ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 75
ตอนที่ 75 ชั่วช้า!
หลินหนานหยิบกล่องใบนั้นขึ้นมา และทำการพินิจพิจารณาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง..
หลังจากทำการเทียบกับเภสัชตำรับที่ของตนเองมี ในที่สุด หลินหนานก็ได้รู้ว่ามันคือสมุนไพรอะไรกันแน่
แท้ที่จริงแล้วนี่คือสมุนไพรที่สามารถใช้รักษาโรคได้ครอบจักรวาล ชื่อของมันก็คือ ‘ลิ่วชิงฮัว หรือบุหงาหกกลีบ’
ทุกสิ่งในโลกล้วนมีพลังวิญญาณ!
ในผืนแผนดินจีนที่กว้างใหญ่นี้ มีสิ่งมหัศจรรย์ และสมุนไพรวิเศษล้ำค่าอยู่มากมาย และลิ่วชิงฮัวก็เป็นหนึ่งในสมุนไพรวิเศษที่หาได้ยากยิ่งนัก
ถิ่นกำเนิดของมันคือเหนือยอดเขาขึ้นไปหลายกิโลเมตร ดอกไม้ชนิดนี้ไม่สามารถถูกแสงอาทิตย์โดยตรงได้ จึงเจริญเติบโตอยู่ในบริเวณถ้ำหน้าผาที่มีลักษณะร่มรื่น และอาศัยน้ำค้างยามเช้าซึ่งไร้มลพิษเป็นอาหารหล่อเลี้ยง
‘ลิ่วชิงฮัว’ ใช้เวลาในการเจริญเติบโตนานถึง 100 ปี กว่าที่จะออกดอกได้ และกลีบของมันแต่ละกลีบนั้น ต้องใช้เวลานานถึง 100 ปีเลยทีเดียวกว่าที่จะผลิงอกออกมาได้แต่ละกลีบ ฉะนั้นกว่าที่ดอกของมันจะมีกลีบดอกครบทั้งหกกลีบ จึงต้องใช้เวลานานถึง 600 ปีเลยทีเดียว
แม้สิ่งนี้จะเป็นถึงสมุนไพรครอบจักรวาลอายุกว่าเจ็ดร้อยปี แต่ก็ยังจัดว่าเป็นสมุนไพรธรรมดาๆสำหรับหลินหนาน แต่เวลานี้สมุนไพรต้นนี้กลับเป็นประโยชน์ต่อเขายิ่งนัก
หลังจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียด และจริงจังของหลิงหนาน ที่เอาแต่จับจ้องสำรวจดูสมุนไพรต้นนี้อยู่นาน ผู้เฒ่ากู่จึงได้รู้ว่า นี่จะเป็นของขวัญที่หลินหนานต้องการ เขาจึงหัวเราะออกมาเบาๆ และบอกกับเขาว่า
“คุณชายหลิน หากสมุนไพรนี้เป็นประโยชน์กับคุณ ผมก็ขอมอบสิ่งนี้ให้กับคุณเป็นของตอบแทน..”
พูดง่ายๆก็คือ เขายินดีมอบสมุนไพรล้ำค่านี้ให้กับหลินหนานฟรีๆนั่นเอง..
“จะดีเหรอครับ?! นี่เป็นสมุนไพรที่ล้ำค่ามาก ผมคงไม่กล้ารับไว้..” หลินหนานรีบปฏิเสธทันที
แม้ว่าหลินหนานจะมีเงินไม่มากพอ แต่เขาก็จะมีคติประจำใจว่า จะไม่คดโกง หรือหลอกลวงผู้อื่น!
มูลค่าของสมุนไพรลิ่วชิงฮัวนั้น หากนำออกมาขายย่อมได้ราคาที่สูงลิบลิ่ว อีกทั้งยังเป็นมรดกตกที่บรรพชนตระกูลกู่ได้ทิ้งไว้ให้ลูกหลานอีกด้วย การที่ผู้เฒ่ากู่จะยกให้กับเขาฟรีๆเช่นนี้ แน่นอนว่าหลินหนานไม่สามารถรับไว้ได้จริงๆ
“คุณชายหลิน อย่าลืมว่าคุณเป็นผู้มีพระคุณต่อผม ต่อตระกูลกู่ของผม นี่คือของตอบแทนที่ผมอยากจะมอบให้กับคุณจริงๆ ขอบคุณที่คุณได้ช่วยชีวิตของลูกหลานตระกูลกู่ไว้..”
“ไม่เพียงเท่านั้น คุณชายหลินยังช่วยจัดการกับหลานสาวหัวดื้อของผมอีกด้วย ไม่อย่างนั้น แม้แต่ผมเองก็จนปัญญาที่จัดการเรื่องนี้..”
ผู้เฒ่ากู่ร้องบอกหลินหนานด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม และท่าทางของเขาก็จริงจังหนักแน่นมากยิ่งขึ้น
“คุณชายหลิน ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ต้องรับไว้!”
หลินหนานยังคงปฏิเสธอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุด เขาก็คิดหาหนทางที่จะไกล่เกลี่ยตกลงในเรื่องนี้ได้
“อาวุโสกู่ ขอบอกตามตรงว่าผมจะไม่ยอมรับสิ่งใด โดยไม่ตอบแทนคืนกลับไป และเพื่อเป็นการตอบแทนอาวุโส ผมจะเขียนใบสั่งยาที่จะช่วยยืดอายุของคุณให้ยืนยาวมากขึ้นให้เป็นการตอบแทน..”
“โอ้!! ดี! ดีมากๆ” ผู้เฒ่ากู่รีบพยักหน้าด้วยความดีอกดีใจ
หลินหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมือเขียนบางสิ่งบางอย่างลงบนกระดาษ และหลังจากที่ได้อ่านใบสั่งยานั้น ผู้เฒ่ากู่ก็ถึงกับมีสีหน้าตกอกตกใจอย่างมาก
นั่นเพราะเขาเป็นแพทย์แผนจีนที่เชี่ยวชาญ จึงรับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพของใบสั่งยานี้ได้เป็นอย่างดีว่า สมุนไพรต่างๆที่ระบุอยู่ในใบสั่งยาฉบับนี้ นับว่าเหนือกว่าใบสั่งยาที่เชื่อว่าจะยืดอายุให้ยืนยาวได้อีกหลายๆฉบับ และนั่นยิ่งทำให้ผู้เฒ่ากู่คลายความสงสัยในตัวหลินหนานมากขึ้นไปอีก
“ไม่นะคุณชายหลิน! ใบสั่งยานี้มีมูลค่ามากยิ่งกว่านัก นี่เท่ากับผมเอาเปรียบคุณชายหลินมากเกินไป..”
“อาวุโสกู่ ผมขอบอกตามตรง ใบสั่งยานี้จะทำให้คุณกลายเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากยิ่งกว่าเดิม แต่ได้โปรดอย่านำชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง กรุณาอย่าให้ใครแกะรอยมาถึงผมได้..”
หลินหนานพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “แต่ถ้าคุณอยากจะให้ใบสั่งยานี้เป็นประโยชน์กับคนอีกจำนวนมาก ผมหวังว่าคุณจะขายยานี้ในราคาที่ถูก เพื่อให้คนอีกหลายคนได้รับประโยชน์จากใบสั่งยาฉบับนี้ไปด้วย..”
“ครับ.. ครับ.. ผมจะทำตามที่คุณชายหลินบอก!” ผู้เฒ่ากู่พยักหน้าหงึกๆ
แม้บุหงาหกกลีบจะเป็นสมุนไพรลี้ลับและล้ำค่ายิ่งนัก และเขาเองก็รู้ว่านี่เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเองก็ไม่เคยล่วงรู้ความลับของสมุนไพรชนิดนี้เลย ต่อให้เก็บไว้ต่อไป ก็คงไม่ต่างจากของประดับดาตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องการที่จะมอบให้กับหลินหนานแทนคำขอบคุณ แต่ใบสั่งยาที่หลินหนานเพิ่งจะเขียนให้เขานั้น กลับล้ำค่ามากเสียยิ่งกว่า..
และหากนำใบสั่งยานี้ไปผลิตออกมาเป็นยาในจำนวนมากๆ ย่อมสามารถทำเงินได้อย่างมากมายมหาศาลทีเดียว
ด้วยใบสั่งยาใบนี้เพียงใบเดียว ตระกูลกู่จะไม่เพียงแค่ร่ำรวยขึ้นอย่างเหลือเชื่อ แต่ยังจะสามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงส่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย ผลประโยชน์ที่ตระกูลกู่จะได้รับนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง!
“อาวุโสกู่ ไม่ทราบว่าโกดังเก็บสมุนไพรของคุณอยู่ที่ไหน?” หลินหนานเอ่ยถามออกมา เมื่อคิดว่ายังมีสมุนไพรอีกหลายอย่างที่เขาต้องหาซื้อกลับไปด้วย
“อยู่ด้านหลังหอฟู่ซิง ที่ผมเพิ่งจะพาคุณเข้าไปเมื่อครู่..” ผู้เฒ่ากู่ตอบหลินหนานกลับไป แต่สายตากลับยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบสั่งยาในมือแน่นิ่ง
“อาวุโสนั่งอ่านใบสั่งยาไปก็แล้วกัน เดี๋ยวผมเดินไปที่โกดังเอง..”
หลินหนานลุกขึ้นยืน และเดินตรงเข้าไปที่โกดังเก็บสมุนไพรที่อยู่ด้านหลังทันที และเมื่อเข้าไปถึงโกดังเก็บสมุนไพร หลินหนานจึงได้ตระหนักว่า ตระกูลกู่นั้นร่ำรวยมากเพียงใด..
เพราะภายในโกดังสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่นั้น มีสมุนไพรอยุ่หลากหลายชนิด อีกทั้งยังมีจำนวนมากมายมหาศาล ภายในโกดังมีระบบควบคุมอุณหภูมิไว้อย่างเหมาะสม การจัดเก็บสมุนไพรแบ่งแยกตามชนิด และมีการปิดผนึกไว้เป็นอย่างดี
สมุนไพรแต่ส่วนล้วนมีชื่อติดอยู่อย่างละเอียด จึงไม่ยากสำหรับหลินหนานที่จะค้นหา และไม่นานนัก เขาก็สามารถรวบรวมสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ได้ถึงสองถุงใหญ่ๆ
ระหว่างทางที่หิ้วถุงสมุนไพรทั้งสองออกมานั้น สายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นชั้นวางของขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหัวมุมด้านในสุดเข้า
หลินหนานจึงได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน แต่ก่อนที่จะทันได้เข้าไปใกล้ชั้นวางของนั้น เขาก็ได้กลิ่นเหม็นน่ารังเกียจโชยมาเสียก่อน
หลินหนานพยายามอดทนต่อกลิ่นเหม็นนั้น และเมื่อเข้าไปในบริเวณนั้น เขาก็ได้เอื้อมมือไปเปิดปากถุงพลาสติกถุงหนึ่งดู จึงได้พบว่าภายในมีสมุนไพรเน่าจนเป็นเชื้อราบรรจุอยู่ จึงได้ส่งกลิ่นเหม็นออกมาเช่นนั้น
“น่าแปลก! สมุนไพรเน่าเสียพวกนี้น่าจะถูกนำไปทำลายทิ้ง แต่ทำไมถึงได้ยังเก็บอยู่ที่นี่นะ?”
หลินหนานเงยหน้าขึ้นสำรวจชั้นใหญ่ทั้งชั้น แต่แล้วเขาก็ต้องถึงกับขนหัวลุก ร่างกายชาไปทั่วทั้งร่าง เมื่อพบว่าทั้งชั้นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรหมดอายุทั้งสิ้น
“นั่นใครน่ะ?! กล้าเข้ามาขโมยสมุนไพรในโกดังเชียวเหรอ? จะออกไปดีๆ หรือจะให้ฉันแจ้งตำรวจ”
แต่แล้วจู่ๆ เสียงร้องตะโกนเรียกนั้นก็ทำให้หลินหนานหลุดจากภวังค์ เขาหันกลับไปมองด้านหลัง และพบซูเล่ยกำลังยืนนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา จึงได้ตอบกลับไปว่า
“อาวุโสกู่ให้ฉันมาหยิบสมุนไพรที่นี่เอง!”
“งั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยล่ะ!” ซูเล่ยทำเสียงเย้ยหยัน
“แม้กระทั่งอาวุโสกู่อนุญาตแล้ว ยังต้องบอกนายด้วยอีกงั้นเหรอ?” หลินหนานเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แน่นอน! ในเมื่อฉันเป็นคนดูแลหอฟู่ซิงนี้ทั้งหมด ฉันจึงจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง..” ซูเล่ยตอบกลับพร้อมกับเชิดหน้าอย่างยะโส
“อ่อ.. นายเป็นเจ้าของหอฟู่ซิงหรือยังไง?” หลินหนานถามกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ก็แล้วแต่นายจะคิด เอาล่ะ ในเมื่อรู้แล้ว ก็รีบๆออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!” ซูเล่ยตะโกนไล่หลินหนานอย่างหมดความอดทน
ในระหว่างที่พูดนั้น ซูเล่ยมักจะชำเลืองมองไปที่ชั้นวางสมุนไพรด้านในสุดอยู่บ่อยๆ คล้ายมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในใจ
หลินหนานเองก็สังเกตเห็นท่าทาง และสายตาของซูเล่ย จึงได้วางถุงสมุนไพรทั้งสองในมือลง พร้อมกับถามขึ้นว่า
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด กองสมุนไพรหมดอายุพวกนี้ คงจะทำเงินให้นายเป็นกอบเป็นกำเลยสินะ!”
“นี่แกพูดอะไร?!” ซูเล่ยร้องตะโกนสวนกลับไปด้วยความโมโห
“ฉันแค่กำลังคิดว่า ถ้าขายสมุนไพรเน่าๆแล้วก็หมดอายุพวกนี้ จะทำเงินได้มากขนาดไหนอยู่น่ะสิ?” แววตาของหลินหนานเป็นประกายอย่างรู้ทัน
ซู่เลยถึงกับตกใจ และนึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าหลินหนานจะสามารถล่วงรู้ความจริงได้..
เขาหันมองไปรอบตัว และเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในโกดังด้วย จึงหันไปพูดกับหลินหนานด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก.. ฉันเป็นคนดูแลสมุนไพรทั้งหมดในโกดังนี้ ฉันจะจัดสมุนไพรเน่า หรือหมดอายุตามใบสั่งยาให้กับลูกค้า มันก็เรื่องของฉัน..”
“แกทำแบบนี้ไม่กลัวว่าลูกค้าจะจับได้หรือยังไง?” หลินหนานถามกลับไปพร้อมกับยิ้มเย็นชา
“ไม่มีทาง! คนไข้พวกนั้นเชื่อใจแต่หมอ ไม่มีทางมาสนใจหรอกว่าสมุนไพรจะหมดอายุหรือเปล่า? อีกอย่าง.. หลานสาวของท่านหมอเองก็ไม่สนใจธุรกิจของหอฟู่ซิง ไม่มีท่านหมอแล้ว กิจการก็คงต้องปิดอยู่ดี..” ซูเล่ยตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ
“การกระทำของมนุษย์ล้วนอยู่ในสายตาของเทพเจ้าเบื้องบน นี่นายไม่กลัวว่ากรรมที่ได้ทำลงไปจะกลับมาสนองคืนบ้างหรือยังไง?”
“กรรมงั้นเหรอ? ตลกสิ้นดี! นี่นายไม่เคยได้ยินบ้างเหรอว่า.. คนยิ่งดียิ่งอายุสั้น แต่คนทำชั่วกลับอายุยืนเป็นพันปี!”
“ฉันจะบอกอะไรให้ คนอย่างซูเล่ยไม่เคยเชื่อเรื่องบุญกรรม ฉันเชื่อในอำนาจเงินเท่านั้นเว้ย!! มีเงินซะอย่างจะทำอะไรก็ได้..”
ซูเล่ยบอกกับหลินหนานอย่างภาคภูมิใจ และยิ้มออกมาอย่างไม่รู้สึกสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“แต่น่าเสียดายที่นายจะไม่มีโอกาสทำชั่วอีกแล้ว.. เพราะเวลานี้อาวุโสกู่ได้รู้เรื่องนี้แล้ว!” หลินหนานส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเอ่ยตอบ
“แกไม่ต้องมาขู่ ฉันไม่เชื่อแกหรอก!” ซูเล่ยตอบกลับไปอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว
“ไม่เชื่อก็ลองหันหลังกลับไปดูสิ!”