ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 16
ตอนที่ 16 ไล่ออก
“ทำไมเหรอคะ? หรือคุณมีปัญหาอะไร?” เหลียงซี่อวี๋เอ่ยถามขึ้นทันที
“ไม่.. ไม่มีปัญหา!!” หลินหนานยิ้มกว้างในขณะที่ตอบกลับไป
แม้เขาจะไม่เคยทำงานบริษัทมาก่อน แต่ก็พอรู้มาว่าฝ่ายขายเป็นแผนกที่อยู่ยากที่สุดในทุกบริษัท
เขารู้ว่าตนเองคงจะไม่เพียงแค่เป็นพนักงานขายของบริษัท แต่การได้ทำงานในฝ่ายขายนี้ ยังเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหาเรื่องเขาได้ง่ายขึ้น
และในฐานะที่เหลียงซี่อวี๋เป็นเลขานุการส่วนตัวของเย่จิงเฉิง เธอย่อมต้องได้รับการถ่ายทอดคำสั่งมาอีกที
แต่หลินหนานก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด!
เพราะหากเทียบกับภารกิจที่หน่วยมังกรซ่อนกายทั้งเก้าชีวิตของเขาเคยทำมาแล้วล่ะก็ เรื่องนี้ไม่อาจท้าทายเทียบเท่างานที่ผ่านมาของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ไม่มีปัญหาก็ดีค่ะ..” เหลียงซี่อวี๋ตอบกลับมาพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลินหนานถูกจัดให้ไปทำงานเป็นพนักงานขายเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นการตัดสินใจของเย่จิงเฉิง
นั่นเพราะงานในฝ่ายขายนั้นเป็นงานที่ยุ่งมาก และมีความกดดันสูง ด้วยนิสัยที่ไม่เอาถ่านของหลินหนาน เขาไม่มีทางทำได้อย่างแน่นนอน
และหากทำไม่ได้.. ผลลัพธ์ก็มีเพียงแค่ลาออกไปเอง หรือไม่ก็ถูกไล่ออก!
ที่สำคัญที่สุด.. หากหลินหนานได้ไปทำงานในฝ่ายขาย เขาก็จะต้องยุ่งจนไม่มีเวลามาวุ่นวายกับเย่จิงเฉิง หรือมาอยู่ใกล้หูใกล้ตาให้เธอต้องอารมณ์เสีย
นี่จึงนับว่าเป็นแผนการยิงปืนนัดเดียว แต่ได้นกถึงสองตัว!
“ขอเชิญคุณตามฉันไปที่ฝ่ายขายได้เลยค่ะ ฉันจะพาคุณไปแนะนำให้รู้จักกับผู้จัดการฝ่ายขาย คุณจะได้เริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้ได้เลย!”
ระหว่างที่พูด ขายาวๆของเหลียงซี่อวี๋ก็ก้าวเดินนำหลินหนานออกจากห้องไป
หลินหนานเดินตามเหลียงซี่อวี๋ไปตามทางเดิน ระหว่างทางก็คอยเหลือบมองพนักงานที่กำลังก้มหน้าก้มตาวุ่นอยู่กับการทำงาน
หลังจากแอบสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ หลินหนานก็พบว่าจิงเฉิงกรุ๊ปนั้นเป็นบริษัทของคนรุ่นใหม่จริงๆ เพราะทั้งพนักงานและผู้อำนวยการต่างก็ยังเป็นหนุ่มสาวแทบทั้งสิ้น แต่ละคนดูมีไฟ และกระตือรือร้นในการทำงานอย่างมาก
‘ดูเหมือนภรรยาของฉันจะตาแหลมในการคัดเลือกพนักงานจริงๆ!’ หลินหนานพยักหน้าในระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็เดินมาถึงฝ่ายขาย และทันทีที่ทั้งสองก้าวเท้าเข้าไปในแผนก บรรยากาศตึงเครียดกดดันก็แผ่ซ่านออกมาทันที
พนักงานทั้งชายและหญิงต่างก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่ละคนต่างก็หน้านิ่วคิ้วขมวด และกำลังสนทนากับปลายสายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนภายในแผนกดูโกลาหลวุ่นวายไม่ต่างจากตลาดสด
ส่วนคนที่ไม่ได้คุยโทรศัพท์ ก็จ้องมองอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และกำลังทำงานอย่างเคร่งเครียด
ทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนเอง จนไม่มีใครสังเกตเห็นเหลียงซี่อวี๋ที่เดินเข้ามาพร้อมกับหลินหนาน จึงไม่มีใครเอ่ยทักทายคนทั้งคู่เลยแม้แต่คนเดียว
เหลียงซี่อวี๋ไม่ได้สนใจคนพวกนั้น เธอพาหลินหนานเดินตรงไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายขาย ก่อนจะผลักประตูและเดินเข้าไป
“ผู้จัดการหลิวคะ นี่คือชายหนุ่มที่ฉันบอกกับคุณเมื่อเช้านี้ ฉันพาเขามาส่งให้กับคุณค่ะ!”
หลังโต๊ะทำงานภายในห้อง ชายร่างอ้วนท้วนสีหน้าเคร่งเครียด เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองไปทางหลินหนาน
“หลินหนาน นี่หลิวเฉียนเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย เขาจะเป็นหัวหน้าของคุณ และจะเป็นผู้จัดสรรงานในแผนกให้คุณทำ พอดีฉันยังมีงานค้างอยู่ ฉันขอตัวก่อน ถ้าคุณมีอะไรสงสัย ก็ถามผู้จัดการหลิวได้เลยค่ะ”
หลังจากพูดจบ เหลียงซี่อวี๋ก็ก้าวเท้าเดินออกไปทันที
“สวัสดีครับผู้จัดการหลิว ผมชื่อหลินหนาน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
หลินหนานเอ่ยทักทาย พร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อทำการเชคแฮนด์ตามมารยาท แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับลุกขึ้นยืนนิ่งเฉย ไม่แม้แต่จะยื่นมือของตนเองออกมา
มือของหลินหนานจึงยื่นออกไปเก้อ และค้างอยู่กลางอากาศเช่นนั้น..
ใบหน้าของหลิวเฉียนยังคงเคร่งเครียด และตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าด่วนดีอกดีใจไปนัก ฝ่ายขายของเราเป็นแผนกที่อยู่ได้ด้วยผลงานเท่านั้น ใครที่ไม่รู้จักสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้..”
เชอะ.. แค่เจอกันครั้งแรก ก็อวดเบ่งกันขนาดนี้เชียวเหรอ!
หลินหนานดึงมือกลับมาพร้อมกับตอบไปว่า “ไม่ต้องห่วงครับผู้จัดการหลิว ผมเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้!”
“คุณเคยทำงานเป็นพนักงานขายมาก่อนบ้างมั๊ย?” หลิวเฉียนเอ่ยถาม
“ไม่เคยครับ!”
จากนั้นหลินหนานก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ผมจะพยายามศึกษา และฝึกฝนให้หนัก เพื่อจะได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดได้โดยเร็ว!”
หากเป็นคนจิตอ่อน ก็คงถูกสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังของหลินหนานหลอกล่อให้หลงกลได้แน่ แต่ไม่ใช่คนอย่างหลิวเฉียน เขาไม่ถูกคำพูดสวยงามของหลินหนานหลอกได้ง่ายๆ
เขายังคงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่สงบนิ่ง “ผมไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรเลขาเหลียงถึงได้เอาคนที่ไม่มีประสบการณ์เข้ามาทำงานในแผนกนี้ แต่ผมได้บอกไปแล้วว่า ฝ่ายขายของเราวัดกันที่ผลงานเท่านั้น ถ้าคุณทำไม่ได้ ก็เตรียมตัวเก็บของกลับบ้านได้เลย!”
“ครับ” หลินหนานตอบยิ้มๆ
หลิวเฉียนเดินไปเปิดประตูห้องพร้อมกับร้องตะโกนออกไป “เสี่ยวฉิน มาพบผมที่ห้อง!”
“ค่ะผู้จัดการ!’
หลังจากที่หญิงสาวร้องตะโกนตอบผู้จัดการ เธอก็รีบวิ่งตรงเข้ามาที่ห้องของผู้จัดการหลิวทันที แต่ยังไม่ทันที่ตัวของเธอจะเข้ามาในห้อง ภูเขาใหญ่สองลูกก็พุ่งเข้ามาก่อนแล้ว
หลินหนานจ้องมองจนตาแทบถลนออกจากเบ้า!
และหญิงสาวคนนี้ก็คือคนที่หลินหนานพบในลิฟท์ก่อนหน้านี้นั่นเอง เธอมีชื่อว่าฉินเสี่ยวยู่
“ผู้จัดการหลิวมีอะไรจะให้ฉันทำคะ?” ฉินเสี่ยวยู่ยกมือขึ้นขยับแว่นตาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น พร้อมกับเอ่ยถาม
ทุกคนในฝ่ายขายต่างก็หวาดกลัวหลิวเฉียนกันทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าฉินเสี่ยวยู่ก็เช่นกัน!
ผู้จัดการหลิวไม่เพียงเป็นคนที่พูดน้อย แต่ยากนักที่จะได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาอีกด้วย และบางครั้งก็เคร่งครัดมากจนไม่มีใครในแผนกชอบเขานัก
“นี่คือหลินหนาน เขาเป็นพนักงานใหม่ และจะมาทำงานในฝ่ายขายของเรา แต่เขายังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คุณช่วยแนะนำเขาที” หลิวเฉียนสั่ง
“ได้ค่ะผู้จัดการหลิว”
ฉินเสี่ยวยู่ตอบรับ พร้อมกับหันไปทักทายหลินหนาน แต่แล้วเธอก็ถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง ก่อนจะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ห๊ะ?! ทำไมถึงเป็นนายไปได้?!”
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้?
“สวัสดีครับ พบกันอีกแล้วนะครับ!” หลินหนานทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มประหนึ่งสุนัขจิ้งจอก
“นี่พวกคุณสองคนรู้จักกันด้วยเรอะ?” หลิวเฉียนร้องถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ระหว่างที่ฉินเสี่ยวยู่กำลังงุนงงอยู่นั้น หลินหนานก็เป็นฝ่ายตอบแทน “ผมเพิ่งเจอกับเธอที่หน้าลิฟท์เมื่อครู่เองครับ”
หลิวเฉียนไม่สนใจความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่อีก เขาพยักหน้าและบอกกับฉินเสี่ยวยู่ว่า “เสี่ยวยู่ คุณมีหน้าที่คอยแนะนำหลินหนาน จำไว้ว่าจากนี้ไป พวกคุณสองคนคือทีมเดียวกัน การประเมินผลงานของคุณ จะประเมินคู่กันทั้งสองคน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินเสี่ยวยู่ถึงกับเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยทันที แต่เธอก็เพียงแค่พยักหน้า และตอบกลับไปว่า
“ค่ะผู้จัดการหลิว!”
“เอาล่ะ พวกคุณสองคนออกไปได้แล้ว!” หลิวเฉียนโบกมือไล่
ระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องผู้จัดการหลิวนั้น หลินหนานก็สังเกตเห็นว่าฉินเสี่ยวยู่มีสีหน้าท้อแท้ จึงได้แต่เอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้
“คนสวย ทำไมคุณถึงดูหน้าตาเศร้าสร้อยไม่มีความสุขเลยล่ะ!”
“เฮ้อ.. จะให้ฉันมีความสุขได้ยังไงล่ะ ถ้าฉันทำผลงานได้ไม่ดี ก็ต้องตกงานน่ะสิ!”
พูดจบฉินเสี่ยวยู่ก็หันไปมองหลินหนานตาขวาง พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความโมโห “เพราะนายแท้ๆเลย ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ซวยขนาดนี้นะ!”
หลินหนานได้แต่ยิ้มขื่น เมื่อคิดว่า.. ผมต่างหากที่ซวย!
ตั้งแต่ถูกเธอด่าว่าเป็นโรคจิต ไหนจะถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขับไล่ สุดท้าย.. ภรรยาของฉันยังไล่ฉันมาทำงานในฝ่ายขายที่นับว่ายากลำบากที่สุดอีก
เห้ย.. นี่ฉันเป็นถึงลูกเขยเชียวนะ!
จะไม่มีกฏหมายปกป้องสิทธิของลูกเขยบ้างเลยหรือยังไง?
หลินหนานได้แต่ข่มใจ ต่อให้เขาโกรธมากเพียงใด ก็ไม่กล้าทะเลาะกับหญิงสาวแน่ แต่คงต้องยกความดีความชอบให้กับหน้าอกไซส์มหึมาของเธอ
แต่ถึงแม้ฉินเสี่ยวยู่จะมีอคติกับหลินหนาน แต่ฉินเธอก็สามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ดี
เธอช่วยจัดหาที่นั่งทำงานให้กับหลินหนาน และสอนพื้นฐานการเป็นพนักงานขายให้กับเขา รวมถึงลูกเล่น และแพคเกจส่งเสริมการขายต่างๆของทางบริษัทอีกด้วย
แต่หลังจากที่เธอพยายามกระตุ้นให้หลินหนานมีความกล้า และลองโทรไปหาลูกค้าสองสามราย เธอก็แทบไม่อยากยุ่งกับหลินหนานอีกเลย
เพราะเขาเกือบจะทะเลาะกับลูกค้า!
ท้ายที่สุด ฉินเสี่ยวยู่ก็เลิกสนใจหลินหนาน และวุ่นอยู่กับงานของตัวเองแทน
ในเมื่อไม่มีอะไรทำ และเขาก็ไม่ต้องการโทรหาลูกค้าอีก หลินหนานจึงได้แต่นั่งหลับตา และกำลังเดินลมปราณอยู่อย่างเงียบๆ
เมื่อได้เห็นท่าทางของหลินหนาน หลิวเฉียนถึงกับต้องหัวเราะออกมา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคน และพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพนบนอบยิ่งนัก
“คุณเย่ครับ คุณสบายใจได้ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผน ผมเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่เกินสองสามวัน ก็สามารถกำจัดเขาออกจากบริษัทได้แล้ว!”
“อะไรนะ?! ทำไมไม่หาทางไล่เขาออกภายในวันนี้เลย?”
หลังจากวางสายไป หลิวเฉียนก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง..
นี่ผู้อำนวยการเย่โกรธแค้นผู้ชายที่ชื่อหลินหนานขนาดนี้เชียวเหรอ?
ไม่ยอมแม้แต่จะให้เขาอยู่ทำงานข้ามวันด้วยซ้ำไป..