ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 18
ตอนที่ 18 อาจารย์กับลูกศิษย์
หลิวเฉียนถึงกับนิ่งอึ้งไป!
ฉันไม่เคยเห็นใครเหมือนแกมาก่อนเลยหลินหนาน?
บังอาจพูดเรื่องเงินรางวัลกับฉันเรอะ? ช่างกล้านักนะ!
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการนี่นา..
หลิวเฉียนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “จริงสิ! นี่เป็นเรื่องที่ฉันได้หารือกับฝ่ายการเงินแล้ว ถ้าใครสามารถทวงหนี้ก้อนนี้ได้ บริษัทจะตบรางวัลให้แน่นอน!”
“งั้นก็ดี!! กรุณารักษาคำพูดด้วยล่ะ!” หลินหนานตอบกลับไปยิ้มๆ
ตอนนี้หลินหนานอารมณ์ดีอย่างมาก หลังจากที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะได้เงินรางวัลก้อนโต
ตรงข้ามกับฉินเสี่ยวยู่ที่ได้แต่นั่งเบะปาก และคิดในใจว่า หลินหนานช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย!
เขาไม่รู้เลยว่าใต้เงินรางวัลก้อนโตที่วางล่อใจนั้น ก็คือหลุมศพดีๆนี่เอง! แต่กลับกระโดดลงไปด้วยความโง่เขลา และเวลานี้ก็ยากที่จะถอนตัวทันแล้ว!
“เอาล่ะ.. ถ้าอย่างนั้นก็มาตกลงเรื่องนี้กันอีกทีดีกว่า!”
หลิวเฉียนสบโอกาส จึงรีบยื่นข้อเสนอให้หลินหนานทันที “ในเมื่อมีรางวัล ก็ต้องมีบทลงโทษด้วย ถ้าเธอทำสำเร็จ เธอก็จะได้รับเงินรางวัล แต่ถ้าเธอไม่สำเร็จ เธอก็ต้องได้รับบทลงโทษเช่นกัน!”
“เอาเป็นว่า.. ถ้าผมเก็บเงินลูกค้ารายนี้ไม่ได้ ผมจะเป็นฝ่ายไปจากที่นี่เอง!” หลินหนานเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ห๊ะ..”
“เห้ย..”
เสียงร้องอุทานดังออกมา หลายคนได้แต่คิดว่า ผู้ชายคนนี้ช่างพูดจายะโสโอหังเสียเหลือเกิน!
นี่เขาคิดว่าจิงเฉิงกรุ๊ปเป็นบริษัทโนเนมกระจอกๆหรือยังไง?
นี่เขารู้บ้างมั๊ยว่า มีคนตั้งมากมายที่อยากเข้ามาทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างจิงเฉิงกรุ๊ป?
หรือว่าเขาไม่ได้สนใจที่อยากจะทำงานจริงๆ?
“เยี่ยม!! ฉันชื่นชมในความเป็นลูกผู้ชายของเธอจริงๆ เอาล่ะ.. ฉันหวังว่าเธอจะทำงานนี้ได้สำเร็จล่ะ! ฮ่าๆๆๆ” หลิวเฉียนหัวเราะออกมาเสียงดัง ราวกับว่าได้รับชัยชนะแล้ว
รอยตีนกาผุดขึ้นเต็มใบหน้าของหลิวเฉียนทันทีที่เขาหัวเราะร่วน เขารู้สึกราวกับว่า ทุกอย่างช่างเหมาะเจาะลงตัวเสียเหลือเกิน คล้ายกับว่าเขากำลังง่วงนอน ก็มีคนยื่นหมอนนุ่มๆมาให้ทันที..
หลิวเฉียนรู้สึกว่า เขาแทบไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก เพราะจู่ๆ ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเสนอตัวไปจากที่นี่เอง
ง่ายเสียยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก..
“ขอบคุณผู้จัดการที่ไว้ใจผม ผมรับรองว่าจะทำหน้าที่นี่ได้สำเร็จอย่างแน่นอน!” หลินหนานตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“เสี่ยวยู่.. ในเมื่อคุณกับหลินหนานอยู่ทีมเดียวกัน คุณก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันกับเขาด้วย” หลิวเฉียนร้องบอก
หลิวเฉียนเกรงว่าจะถูกครหา ที่ปล่อยให้พนักงานใหม่อย่างหลินหนาน ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรออกไปทวงนี้ตามลำพังเช่นนี้ และเมื่อทำไม่สำเร็จกลับถูกไล่ออก เขาจึงต้องดึงฉินเสี่ยวยู่เข้ามาร่วมชะตากรรมด้วย
หากมีฉินเสี่ยวยู่ร่วมทีมด้วยแบบนี้ อย่างมากฉินเสี่ยวยู่ก็ต้องถูกไล่ออกไปพร้อมกับหลินหนานด้วย และหากเทียบกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของตนเอง และเงินเดือนที่จะเพิ่มขึ้น การเสียสละฉินเสี่ยวยู่จึงนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มมาก
“ฉันเหรอคะ?!!” ฉินเสี่ยวยู่เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ทำไม? หรือคุณมีปัญหา?” หลิวเฉียนขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ห้วน
“นี่คุณลืมกฏหลักของฝ่ายขายไปแล้วหรือยังไง?”
“ไม่ลืมค่ะ.. ต้องเชื่อฟังคำสั่งผู้จัดการ.. อย่างเคร่งครัด..” ฉินเสี่ยยู่กระซิบเสียงเบา
“เอาล่ะ เข้าใจก็ดี! นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปกินข้าวได้!”
หลิวเฉียนบอกกับทุกคนแล้ว เขาก็รีบหันหลังเดินออกนอกประตูไปทันที
ฉินเสี่ยวยู่รู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่ม และเธอเกือบจะเป็นลมล้มตกเก้าอี้ ในขณะที่คนอื่นๆที่เดินผ่านหลินหนานไปนั้น ต่างก็ตบบ่าเขาพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
หลินหนานพยักยิ้มตอบทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม..
เมื่อทุกคนในแผนกเดินออกไปจนหมดแล้ว ฉินเสี่ยวยู่จึงได้หันไปตะโกนใส่หน้าหลินหนานด้วยความโมโห
“นี่นายทำเรื่องโง่ๆอะไรลงไป.. รู้ตัวบ้างมั๊ย?”
อาจเป็นเพราะฉินเสี่ยวยู่โมโหอย่างมาก เธอจึงได้หายใจแรง จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงแทบทะลุออกมานอกเสื้อ
“ก็แค่รับงานทวงหนี้ จำเป็นต้องโมโหมากขนาดนี้เลยเหรอ?” หลินหนานถามขึ้นด้วยความงุนงง
“จะไม่ให้โกรธยังไงล่ะ!! ก็งานที่นายรับปากจะทำน่ะ มันไม่มีทางสำเร็จได้เลย! ลูกหนี้เจ้านี้เป็นลูกหนี้ที่เลวร้ายที่สุดในบริษัท เห้ย.. นายไม่เข้าใจหรอก!” ฉินเสี่ยวยู่คำรามออกมาเป็นชุดด้วยความโกรธ
หลินหนานกลัวว่าเสื้อของฉินเสี่ยวยู่จะฉีกขาดเสียก่อน จึงรีบปลอบโยนเธอ “นี่.. เลิกโมโหได้แล้ว หยุดโมโหก่อน เดี๋ยวเสื้อของเธอก็ขาดหมดหรอก!!”
“นี่นาย…”
ฉินเสี่ยวยู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงท้อแท้สิ้นหวัง ใบหน้าก็ซีดเผือด และได้แต่คิดว่า สวรรค์ต้องส่งหลินหนานมาลงโทษเธอ จากนั้นฉินเสี่ยวยู่ก็คว้ากระเป๋าลุกยืน พร้อมกับเดินฮึดฮัดออกไปทันที
“นี่.. คุณจะไปไหน? พวกเราสองคนต้องไปทวงหนี้ด้วยกันนะ อย่าลืมสิ!!” หลินหนานร้องตะโกนพร้อมกับวิ่งตามออกไปทันที
ฉินเสี่ยวยู่กัดฟันกรอด พร้อมกับจ้องมองหลินหนานด้วยดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอร้องตะโกนใส่หน้าหลินหนาน
“นี่นายยังเพ้อฝันว่าจะสามารถทวงหนี้ได้อีกงั้นเหรอ?!!”
จากนั้น ฉินเสี่ยวยู่ก็วิ่งออกนอกประตูไปทันที
เมื่อเห็นฉินเสี่ยวยู่วิ่งออกไปแบบนั้น หลินหนานก็ได้ทำหน้าพยักเพยิดพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เฮ้อ.. หน้าอกหน้าใจใหญ่ขนาดนั้น การทรงตัวก็ต้องไม่ดีเป็นธรรมดา เดี๋ยวก็หกล้มอีกจนได้!”
เสียงพูดของหลินหนานไม่ได้เบาเลย ฉินเสี่ยวยู่ที่ได้ยินเต็มสองหู และกำลังอยู่ในอารมณ์โมโหอย่างมาก เธอจึงไม่ทันได้ระมัดระวัง และเกือบจะสะดุดล้มลงอีกครั้ง
“นั่นไง.. พูดยังไม่ทันขาดคำ!” หลินหนานบ่นพึมพำพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
ฉินเสี่ยวยู่แทบอยากจะกรีดร้องออกมา!
วันนี้นับเป็นวันที่โชคร้ายที่สุดในชีวิตของเธอจริงๆ!
หลังจากที่ทั้งคู่เดินลงลิฟท์ไปด้วยกันแล้ว ฉินเสี่ยวยู่ก็มุ่งหน้าไปยังที่จอดรถทันที และเมื่อเห็นเธอหยิบกุญแจรถออกมาไขรถยนต์คันเล็กๆสีแดง หลินหนานก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้
“โอ้โห!! คิดไม่ถึงว่าคุณคนสวยจะมีรถขับด้วย!”
“ถ้านายจะไปกับฉันก็รีบๆขึ้นรถซะ! แต่ถ้ายังพล่ามอยู่แบบนี้ ก็นั่งแท๊กซี่ไปเองก็แล้วกัน!” ฉินเสี่ยวยู่ร้องตะโกนบอกด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าหมดความอดทน
“ไปๆ ผมไปด้วย!”
หลินหนานระล่ำระลักตอบ และรีบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งทันที!
รถคันนี้เล็กมาก และเมื่อเข้าไปนั่งด้านใน เขาก็สัมผัสได้ถึงความอึดอัด และไม่สบายทันที แต่เมื่อหันไปมองด้านข้าง ความอึดอัดก็พลันมลายหายไปทันที
เพราะเวลานี้สวรรค์ได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว!
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินหนานเห็นหน้าอกใหญ่โตของฉินเสี่ยวยู่ ถูกรัดรึงจนเน้นให้เห็นเนินอกกลมโตคู่นั้นอย่างชัดเจน และเขาก็ไม่รู้สึกอึดอัดอีกเลย
หลังจากรถแล่นไปได้ครู่หนึ่ง หลินหนานก็เริ่มรู้สึกว่า คงจะไม่ดีนักหากเขาจะเอาแต่จ้องมองอยู่เพียงแค่จุดเดียวเช่นนี้ เขาจึงได้ชวยฉินเสี่ยวยู่คุย
“คนสวย นี่เรากำลังจะไปที่ไหน?”
“เมโทรคอร์ปอเรชั่น..” ฉินเสี่ยวยู่ตอบเสียงห้วน
“ไปที่นั่นทำไมกัน?!!”
เอี๊ยด!!!
ฉินเสี่ยวยู่เหยียบเบรคอย่างแรง เพราะรถของเธอเกือบจะไปชนท้ายรถคันข้างหน้าเขา จากนั้นจึงหันไปตะคอกใส่หน้าหลินหนาน
“ยังจะกล้าถามอีก!! ก็ไปตามทวงหนี้ยังไงล่ะ นี่นายรับงานโดยไม่รู้แม้แต่ชื่อบริษัท แล้วก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?”
“เรื่องนั้นผมก็ต้องรู้อยู่แล้ว ผมคงไม่คิดว่าพวกเราจะต้องไปตามทวงหนี้บนดาวอังคารหรอกน่า..”
หลินหนานยักไหล่อย่างไม่แยแส พร้อมกับตอบยียวน
ฉินเสี่ยวยู่พยายามอดกลั้น และพยายามที่จะไม่สบถคำหยาบออกมา แต่เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทิ้ม
“ในเมื่อนายไม่รู้อะไรเลย ก็กรุณาหุบปากจะได้มั๊ย? แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก..”
“แหม่ๆๆๆ ไม่ได้!!”
หลินหนานยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง พร้อมกับพูดยิ้มๆ “นี่ได้เวลากินข้าวแล้ว และตอนนี้ผมก็หิวมากเลย..”
“ทนไปก่อน! หลังจากเสร็จงานแล้วค่อยกิน ถึงตอนนั้นนายอยากกินอะไรก็เชิญ!” ฉินเสี่ยวยู่ตอบกลับอย่างหมดความอดทน
“จะทนได้ยังไงกันคุณ? ผมเป็นคนนะไม่ใช่มนุษย์เหล็ก ต้องกินข้าว.. เพราะถ้าไม่กิน ก็จะต้องหิว!” หลินหนานตอบโต้กลับไปทันที
“นายหิว แต่ฉันไม่หิวนี่! ถ้านายอยากกินก็เชิญนายกินไปคนเดียวสิ!” ฉินเสี่ยวยู่ตอบกลับด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“แต่.. ผมไม่มีเงินติดตัวเลย!” หลินหนานเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย
“นายไม่เงินแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?” ฉินเสี่ยวยู่หันไปถามหลินหนาน
หลินหนานยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผู้จัดการหลิวสั่งให้คุณคอยดูแล และสอนงานผม นี่ถ้าเป็นยุคโบร่ำโบราณ เท่ากับว่าคุณเป็นอาจารย์ของผมเลยนะ ในฐานะอาจารย์ คุณจะทนเห็นลูกศิษย์หิวตายต่อหน้าต่อตาได้เหรอ?”
“…..”
ฉินเสี่ยวยู่ถึงกับพูดไม่ออก..
นี่เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกัน?!!
เหอะ.. ให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าวนี่นะ!! เฮ้อ.. หมดคำพูดจริงๆ!!
อาจารย์กับลูกศิษย์อย่างนั้นเหรอ?
ฉันไม่ได้อยากมีลูกศิษย์แบบนาย!!!