ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 34
ตอนที่ 34 ฉันคือผู้ชายห่วยแตก!
จางผิงดีใจอย่างที่สุด!
จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขารู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่จู่ๆกลับกลายเป็นว่า ศัตรูของเขาสะดุดตีนตัวเองล้มลงง่ายๆแบบนี้
ทำไมฉันถึงได้โชคดีแบบนี้นะ?
ฉันน่ะล่ะ.. คือผู้ที่มากับดวงของแท้!
แต่ในระหว่างที่จางผิงกำลังจะอ้าปากประกาศชัยชนะของตนเองนั้น ร่างของเขาก็ถึงกับชะงัก และนิ่งไปอีกครั้ง..
เพราะจู่ๆ หลินหนานก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับฉีกยิ้มให้ฉินเสี่ยวยู่
“เล่นบ้าๆ ฉันตกใจหมดเลย!” ฉินเสี่ยวยู่อยากจะชกหน้าหลินหนานสักหมัด แต่ก็หักห้ามใจไว้
หลินหนานหันไปยิ้มให้กับจางผิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณจาง.. นี่คุณคงจะหลงดีใจเพราะคิดว่าผมจะต้องเป็นฝ่ายแพ้สินะ?”
จางผิงถึงกับยิ้มเก้อ และเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองถูกหลอกไม่ต่างจากคนหน้าโง่..
“เอ่อ.. ผมได้คิดอะไรแบบนั้น”
จางผิงรีบปฏิเสธทันที และเวลานี้ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งอับอาย และโมโห ใครบ้างที่ถูกหลอกต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้จะไม่รู้สึกโกรธบ้าง
“เอาล่ะ.. ตอนนี้ผมก็ดื่มเหล้าขาวจนหมดชามแล้ว และไม่มีอาการเมา หรืออาเจียนด้วย” หลินหนานขยิบตาให้จางผิงในขณะที่พูด
ใบหน้าของจางผิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดอีกครั้ง เวลานี้สีหน้าของจางผิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากการแสดงเปลี่ยนหน้ากากของคณะงิ้วเสฉวนเลยแม้แต่น้อย
หลินหนานกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบๆ พร้อมกับร้องตะโกนถามทุกคนในร้านอาหาร
“ทุกท่านที่เป็นพยานในครั้งนี้ กรุณาบอกผมทีว่า ใครเป็นผู้ชนะ?”
“ก็ต้องเป็นคุณอยู่แล้ว!”
“ใช่ๆ เป็นคุณแน่นอน!”
“นี่.. อีกนิดคุณก็จะเป็นเทพไดโอนิซัสแล้วนะ!”
ผู้คนในร้านอาหารต่างก็เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา แต่ทั้งหมดล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ชนะก็คือหลินหนาน!
หลินหนานพยักหน้าอย่างพึงพอใจในผลลัพธ์ จากนั้นเขาจึงหันไปพูดกับจางผิงว่า “เอาล่ะ ได้เวลาที่คุณต้องทำตามสัญญาแล้ว!”
จางผิงถึงกับยืนตัวแข็ง และรู้สึกหายใจอย่างยากลำบาก ในใจได้แต่คิดว่า..
นี่มันควรจะเป็นบทพูดของเขาไม่ใช่หรือ?
เขาควรจะต้องอยู่ในฐานะผู้ชนะ และเป็นผู้ออกคำสั่งไม่ใช่หรือ?
“การเดิมพันย่อมมีทั้งแพ้ทั้งชนะ ในเมื่อฉันแพ้ ฉันก็ยอมรับ!” จางผิงเชิดหน้าตอบ
ต่อหน้าผู้คนมากมายที่เป็นพยานอยู่นี้ จางผิงจึงไม่กล้าที่จะบิดพริ้ว..
“เยี่ยมมาก! ผมชื่นชมในความเป็นคนตรงไปตรงมาของคุณมากจริงๆ!” หลินหนานประกาศเสียงดัง
“นายต้องการให้ฉันทำอะไร?”
จางผิงขมวดคิ้วในขณะที่ร้องถามหลินหนาน ในใจของเขาคิดไว้อยู่แล้วว่า หากผู้ชายคนนี้สั่งให้เขาทำอะไรที่มากเกินไป เขาคงต้องปฏิเสธ เพราะไม่ว่าอย่างไร หลินหนานก็ไม่สามารถบีบบังคับเขาได้
“ก็ไม่มีอะไรยากมาก! คุณก็แค่วิ่งไปรอบๆร้าน พร้อมกับร้องตะโกนว่า ผมเป็นผู้ชายห่วยแตก! ผมมันไอ้หน้าโง่! สัก.. หนึ่งร้อยรอบก็พอ ห้ามน้อยกว่านั้น!” หลินหนานบอกข้อเสนอของตนเอง
จางผิงถึงกับหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ!
นั่นเพราะสิ่งที่หลินหนานสั่งให้เขาทำนั้น นับเป็นเรื่องที่หยามเกียรติหยามศักดิ์ศรีของเขาอย่างมาก แต่หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่จางผิงต้องการให้หลินหนานทำแล้วล่ะก็ เรื่องนี้ยังนับว่าเบากว่าการให้คนอื่นคุกเข่า แล้วเรียกตนเองว่าพ่อเสียอีก!
แต่นับว่าเป็นคำขอที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก นั่นเพราะหากไม่ยอมทำ ก็จะถูกผู้อื่นตราหน้าว่าเป็นคนไม่รักษาคำพูด แต่หากยอมทำ ก็เท่ากับเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง!
ปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่ก็ยากที่จะยอมรับ!
ฉินเสี่ยวยู่ได้แต่ยืนนิ่ง และรู้สึกว่าผู้ชายที่ทำเช่นนี้ได้ กลับดูเท่ห์และหล่อขึ้นได้ในทันที!
“ว่ายังไงครับคุณจาง.. หรือคิดที่จะไม่รักษาคำพูด แล้วกลืนน้ำลายตัวเอง?” หลินหนานถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ได้.. ฉันยอมทำก็ได้!” จางผิงกัดฟันกรอด
ก็แค่พูดประโยคบ้าๆนั่น มันจะอะไรนักหนาเชียว!
อ้ายเฉวี่ยที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากพื้นได้ ถึงกับจะเป็นลมล้มลงไปอีกครั้ง เมื่อได้ยินจางผิงตอบรับเช่นนั้น และรีบร้องตะโกนห้ามจางผิงทันที
“นี่.. ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นแน่!”
“เธอเป็นผู้หญิงจะไปรู้อะไร? ถอยไป!!” จางผิงตวาดใส่หน้าอ้ายเฉวี่ยอย่างหมดความอดทน
“ได้!! ถ้านายยอมทำ วันนี้พวกเราสองคนตัดขาดกัน! ฉันทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ไม่ได้!”
หลังจากพูดจบ อ้ายเฉวี่ยก็วิ่งหนีออกจากร้านอาหารไปทันที จางผิงหน้าเสีย แต่ก็ไม่ยอมวิ่งตามอ้ายเฉวี่ยไป
จางผิงหันไปมองหลินหนานด้วยแววตาเคียดแค้น พร้อมกับกัดฟันกรอด ก่อนจะร้องตะโกนออกไปว่า
“ฉันเป็นผู้ชายห่วยแตก! ฉันเป็นผู้ชายหน้าโง่!”
“ดีมาก!!” หลินหนานพยักหน้าด้วยความพอใจ
จางผิงวิ่งไปรอบๆร้านพร้อมกับร้องตะโกนไปตลอดทาง “ฉันเป็นผู้ชายห่วยแตก! ฉันเป็นผู้ชายหน้าโง่!”
ลูกค้าในร้านต่างก็พากันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายคลิปไว้ และพากันหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
ผู้คนที่เดินไปเดินมานอกร้าน ต่างก็พากันชี้ไปทางจางผิง พร้อมกับซุบซิบ และหัวเราะออกมาเช่นกัน
สมน้ำหน้า.. ไอ้ผู้ชายห่วยแตก!
ฉินเสี่ยวยู่ยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ ในที่สุด สิ่งที่เป็นเสมือนปมในใจของเธอก็ถูกคลายออกเสียที ฉินเสี่ยวยู่จึงหันไปกระซิบกับหลินหนานเสียงเบา
“ขอบคุณนายมาก!”
“ขอบคุณผมเรื่องอะไรกัน หมอนั่นหาเรื่องใส่ตัวเองต่างหาก!” หลินหนานตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มกว้าง
“นายเป็นยังไงบ้าง? ดื่มเหล้าเข้าไปตั้งมากมายขนาดนั้น..” ฉินเสี่ยวยู่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ในใจก็รู้สึกผิดหวังเล็กๆ
“สบายมาก! ผมเป็นพวกดื่มหนักอยู่แล้ว จะเรียกว่ากินเหล้าแทนน้ำเลยก็ได้ แต่ว่า.. ตอนนี้ผมปวดฉี่มากเลย!” หลินหนานตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ฉินเสี่ยวยู่ถึงกับจ้องมองหลินหนานด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็เริ่มคุ้นเคยกับอุปนิสัย และวิธีพูดจาของเขามากแล้วเช่นกัน หลินหนานเป็นคนปากพล่อย คิดแบบไหนก็พูดออกมาแบบนั้น
และในที่สุด จางผิงก็วิ่งครบสิบรอบ และร้องตะโกนออกมาครบหนึ่งร้อยครั้งพอดี!
เขาวิ่งเข้ามาหาหลินหนานพร้อมกับหายใจหอบ และบอกไปว่า “ฉันทำครบตามสัญญาแล้ว!”
“เยี่ยมมากคุณจาง.. คุณนับว่าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ผมชื่นชมคุณจริงๆ!” หลินหนานตอบกลับไปพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
แต่มีหรือที่จางผิงจะรับรู้ไม่ได้ว่า หลินหนานจงใจพูดประชดประชันตนเอง จึงได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“โลกใบนี้มันกลม.. พวกเราต้องได้พบกันอีกแน่!”
หลังจากนั้น จางผิงก็หันหลังวิ่งจากไป และตามอ้ายเฉวี่ยไปทันที
“นี่.. ไอ้ผู้ชายห่วยแตก อย่าให้ฉันต้องรอนานนักล่ะ!” หลินหนานร้องตะโกนไล่หลังจางผิงไป
ทุกคนในร้านต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น..
จางผิงกัดฟันกรอด และยังคงวิ่งต่อไปไม่หยุด เขาแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของหลินหนาน
หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว หลินหนานกับฉินเสี่ยวยู่จึงนั่งรับประทานอาหารกันต่ออย่างเอร็ดอร่อย
แต่หลังจากที่บริกรส่งบิลค่าอาหารให้ หลินหนานก็ถึงกับหน้าเสียขึ้นมาทันที
“อะไรกัน?!! นี่ฉันต้องจ่ายค่าเหล้าทั้งกล่องแทนหมอนั่นด้วยเหรอ? ควรเป็นเขาที่ต้องจ่ายถึงจะถูก!” หลินหนานร้องตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด
“เอ่อ.. พวกคุณสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอกเหรอครับ? ผมยังรู้สึกว่าพวกคุณสองคนเป็นเพื่อนที่แปลกมาก..” บริกรบอกหลินหนานด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อย่าพูดเพ้อเจ้อน่า! หมอนั่นหน้าตาไม่เอาไหน ส่วนฉันหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ จะให้ฉันไปเป็นเพื่อนกับคนขี้เหร่แบบนั้นได้ยังไงกัน!” หลินหนานตอบกลับเสียงห้วน
ฉินเสี่ยวยู่เห็นท่าทางหงุดหงิดอารมณ์เสียของหลินหนาน ก็ถึงกับหัวเราะออกมา และพูดขึ้นว่า
“นี่หลินหนาน.. ฉันจ่ายค่าเหล้าให้เองก็ได้!”
“ไม่เป็นไร ผมก็แค่หงุดหงิดที่ต้องมาจ่ายค่าเหล้าให้หมอนั่นเท่านั้นเอง!” หลินหนานตอบกลับไปในขณะที่ล้วงกระเป๋าเงินออกมา
หลินหนานหยิบเงินในกระเป๋าจ่ายไปด้วยความรู้สึกเสียดาย และเจ็บปวดใจอย่างมาก
เฮ้อ.. ไม่น่าเล่นจนลืมตัวแบบนี้เลย!
ฉินเสี่ยวยู่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข อาจเป็นเพราะสีหน้าอมทุกข์ของหลินหนานก็เป็นได้ เธอจึงรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ระหว่างที่เดินออกจากร้านอาหาร ฉินเสี่ยวยู่จึงหันไปพูดกับหลินหนานว่า “หลินหนาน วันนี้ฉันมีความสุขมากจริงๆ!”
“มีความสุขก็ดีแล้ว!”
แต่ภายในใจของหลินหนานกลับคิดว่า ‘เฮ้อ.. เธอมีความสุข แต่ฉันกลับรู้สึกห่อเหี่ยวใจ!’
“ถ้างั้นพวกเราสองคนก็แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน!”
ฉินเสี่ยวยู่แกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ภายในใจของเธอนั้นกำลังคิดว่า ‘นายน่าจะชวนฉันไปดูหนัง หรือไม่ก็ไปหาร้านกาแฟนั่งดื่มกันต่อนะ!’
“อืมม.. ก็ดีเหมือนกัน!” หลินหนานตอบกลับไปทันที
เมื่อได้ยินคำตอบของหลินหนาน สีหน้าของฉินเสี่ยวยู่ก็ถึงกับเปลี่ยนเป็นผิดหวังเศร้าสร้อยขึ้นมาทันที!
ไอ้บ้าเอ๊ย!! นี่นายไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงบ้างหรือยังไง?!!
ฉันบอกกับนายแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากให้มันเป็นแบบนั้นสักหน่อย!
แต่ในเวลานั้นเอง เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นเสียก่อน!
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป!”
เป็นเสียงของจางผิงนั่นเอง..
————-
ไดโอนิซัส (dionysus) เป็นเทพที่ได้รับการยกย่ององค์หนึ่งในคณะเทพโอลิมเปียน และยังเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลายในฐานะเทพผู้พบและผู้ครองผลองุ่น อีกทั้งยังเป็นเทพผู้ครองน้ำองุ่น ตลอดจนความมึนเมาเนื่องด้วยการดื่มน้ำองุ่นด้วย