกนสวนขึ้นมาด้วยน้ําเสียงดุดัน “ตอนนี้พ่อป่วยหนักมาก ถ้าฉันไม่กลับมา ใครจะเป็นคนดูแลจัดการเรื่องต่างๆทั้งหมดภายในตระกูล? นี่เธอลืมไปแล้วเหรอว่า ฉันเป็นลูกชายคนโตของตระกูล!”
จากนั้น เสี่ยวจือฉีก็ร้องสั่งเสี่ยวจือหลงด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา “อ่อ.. แล้วก็รีบพาเพื่อนของเธอออกไปจากที่นี่ซะ!”
เสี่ยวจือหลงที่ยืนฟังพร้อมกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโหอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสี่ยวจือฉีขับไล่เพื่ อนของตน จึงรีบตอบโต้กลับไปทันที
“ทั้งคู่ไม่ใช่เพื่อนของฉัน.. แต่ฉันไปเชิญพวกเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง เพื่อให้มารักษาอาการของพ่อ!”
“รักษาพ่องั้นเหรอ?! นี่คือหลง.. อย่าทําอะไรโง่ๆหน่อยเลย! เธอไม่เห็นสภาพของพวกเขาสองคนเหรอ ดูเหมือนหมอที่ไหนกัน! ให้พวกเขากลับไปได้แล้ว ฉันเชิญหมอที่มีฝีมือมารักษาพ่อแล้ว!
เสี่ยวจือฉีตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน พร้อมกับโบกมือไล่
แต่เสี่ยวจือหลงก็ไม่ยอมแพ้ เธอตอบโต้กลับไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน “พี่ใหญ่! ทักษะทางการแพทย์ของหลินหนานล้ําเลิศมากจริงๆ ให้เขาลองรักษาพ่อไม่ได้หรือยังไง? พี่อย่าลืมว่าแมวจะสีอะไร ขาวหรือว่าดํา สิ่งสําคัญที่สุดคือสามารถจับหนูได้เก่งก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? ทําไมต้องสนใจว่าเขาจะแต่งตัวยังไงด้วย?”
เพื่อชีวิตของชายชราผู้เป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด!
“หึ! นี่เธอแน่ใจนะว่าจะเชิญหมอมารักษาพ่อ ไม่ใช่เชิญหมอมาฆ่าพ่อเพื่อหวังฮุบสมบัติตระกูลเสี่ยว?” เสี่ยวจือฉีตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย้ยหยันเช่นเคย
“พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน? ตลอดสามปีมานี้ ฉันก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ต้องการสมบัติของตระกูลเสี่ยวเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าพี่ยังก่อกวนไม่ให้ฉันพาหมอเข้าไปรักษาพ่อแล้วล่ะก็ พวกเราจะได้เห็นดีกันแน่..”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเอาจริงของเสี่ยวจือหลง เสี่ยวจือฉีก็รู้ตัวว่า ไม่ควรที่จะรีบหักด้ามพร้าด้วยเข่าเร็วเกินไปนัก หาไม่แล้ว หากน้องสาวของเขาอึดสู้ขึ้นมา ตัวเขาเองต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
และหากเธอลุกขึ้นมาต่อสู้แย่งชิงทรัพย์สมบัติตระกูลเสียวจริงๆ เขาอาจจะไม่เหลืออะไรเลยก็ได้!
“หึ! ถ้าอยากจะลอง ฉันก็จะอนุญาตให้เธอลองสักครั้ง แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน! สภาพของไอ้หมอนี่ ยังไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้กับหมอที่ฉันเชิญมาด้วยซ้ําไป!”
หลังจากที่พูดจาเย้ยหยันหลินหนานแล้ว ชายหนุ่มก็เดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างไม่แยแสสิ่งใดอีก และตั้งแต่เดินออกมาจนกระทั่งเดินกลับไป เขาก็ท่าทางเหมือนไม่เห็นหลินหนานอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!
และสีหน้าท่าทางของเสี่ยวจือฉีนั้น ก็บ่งบอกว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่จองหอง ยะโส แล้วก็อวดดีเป็นที่สุด!
“พี่จือหลง! ทําไมพี่ชายของพี่ถึงได้เป็นคนไร้มารยาทแบบนี้? พวกเราเป็นแขกนะ อย่างน้อยก็น่าจะทักทายกันสักหน่อย แต่นี่อะไรกัน?! ไม่เพียงไม่ทักทาย แต่กลับพูดจาดูถูก แล้วก็ไล่พวกเราอย่างกับหมูกับหมา ฉันทนไม่ได้แล้วนะ!” เย่เข่อเอ้อกระทืบเท้าพร้อมกับหันไปบอกเสี่ยวจือหลงด้วยความไม่พอใจ
“ฉันขอโทษแทนพี่ชายด้วย! ฉันขอโทษจริงๆสําหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น!” เสี่ยวจือหลงได้แต่พูดขอโทษ เพราะไม่รู้ว่าจะสรรหาคําใดมาอธิบายได้
แต่เย่เข่อเอ๋อยังคงไม่พอใจ เธอหันไปเขย่าแขนหลินหนาน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึง “พี่เขย ในเมื่อพวกเขาไม่ต้อนรับ พวกเราก็กลับกันดีกว่า!”
แต่คําตอบของหลินหนานกลับเหนือความคาดหมายของเยี่เข่อเอื้อมาก เขาหันมายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เอ่อเอ่อ.. ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็เข้าไปข้างในกันหน่อย อาจมีเรื่องตื่นเต้นให้ดูก็ได้”
“ต๊ะ?!!” เย่เข่อเอ๋อถึงกับจ้องมองหลินหนานตาโต
วันนี้ หลินหนานดูท่าทางแปลกๆ!