ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 157
ตอนที่ 157 ใครจะเป็นผู้ชนะ?
นั่นเพราะหากเป็นเมื่อก่อน หลินหนานคงเดินออกไปจากคฤหาสน์ใหญ่โตนี้ตั้งนานแล้ว แต่วันนี้ หลินหนานกลับไม่ทําเช่นนั้น!
เขาต้องการไปดูให้เห็นกับตาว่า หมอเก่งๆมีชื่อเสียงที่เสี่ยวจือฉีเชิญมานั้นเป็นใครกันบ้าง?
จากนั้น เสี่ยวจือหลงก็เดินนําทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน..
“พ่อหนุ่ม ฉันขอเตือนเธอไว้ก่อน ถ้าคิดจะมาหลอกลวงคุณหนูรองเพื่อหาผลประโยชน์แล้วล่ะก็ รีบๆกลับไปซะ! เพราะถ้าความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมา ถึงตอนนั้นแม้แต่คุณหนูรองก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้!” ลุงเฉินพ่อบ้านรีบเดินเข้าไปกระซิบเตือนหลินหนานทันที
นับตั้งแต่ที่คุณผู้ชายล้มป่วยขึ้นมา คุณหนูรองของเขาก็ถูกบรรดานักต้มตุ๋น ที่ถูกเรียกขานตัวเองว่าหมอเทวดานั้น หลอกลวงคนแล้วคนเล่า จึงไม่แปลกที่ลุงเฉินจะนับหลินหนานอยู่ในคนจําพวกนี้
“ไม่ต้องห่วง ผมแค่อยากเข้าไปดูเฉยๆ รับรองว่าจะไม่รบกวนการตรวจรักษาของหมอคนอื่นๆแน่!”
หลินหนานไม่ตอบโต้ และเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางปกติ
น่าแปลก?!
ทําไมพ่อหนุ่มนี่ถึงได้นิ่งเฉย?!
ปกติแล้ว พวกหมอนักต้มตุ้นที่คุณหนูรองของเขาพามานั้น เมื่อได้ยินพ่อบ้านเนินพูดอย่างรู้ทันแบบนี้ ก็มักจะรีบพากันแก้ตัว และพยายามชักแม่น้ําทั้งห้าขึ้นมาสาธยายให้เขาฟังทันที
แต่หลินหนานกลับทําเหมือนยอมรับ และไม่อธิบายอะไรเลยแม้แต่น้อย นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอคนแบบหลินหนาน!
แต่ท้ายที่สุด พ่อบ้านเฉินกลับคิดว่า อาจเป็นเพราะหลินหนานเริ่มเกรงกลัวความผิด!
“หึ! สงสัยจะเป็นพวกนักต้มตุ้นมือใหม่สินะ ถูกฉันหลอกแค่นี้ก็กลัวหัวหดแล้ว อย่างว่าล่ะ.. คนแบบนั้นจะมาสู้ขิงแก่อย่างฉันได้ยังไง?”
หลังจากที่หลินหนานเดินออกไปแล้ว พ่อบ้านเฉินก็พึมพํากับตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มภาคภูมีใจ
หลังจากที่หลินหนานเดินเข้าไปในห้องรับแขกของคฤหาสน์ตระกูลเสี่ยวนั้น บรรดาหมอที่นั่งรอทําการตรวจรักษา ก็ได้หันมามองหลินหนานด้วยสีหน้าท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
และเวลานี้ ก็มีหมอที่ยังเข้าคิวรอทําการรักษาอยู่อีกสองสามคน หมอทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นหมอที่เสี่ยวจือฉีเป็นคนเชิญมา รวมๆแล้วหมอทั้งหมดที่เขาเชิญมา ก็น่าจะร่วมยี่สิบถึงสามสิบคนได้ และหมอแต่ละคนก็มีอายุแตกต่างกันไป บางคนอายุมากถึงกับต้องใช้ไม้เท้าคํายันก็มี..
“เฮ้อ.. นี่ถ้าให้ใครมาเห็นเข้า คงคิดว่าคนพวกนี้มาเข้าคิวซื้อผักเหมือนในตลาดแน่ๆ ดูวุ่นวายชะมัด!”
หลินหนานเห็นหมอที่มาต่อคิวรักษาผู้เฒ่าเสี่ยว ก็ถึงกับต้องไปนั่งส่ายหน้าอยู่บนโซฟา พร้อมกับบ่นพึมพําราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องด้วย
นี่คือการรักษาผู้ป่วย ไม่ใช่การมาเลือกซื้อผัก ยิ่งมีหมอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เกิดประโยชน์ เพราะจะส่งผลต่อการตรวจวินิฉัยอาการของผู้ปวย
แต่เสี่ยวจือฉีไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ทันทีที่รู้ว่าพ่อของตนเองป่วย เขาก็รีบส่งคนออกไปเชิญหมอที่มีชื่อเสียงของเมืองเจียงไฮวทั้งหมดมา แม้กระทั่งหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองใกล้เคียง เขาก็ให้คนไปเชิญมาด้วย
“น้องชาย ท่าทางของเธอดูแปลกมากทีเดียว เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลอะไรล่ะ?”
หลินหนานนั่งลงได้ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนร่างอ้วนสวมเสื้อคลุมสีขาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เขยิบเข้าไปใกล้ พร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลินหนานหันไปยิ้มให้เล็กน้อย และตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้อยู่ประจําโรงพยาบาลไหน แล้วก็ตั้งใจมาศึกษาอาการคนไข้มากกว่า แล้วคุณล่ะ. มาเข้าแถวรอตรวจรักษาเหมือนกันเหรอครับ?”
นอกเหนือจากหลินหนานแล้ว ก็ยังมีหมออีกสามคนที่นั่งรออยู่ที่โซฟา รวมทั้งชายวัยกลางคนร่างอ้วนนี้ด้วย
แต่ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากหลินหนาน พวกเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อจะรักษาผู้เฒ่าเสี่ยว
“นี่พ่อหนุ่ม.. การศึกษาเคสคนไข้ให้มากๆเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องเลือกด้วยนะ เพราะถ้าเธอทําอะไรผิดพลาดจนทําให้คนตระกูลเสี่ยวไม่พอใจแล้วล่ะก็ ชีวิตของเธอก็อาจจบสิ้นลงไปด้วย…”
ชายชราที่มีผมและหนวดเคราขาวโพลน หันไปกระซิบบอกหลินหนานเสียงเบา พร้อมกับทําสีหน้าท่าทางลับๆล่อๆอย่างน่าประหลาด
“ผิงอี้เฉิน.. นี่คุณคงจะแก่จนเลอะเลือนแล้วสินะ ทําไมต้องไปขู่คนอื่นแบบนั้นด้วย? ทางที่ดี คุณเชื่อฟังคําแนะนําของผมจะดีกว่า ตัวคุณนั่นล่ะควรจะต้องรีบกลับออกไป ก่อนที่หายนะจะมาเยือน..” ชายร่างอ้วนหันไปบอกชายชราพร้อมกับหรี่ตามอง
“หายนะงั้นเหรอ? นี่พวกคุณสองคนพูดเกินไปหรือเปล่า? แค่ไม่สามารถรักษาคนไข้ได้ พวกเขาถึงกับจะเอาชีวิตกันเชียวเหรอ?” หลินหนานถามขึ้น เพราะรู้สึกว่าทั้งสองคนออกจะพูดเกินจริงมากไปหน่อย
ชายร่างอ้วนรีบยกมือขึ้นจุ๊ปาก พร้อมกับกระซิบบอกหลินหนานเสียงเบา “ชู่ว!! นี่เธอไม่รู้อะไรเลยเหรอพ่อหนุ่ม? เสี่ยวจือฉีเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเสี่ยว เขาเป็นคนที่มีอํานาจอิทธิพลมากเลยรู้มั้ย ขึ้นไปเผลอทําให้เขาไม่พอใจ หรือมีเรื่องกับเขาเข้าแล้วล่ะก็ รับรองว่ายากที่จะมีชีวิตรอดกลับไปได้!”
“นี่หวู่ผังซู… พูดแบบนี้อยากถูกตัดลิ้นมากหรือยังไง? ถ้ามีเวลาว่างมาก ก็ไปนั่งคิดหาวิธีรักษาผู้เฒ่าเสี่ยวจะดีกว่า! หรือเธอไม่อยากได้เงินรางวัลสิบล้านหยวนนั่น!”
ในเวลานั้น ชายอีกคนที่นั่งหลับตานิ่งเงียบอยู่นาน ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น แต่ปรากฏว่าดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้น กลับเป็นสีขาวขุ่น
ชายผู้นี้ตาบอด!
“เงินรางวัลสิบล้านงั้นเหรอ?”
หลังจากได้ฟังทั้งสองคนพูดถึงเรื่องเงินรางวัล หลินหนานก็ไม่สนใจชายตาบอดอีก และรีบหันไปถามเรื่องเงินรางวัลที่เขาสนใจมากกว่า
จากนั้น ชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อนทั้งสามคน ก็เริ่มนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างสนิทสนม
“ก็เมื่อสองวันก่อนหน้านี้น่ะสิ คุณชายเสี่ยวได้ประกาศว่า จะให้เงินรางวัลจํานวนสิบล้านกับคนที่สามารถรักษาผู้เฒ่าเสี่ยวให้หายได้! นี่ถ้าเธอไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือยังไง? แล้วนี่.. เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน? อย่าบอกนะว่าแอบเข้ามา?!”
“แอบอะไรกันล่ะ? หน้าตาแบบผมนี้ไม่มีใครคิดว่าจะถูกเชิญมาบ้างหรือยังไงนะ?” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
“นี่พ่อหนุ่ม เธอนี่เป็นคนมีอารมณ์ขันมากเหมือนกันนะ! ฮ่าๆๆ”
หวู่ผังซูถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความถูกอกถูกใจ ชายตาบอดได้ยินทั้งสามคนพูดคุยกัน ก็ได้ แต่นั่งนิ่งทําหน้าตาเคร่งขรึม
พวกเขาไม่เชื่อว่าหลินหนานจะได้รับเชิญมาจริงๆ เพราะหมอที่อายุน้อยสุดที่ได้รับเชิญมานั้น ก็ราวสามสิบห้าหรือสามสิบหกปีได้ แต่ดูจากใบหน้าของหลินหนานแล้ว เขายังไม่น่าจะถึงสามสิบปีด้วยซ้ําไป
อีกอย่าง หลินหนานเองก็ยอมรับว่าตนเองไม่ได้เป็นหมอในโรงพยาบาล เพราะฉะนั้น เขาน่าจะเป็นหมอพื้นบ้านเสียมากกว่า
หากตระกูลเสี่ยวเชิญหมอที่ไม่มีคุณวุฒิแบบนี้มา ไม่เท่ากับจะยิ่งเป็นอันตรายต่อผู้เฒ่าเสี่ยวหรอกหรือ?
แต่ยังไม่ทันที่หลินหนานจะได้อธิบายอะไร เสียงพูดของผู้หญิงก็ดังขึ้น และเสี่ยวจือหลงก็กําลังเดินลงบันไดตรงเข้ามาหาหลินหนาน
“หลินหนาน นายมัวแต่นั่งทําอะไรอยู่ตรงนี้? ตามฉันขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้เลย พ่อกําลังรอให้นายไปตรวจรักษาอยู่นะ!”
“ผมก็กําลังนั่งต่อแถวรอเหมือนหมอคนอื่นๆน่ะสิ! จะให้ผมใช้อภิสิทธิ์แซงคิวคนอื่นงั้นเหรอ?” หลินหนานถามอย่างติดตลก
เสี่ยวจือหลงตอบกลับมาด้วยน้ําเสียงที่หงุดหงิด และไม่พอใจนัก “หลินหนาน.. นี่มันไม่ใช่เวลามาพูดเล่นนะ! รีบๆตามฉันไปรักษาพ่อเร็วเข้า!”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวจือหลงก็ไม่รอให้หลินหนานได้อ้าปากพูด เธอจัดการคว้าแขนของหลินหนาน และพาลากขึ้นไปชั้นสองทันที
หวู่ผังซูกับหมออีกคนถึงกับหันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงง ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “ดูท่าน้องชายคนนั้นคงจะแกล้งถ่อมตัว ไม่ยอมเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตัวเองแน่!”
ผิงอี้เฉินชายชราจึงตอบกลับไปว่า “ดีนะที่เมื่อครู่เธอห้ามฉันไว้ก่อน ขืนฉันขู่จนเขากลัวหนีกลับไป คนตระกูลเสี่ยวคงไม่พอใจแน่!”
“ฉันไม่เชื่อว่าพ่อหนุ่มนั่นจะสามารถรักษาผู้เฒ่าเสี่ยวได้ อย่าลืมว่าพวกเราทั้งสามคน ต่างก็เป็นหมอที่มีชื่อเสียงของเมืองเจียงไฮว มีแต่พวกเราเท่านั้นที่จะสามารถรักษาได้”
ชายตาบอดพูดขึ้น พร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้าย และนัยน์ตาขาวขุ่นทั้งคู่นั้น ก็ดูน่ากลัวขึ้นมาอย่างประหลาด
หวู่ผังซูหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า “นั่นสินะ! ให้เขาขึ้นไปก่อน แล้วมาดูกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง?”
จากนั้นทั้งสามคนก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปทางชั้นสองพร้อมกัน
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : ฉันนี่แหละทายาทมหาเศรษฐี
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฟู บุคคลที่ร่ํารวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอดบังเอิญไปเฉี่ยวชน เข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติ หนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตํารวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ทําให้เกิดเป็นประเด็นข้อ ถกเถียงกันยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงของตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อํานาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ขับไล่ออกจากตระกูลจ้าวและให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจํานวน 200,000 หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ถึงจะกลับเข้า มาในตระกูลได้อีกครั้ง
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจําต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนครบตามที่กําหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา
เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้นทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..