ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 171
ตอนที่ 171 พระเอกขี่ม้าขาว
ท่านอนของหลินหนานนั้นยั่วมาก แต่มันคือการยั่วโมโห..
เยจิงเฉิงเห็นหลินหนานจงใจยั่วโมโหตนเองแบบนั้น ภายในใจก็เริ่มรู้สึกเดือดดาลอย่างมาก!
ที่สําคัญ.. เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าเย่เข่อเอ๋อจะเชื่อฟังหลินหนานมากขนาดนี้ น้องสาวของเธอเดินตรงไปยืนอยู่ด้านหลังของหลินหนาน พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นบีบนวดไหล่ให้กับเขาอย่างว่าง่าย
“อืมม.. ตรงนี้ด้วย..”
“นั่นล่ะใช่แล้วๆ อ่อ.. แล้วก็ตรงโน้นด้วย แบบนั้นล่ะ ดีมาก..”
“พี่เขยเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกสบายขึ้นบ้างมั้ย?” เย่เข่อเอ้อร้องถามพร้อมกับออกแรงกดให้มากขึ้น
“สบายสิ! สบายมากๆเลยล่ะ ฝีมือการนวดของเธอไม่แพ้หมอนวดมืออาชีพเลยล่ะ!” หลินหนานเอ่ยชมเด็กสาว
ระหว่างที่กําลังมีความสุขอยู่กับการนวดนั้น หลินหนานก็จงใจเหลือบมองเยจิงเฉิงเพื่อยั่วโมโห..
เห็นรึยังล่ะ?
นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่คุณควรทําให้ผม!
รู้จักเรียนรู้จากน้องสาวตัวเองบ้าง!
“เอ่อเอ่อ! ไหนเธอบอกพี่ว่าถูกรังแกยังไงล่ะ? แล้วทําไมยังมานวดให้เขาอีก?”
เมื่อเห็นเยี่เข่อเอ๋อกลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหนานเช่นนี้ เยจิงเฉิงจึงอดไม่ได้ที่จะทํา หนิน้องสาวตัวเอง ริมฝีปากบางได้รูปจุ่มงอนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่สู้ดีนัก
นี่มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ!
“พี่ใหญ่คะ! ฉันบอกว่าฉันถูกคนรังแกก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นพี่เขยนี่ แล้วตอนนี้ไอ้คนที่มันรังแกฉัน ก็ถูกพี่เขยสั่งสอนไปแล้ว! พี่เขยเปรียบเสมือนเทพที่คอยปกป้องพิทักษ์ฉัน ฉันก็ต้องดีกับพี่เขยให้มากถึงจะถูก..” เย่เข่อเอ๋อตอบกลับเยจิงเฉิงด้วยใยหน้าเปื้อนยิ้ม
หลังจากที่ได้ยินคําตอบของน้องสาว สายตาที่เย็นชาคู่นั้นของเยจิงเฉิง ก็เปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนใจ และรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
นี่ฉันเข้าใจเขาผิดไปเหรอ?!
แล้วทําไมเขาถึงไม่อธิบายความจริงให้ฉันฟัง?
“คําอธิบายของผมจะมีความหมายอะไร ในเมื่อคุณเอาแต่โกรธ มีหรือที่จะยอมฟังคําพูดของผม! แต่ช่างมันเถอะ ไหนๆเรื่องก็ผ่านไปแล้ว.” จู่ๆหลินหนานก็พูดเปรยๆออกมา
ดวงตาคู่งามของเยจิงเฉิงปรากฏร่องรอยของความประหลาดใจ พร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “นี่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันกําลังคิดอะไรอยู่?”
“เฮ้อ.. เราสองคนเป็นสามีภรรยากัน เป็นธรรมดาที่จะมีกระแสจิตที่สามารถสื่อถึงกันได้!” หลินหนานตอบกลับพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
หลังจากที่เยจิงเฉิงได้ฟังคําตอบของหลินหนาน ใบหน้าที่มีแต่ความเย็นชา และแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจนั้น ก็เปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมาทันที!
เยจิงเฉิงทําหน้าตาขึงขังพร้อมกับสั่งหลินหนานว่า “หลินหนาน นายไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง! นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป นายจะต้องเข้าไปทางานที่บริษัททุกวัน ฉันไม่อนุญาตให้นายขาดงานแม้แต่วันเดียว!”
หลินหนานได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ..
ใครกันแน่ที่เปลี่ยนเรื่อง!
คุณต่างหากที่เปลี่ยนเรื่องพูดเก่งกว่าผมซะอีก!
“โอ้! ไปทํางานที่บริษัทงั้นเหรอ ได้เลย! รับรองว่าพรุ่งนี้มีอะไรสนุกๆให้ดูแน่” หลินหนานตอบกลับ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
“นี่นายหมายความว่ายังไง?!” คิ้วของเยจิงเฉิงถึงกับขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณก็รู้เองล่ะน่า! ถ้าผมบอกคุณไปตอนนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่สนุกตื่นเต้นน่ะสิ!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
“ไม่อยากบอก ก็ไม่ต้องบอก! ฉันเองก็ไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับนายเหมือนกัน!” เยจิงเฉิงตอบกลับไปด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจ ก่อนจะเดินฉับๆขึ้นบันไดไปทันที
ปัง
จากนั้น เสียงปิดประตูปัง ก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งบ้าน!
“พี่เขย วันนี้พี่ใหญ่เป็นอะไรไปน่ะ? ดูผิดปกติไปมากเลย!” เย่เข่อเอ๋อสังเกตเห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของพี่สาว ก็ได้แต่ร้องถามหลินหนานด้วยสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ
หลินหนานได้แต่ส่ายหน้าไปมา พร้อมกับตอบเย่เข่อเอ๋อไปว่า “อย่าไปสนใจพี่สาวคุณเลย! สงสัยประจําเดือนจะมา ถึงได้อารมณ์เหวี่ยงไป เหวี่ยงมาแบบนี้!”
“นั่นสินะ เป็นไปได้! เอ๊ะ.. แต่ทําไมพี่เขยถึงรู้ว่าประจําเดือนพี่ใหญ่จะมา หรือว่าพี่เขย..” เย่เข่อเอ๋อหรี่ตา มองหลินหนานอย่างรู้ทัน
“นี่.. เธอกําลังคิดอะไรกัน เป็นเด็กเป็นเล็ก! ฉันกับพี่สาวของเธอเป็นสามีภรรยากันแค่เพียงในนาม พวกเราทั้งคู่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง! เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอรีบกลับห้องไปนอนพักผ่อนซะ ฉันเองก็จะขึ้นไปพักผ่อนแล้วเหมือนกัน!”
หลินหนานดุเย่เข่อเอ๋อพร้อมกับกรอกตามองบน ก่อนจะลุกเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที เย่เข่อเอ๋อมองตามร่างของหลินหนานที่รีบร้อนเดินออกไปจากห้องรับแขก ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับพึมพําว่า
“เชอะ! เป็นสามีภรรยาแค่เพียงในนาม เห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือยังไง?”
ทางด้านพ่อบ้านจู่ที่กลับมาอีกครั้ง ได้แต่ยืนมองพร้อมกับส่ายหน้าไปมา “เฮ้อ.. วุ่นวายน่าปวดหัว!”
หลินหนานตื่นนอนแต่เช้า..
หลังจากอาบน้ําล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า หลินหนานก็รีบตรงไปที่ห้องรับประทานอาหารทันที
พ่อบ้านฉ่ยืนมองหลินหนานด้วยสายตาอํามหิต ในระหว่างที่เขากําลังนั่งรับประทานอาหารเช้าที่ได้จัดเตรียมไว้ให้กับเยจิงเฉิง หลังจากสวาปามเข้าไปจนหมดไม่มีอะไรเหลือ หลินหนานก็เรอออกมาเสียงดง
การจะงัดข้อกับชายชราซึ่งเป็นพ่อบ้านประจําตระกูลเย่นั้น ต้องหน้าด้านอย่างหลินหนานจึงจะเอาอยู่!
วันนี้หลินหนานเลือกที่จะนั่งรถประจําทางไปที่บริษัท จิงเฉิงกรุ๊ปแทนการนั่งแท็กซี่ และเหตุผลที่เขาตัดสินใจโดยสารรถประจําทางไปนั้นก็เพราะว่า เช้านี้อากาศแจ่มใส แสงอาทิตย์อบอุ่นกําลังดี สาวๆจึงมักจะไม่รีรอที่จะสวมใส่กระโปรงสั้นเต่อกัน
แล้วหลินหนานจะพลาดโอกาสดีๆ ในการที่จะได้ชื่นชมขาอ่อนของสาวๆได้อย่างไรกันเล่า?
ในระหว่างที่หลินหนานกําลังนั่งรถประจําทางมุ่งหน้าไปที่บริษัทด้วยความสดใส หลิวเฉียนผู้จัดการฝ่ายขายก็กําลังหมดเรี่ยวหมดแรง
เวลานี้ ใต้ตาของหลิวเฉียนทั้งสองข้างดําคล้ําไม่ต่างจากหมีแพนด้า เขานั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาภายในห้องทํางานของตนเอง สายตาก็คอยแอบมองที่หน้าประตูเป็นครั้งคราว และดูกระวนกระวายใจอย่างมาก
หลังจากที่หลิวเฉียนวางสายจากหลินหนานไป และตกลงรับข้อเสนอของเขา หลิวเฉียนก็ไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับได้ตลอดทั้งคืน
เขามาถึงบริษัทตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เพื่อจะดูให้แน่ใจว่า หลินหนานยอมกลับมาทํางานตามที่รับปากไว้จริงๆ
เวลานี้ หลิวเฉียนรู้สึกขัดแย้งอยู่ภายในใจอย่างมาก ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้หลินหนานมาทํางาน เพราะการที่จะต้องวิ่งแก้ผ้าต่อหน้าสาธารณชนนั้น นับเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าอย่างมาก
ส่วนอีกใจหนึ่งนั้นก็กลัวว่า หากหลินหนานไม่มาทํางาน เขาจะต้องถูกไล่ออก ถึงตอนนั้น แม่เสือสาวที่บ้านคงต้องฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นแน่
หลิวเฉียนในตอนนี้ จึงมีสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
เขาไม่เคยรู้สึกเศร้า หรือท้อแท้เหมือนวันนี้มาก่อนเลย แม้กระทั่งตอนเขาสอบเอนทรานซ์ไม่ติด เขายังไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย!
“เฮ้อ! ฉันตั้งใจจะกดดันหมอนั่น แต่กลับกลายเป็นว่าฉันถูกกดดันซะเอง! ไม่น่าเลย.. ฉันไม่น่าทําลงไปเลย รนหาที่แท้ๆเชียว!” หลิวเฉียนบ่นไปก็ตบหน้าตัวเองด้วยความโมโหไปด้วย
ก๊อกๆๆ
ระหว่างที่เขากําลังเคร่งเครียดอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องทํางานของเขาก็ดังขึ้น
“เข้ามาได้ใ”
หลิวเฉียนลุกจากโซฟากลับไปนั่งที่โต๊ะทํางานของตนเองทันที ถึงแม้เขาจะรู้สึกท้อแท้ หรือกระวนกระวายใจมากเพียงใด แต่ต่อหน้าลูกน้องในแผนก เขาก็จําเป็นต้องแสดงอํานาจบารมีออกไปเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าหลังจากนี้ เกียรติยศหน้าตาที่เฝ้าสั่งสมมา จะต้องพังทลายลงไปก็ตาม!
ประตูห้องทํางานเปิดออก ร่างของหญิงสาวงดงามก็ปรากฏขึ้น..
“ฉินเสี่ยวยู่ เธอลางานสามวันไม่ใช่เหรอ? ยังไม่ครบสามวันเลย แล้วนี่กลับมาทํางานทําไมกัน?” หลิวเฉียนเหลือบมองฉินเสี่ยวยู่ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ดก็กัดฟันตอบหลิวเฉียนกลับไปว่า “ผู้จัดการหลิวคะ คือฉัน.. ฉันไม่ได้กลับมาทํางานค่ะ แต่ฉันมาเพราะเรื่องของหลินหนาน!”
“อะไรนะ?! นี่อย่าบอกนะว่าหลินหนานจะไม่รักษาคําพูด!” หลิวเฉียนร้องตะโกนถามออกมาเสียงดัง
ถึงแม้ฉินเสี่ยวยู่จะได้เตรียมใจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะต้องพบเจออะไรบ้าง แต่เธอก็ยังตกอกตกใจกลัวจนถึงกับผงะถอยหลังออกไปสองสามก้าว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก
“ผู้จัดการหลิวคะ ฉัน.. ฉันอยากจะมาขอร้องแทนหลินหนานค่ะ ได้โปรดอย่าไล่เขาออกเลยนะคะ! ความผิดของเขาก็ไม่น่าถึงขั้นต้องไล่ออก..”
“เอ่อ.. ที่แท้เธอมาพบฉันเพื่อพูดเรื่องนี้หรอกเหรอ?”
หลิวเฉียนถึงกับแอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาสงบสติอารมณ์เล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องห่วง ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว!”
ฉินเสี่ยวยู่ได้ยินแบบนั้น จึงรีบร้องบอกหลิวเฉียนด้วยน้ําเสียงวิงวอน “ผู้จัดการหลิวคะ ที่หลินหนานรีบร้อนออกไปจากบริษัทวันนั้น เป็นเพราะฉันโทรไปขอความช่วยเหลือจากเขา และขอให้เขาไปที่โรงพยาบาล..”
“ฉันบอกแล้วยังไงล่ะว่า ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอไม่จําเป็นต้องยุ่งเรื่องนี้อีก!” หลิวเฉียนตวาดฉินเสี่ยวยเสียงดัง เพราะคร้านที่จะทนฟังต่อ
“ผู้จัดการหลิวคะ ถ้าคุณยอมให้หลินหนานกลับมาทํางานที่นี่ ฉันจะขอเป็นฝ่ายลาออกแทนเขาเอง!”
ฉินเสี่ยวยู่จ้องมองใบหน้าเกรี้ยวกราดของหลิวเฉียน ด้วยแววตาที่มุ่งมั่นแน่วแน่ในขณะที่พูด และเรื่องครั้งนี้ เธอจะต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วยตัวเอง!
หลินหนานถูกหลิวเฉียนไล่ออกก็เพราะไปช่วยแม่ของเธอ ต่อให้เธอต้องตกงาน เธอก็ต้องตอบแทนบุญคุณของเขา
“ถึงกับยอมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นเชียวเหรอ? ได้! ในเมื่อเธออยากทําตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย ฉันก็จะสงเคราะห์ให้เธอได้สมหวัง!” หลิวเฉียนตอบกลับพร้อมกับยิ้มออกมา