ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 177
ตอนที่ 177 ขอโทษ
หลังจากที่ได้ยินเสียงเย้ายวนมีเสน่ห์ของหญิงสาวดังขึ้น ถังจินซ่งก็หันหลังกลับไปมองทันที และเมื่อพบว่า เจ้าของเสียงเป็นหลิวหยิงหยิง ที่สวมกระโปรงยาวคอวีสีดํากําลังก้าวเดินเข้ามาหานั้น เขาก็ถึงกับกลืนน้ําลายเข้าไปอีกใหญ่อย่างลืมตัว
ถังจินซ่งยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ “คิดไม่ถึงว่าจะพบเถ้าแก่หลิวที่นี่! แล้ววันนี้ไม่ได้พาชูรักแซ่หลินม ด้วยเหรอครับ?”
เมื่อได้ยินถังจินซ่งพูดพาดพิงถึงหลินหนาน สีหน้าและน้ําเสียงของหลิวหยิ่งหยิง พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
“ถังจินซ่ง! ระมัดระวังคําพูดด้วย อย่าคิดว่าเป็นคุณชายตระกูลถังแล้ว ฉันจะไม่กล้าทําอะไรคุณนะ!”
“เถ้าแก่หลิวโกรธเป็นจริงเป็นจังเชียวนะครับ! สงสัยไอ้คนแซ่หลินคงจะปรนนิบัติไม่ถึงใจสินะ? ถ้าอย่างนั้นก็ แวะมาหาผมได้ ผมจะช่วยดับไฟที่รุ่มร้อนให้เอง!” หวังชางหยางถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน พร้อมกับแววตาเป็นประกาย
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มทั้งสองเคยหวาดกลัวฐานะของหลิวหยิ่งหยิง จนไม่กล้าล่วงเกินเธอแม้แต่วาจา แต่ตอนนี้ทั้งคู่มีหลี่เฉวียนยู่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกว่าต้องเกรงใจ หรือเกรงกลัวหลิวหยิงหยิงอีก
ในเมื่อชายหนุ่มทั้งสองพูดจาไม่ให้เกียรติเช่นนี้ มีหรือที่หลิวหยิงหยิงจะสามารถอดกลั้นข่มความโกรธในใจไว้ได้อีก เธอจึงตอบโต้กลับไปด้วยสีหน้า และน้ําเสียงโกรธเกรี้ยว
“พวกคุณสองคนพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ต้องการที่จะหาเรื่องฉันสินะ?”
ถังจินซ่งทําเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าเถ้าแก่หลิวไม่พอใจ ก็โทรเรียกหลินหนานให้มาที่นี่ได้เลย!”
แม้หลิวหยิงหยิงจะเป็นหญิงสาวที่แกร่ง แต่ก็มีหลายคนในเมืองเจียงไฮว ที่อยากเห็นเธอกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าสาธารณชน อีกทั้งเวลานี้ หลินหนานกับหลี่เฉวียนยู่ก็ได้กลายมาเป็นศัตรูคู่แค้นกันแล้ว มีหรือที่ชายหนุ่มทั้งสองจะไม่รู้ว่าควรต้องทําอย่างไร? ในเมื่อคนทั้งคู่ก็ฉลาดเป็นกรด!
“คุณชายถังต้องการให้ฉันทําแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอ? ฉันเองก็เห็นคุณกลัวหลินหนานจนขึ้นสมองเหมือนกันนี่?”
จู่ๆ ใบหน้าโกรธเกรี้ยวทิ้งตึงของหลิวหยิงหยิงเมื่อครู่ พลันเปลื่นเป็นรอยยิ้มยั่วยวน เธอหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าใครบางคนที่ยืนอยู่ไกลๆ กําลังเดินตรงเข้ามาในจุดที่เธอและชายหนุ่มทั้งสองกําลังสนทนากันอยู่
“ห์! ผมนี่นะกลัวไอ้หมอนั่น! ถ้าเถ้าแก่หลิวกล้าพอ ก็โทรไปเรียกมันมาได้เลย ต่อให้มันยืนอยู่ตรงหน้า ผมก็ยังกล้าที่จะพูดแบบนี้!” ถังจินซ่งตอบกลับหลิวหยิงหยิงอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว
หวังชางหยางเองก็รีบร้องตะโกนเสริมต่อว่า “เถ้าแก่หลิว! อย่าคิดว่ามีหลินหนานคอยให้ท้าย ก็ทําตัวยิ่งใหญ่จนใครๆก็ไม่กล้าแตะต้องได้ล่ะ! คืนนั้น ถ้ามันไม่รีบหนีกลับไปก่อนล่ะก็ รับรองได้ว่าต้องมีจุดจบที่ไม่สวยแน่!”
ชายหนุ่มทั้งสองคนผลัดกันพูดจากระทบกระเทียบ และกระแนะกระแหนหลินหนานไม่หยุด ทั้งคู่ท่าตัวกร่างโดยไม่เกรงใจหลิวหยิ่งหยิงเลยแม้แต่น้อย!
เชอะ! นี่มันงานประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ คนที่เอาแต่ใช้กําลังอย่างมัน จะมีปัญญามาที่นี่ได้ยังไง?
“อย่างนั้นเชียวเหรอ? คืนนั้นฉันจะจบสวยหรือไม่สวย ก็ยังไม่รู้แน่? แต่วันนี้พวกนายสองคนจบไม่สวยแน่!”
แล้วน้ําเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลังของชายหนุ่มทั้งสองคน และนั่นทําให้รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา ทั้งคู่ถึงกับอันตรธานหายไปในทันที!
และเวลานี้ ชายหนุ่มทั้งสองก็แน่นิ่งไปราวกับรูปปั้นน้ําแข็ง พวกเขาจดจําได้อย่างแม่นยําว่า เสียงคุ้นหูนี้ก็คือเสียงของปีศาจที่ชื่อหลินหนาน!
“นี่แก.. แกมาที่นี่ได้ยังไง?”
หลังจากที่ได้สติ ถังจินซ่งก็รีบหันหลังกลับไปมอง พร้อมกับร้องตะโกนถามออกมาด้วยความตกใจ
ส่วนหวังชางหยางนั้น วินาทีที่หันไปเห็นหลินหนาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที และ หงื่อก็ไหลเปียกชุ่มเต็มหน้าผาก
เพราะถึงแม้หลินหนานจะกําลังยืนยิ้มสดใส และดูไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร อีกทั้งแววตาก็ไม่ได้มีความน่าสะพรึงกลัวเช่นกัน แต่ทั้งคู่ต่างก็เคยได้รับบทเรียนที่น่ากลัวจากหลินหนานมาแล้ว พวกเขาจึงหวาดกลัวหลินหนาน เข้าไปจนถึงจิตวิญญาณ
และที่สําคัญยิ่งกว่านั้น ชายหนุ่มทั้งสองยังได้เห็นความแข็งแกร่งของหลินหนาน ในงานเลี้ยงสมาคมเมิ่งหลานคืนนั้นแล้วด้วย!
“คุณชายถัง! ดูท่าความจําของนายคงจะสั้นมากเลยสินะ ถึงได้กล้าเรียกหาฉันไม่หยุดแบบนี้ ฉันจะทํายังไงดี นายถึงจะจดจําอะไรได้นานกว่านี้?” หลินหนานเอ่ยถาม พร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว
จําไม่ได้พ่อแกสิไอ้บ้า!
ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าแกอยู่ในงานนี้ด้วย?
แต่ถึงแม้ในใจจะรู้สึกหวาดกลัวเพียงใด แต่ถังจินซ่งก็ฝืนยิ้มออกมา และตอบโต้หลินหนานกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
“หึ! โลกกลมจริงๆเลยนะ! แต่พวกฉันสองคนยังมีอะไรต้องทําอีกมาก ไม่มีเวลามาเสวนากับคนอย่างแกหรอก!”
หลังจากพูดจบ ถังจินซึ่งก็คว้าแขนของหวังชางหยาง ที่กําลังยืนนิ่งด้วยความตกใจ พร้อมกับลากออกไปจากบริเวณนั้นทันที
“เดี๋ยวก่อน!”
แต่ก้าวเดินออกไปได้เพียงแค่สองก้าว เสียงร้องตะโกนห้ามก็ดังขึ้น จากนั้นร่างของหลินหนานก็พุ่งเข้ามาใกล้ร่างของชายหนุ่มทั้งสองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับวางฝ่ามือลงบนไหล่ของถังจินซ่ง
ถังจินซ่งรู้สึกว่า ไหล่ข้างนั้นของตนเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง ราวกับกําลังแบกภูเขาไว้ทั้งลูก และกว่าที่จะเค้นคําพูดออกไปได้ก็แสนจะลําบาก
“มี.. มีอะไรอีกล่ะ?!”
แรงกดจากฝ่ามือของหลินหนานนั้น ทําให้ถังจินซ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกเลย
“นายพูดจาดูถูก และทําตัวไร้มารยาทกับเถ้าแก่หลิวแล้ว แต่กลับทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจะยิ่งหนีไปง่ายๆแบบนี้ มันไม่กระจอกไปหน่อยเหรอ? นายควรจะต้องขอโทษเถ้าแก่หลิวก่อน!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
“นี่หลินหนาน! อย่างได้ข่มเหงกันจนเกินไปนัก! ที่ฉันยังให้เกียรติเสวนากับคนอย่างแก ก็เพราะเห็นว่าแกเป็นแขกในงานนี้เหมือนกัน แต่จะให้ฉันขอโทษผู้หญิงคนนี้ แกอย่าได้หวังเลย!” ถังจินซ่งตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางขึงขัง
หวังชางหยางที่เพิ่งจะได้สติและหายตกใจกลัว จึงได้ร้องตะโกนตอบโต้หลินหนานกลับไปว่า “นั่นน่ะสิ! ทําไมต้องให้คุณชายถังขอโทษผู้หญิงคนนี้ด้วย? อ่อ.. ฉันลืมไปว่าแกเป็นชูรักของ…”
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบกับเนื้ออวบอิ่มบนใบหน้าของหวังชางหยางรุนแรง และรอยนิ้วมือห้านิ้วก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันทีเช่นกัน
หลิวหยิงหยิงยืนมองหวังชางหยางด้วยสีหน้าเย็นชา แม้แต่เทพเจ้ายังมีหลายภาค หลิวหยิงหยิงเองก็มีทั้งความอ่อนหวานในแบบของหญิงสาว และมีความเข้มแข็งอย่างที่ชายชาตรีมีเช่นกัน!
“หลิวหยิงหยิง! นี่คุณกล้าตบหน้าผมเชียวเหรอ? อย่าคิดว่ามีหลินหนานคอยช่วยเหลือแล้วจะทําอะไรตามใจก็ได้นะ!” หวังชางหยางยกมือขึ้นปิดหน้า พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล
หลิวหยิ่งหยิงตอบกลับด้วยสีหน้า และน้ําเสียงนิ่งเรียบ “ที่ฉันตบหน้าเธอ เพราะเธอสมควรได้รับต่างหาก! ต่อให้หลินหนานไม่อยู่ตรงนี้ ถ้าเธอยังขึ้นพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระกับฉันอีก ฉันก็จะตบเธออีกเหมือนกัน!”
“อย่าลืมว่าฉันอาวุโสกว่าเธอ และฐานะทางสังคมก็นับว่าเหนือกว่าเธอ ในเมื่อเธอเองที่พูดจาไม่รู้จักที่ต่ําที่สูง และทําตัวไร้มารยาท ฉันในฐานะที่อาวุโสกว่า ย่อมต้องอบรมสั่งสอนเป็นธรรมดา แบบนี้จะเรียกว่าข่มเหงได้ยังไงกัน? ควรต้องเรียกว่าอาวุโสอบรมเด็กน่าจะถูกต้องกว่า!”
ถึงแม้ว่าหลิวหยิงหยิงจะเป็นหญิงสาวที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะมีดีแค่รูปร่างหน้าตาหาไม่แล้ว เธอคงจะไม่ได้เป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในเมืองเจียงไฮวแน่!
หากไม่ใช่เพราะยังเห็นแก่หน้าตระกูลหวัง หลิวหยิงหยิงคงจะไม่แค่ตบหน้าหวังชางหยางแน่ แต่คงจะตัดลิ้นของชายหนุ่มทิ้งไปแล้ว!
“โอ้โห!! คุณไม่ทําให้ผมผิดหวังจริงๆเถ้าแก่หลิว!”
หลังจากเอ่ยชมหลิวหยิงหยิงแล้ว หลินหนานจึงหันไปสั่งหวังชางหยางกับถังจินซ่งว่า “อย่ามัวแต่ยืนตกตะ ถึงเร็วเข้า.. ตอนนี้ทุกคนกําลังรอให้พวกนายสองคนขอโทษเถ้าแก่หลิวอยู่ อย่าทําให้ทุกคนผิดหวังล่ะ!”
หลินหนานยืนกอดอก พร้อมกับมองดูด้วยสีหน้าตื่นเต้น และเสียงร้องตะโกนของเขา ก็ดึงดูดสายตาของแขกเหรื่อที่อยู่ในห้องให้มาสนใจได้เป็นอย่างดี
“นั่นมันถังจินซ่งกับหวังชางหยางไม่ใช่เหรอ? ไม่เคยได้ยินว่ามีใครกล้าข่มเหงรังแกพวกเขาเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินอะไรแบบนี้!”
“นั่นน่ะสิ! ผู้หญิงที่ตบหน้าคุณชายหวังเป็นใครกันนะ? ดูท่าจะเป็นเมียน้อยของคนใหญ่คนโตสักคนแน่!”
ชายหนุ่มในรุ่นเดียวกัน ต่างก็พากันซุบซิบไม่หยุด และหลายคนที่ยังไม่รู้จักหลิวหยิงหยิง ก็เริ่มอยากจะรู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ
“อะไรกัน?! นี่.. แม้แต่เถ้าแก่หลิวเจ้าของโกลเดนท์พาเลซ พวกเธอยังไม่รู้จัก ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นชนชั้นสูงอีกเหรอ? ฉันว่าพวกเธอก็เป็นแค่เด็กเพิ่งตั้งตัวเท่านั้นล่ะ!”
“เท่าที่ฉันได้ยินมา ปกติเถ้าแก่หลิวเป็นคนอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส่ ไม่เคยข่มเหงรังแกใครไม่ใช่เหรอ? ดูท่าวันนี้คงจะเหลืออดมากสินะ?”
หลังจากนั้น หลายคนในห้องต่างก็พากันสงสัย และอยากรู้ฐานะที่แท้จริงของหลินหนาน..
“คณชายถัง..ฉันจะให้โอกาสนายขอโทษเถ้าแก่หลิวอีกครั้ง แต่ถ้ายังขึ้นดื้อด้านอีก ฉันก็จะไม่เสียเวลาคุยด้วยแล้วนะ!”
หลินหนานเหลือบมองถังจินซ่ง พร้อมกับร้องบอกด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน และฝ่ามือก็ออกแรงกดลงบนไหล่ของเขามากขึ้น
กรอบ..
เพียงแค่นั้น.. เสียงกระดูกลั่นก็ดังขึ้น และถังจีนซึ่งก็รู้สึกว่า ไหล่ของเขานั้นเหมือนกับกําลังถูกทับด้วยของที่มีน้ําหนักมาก หากหลินหนานออกแรงอีกเพียงแค่เล็กน้อย แน่นอนว่ากระดูกของเขาจะต้องหักออกจากกันแน่
พลังระดับปรมาจารย์ มีหรือที่ใครจะต้านทานได้ง่ายๆ!