ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 98
ตอนที่ 98 สังหรณ์ใจ
หลินหนานเห็นสีหน้าของหลิวหยิงหยิงเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีนัก จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูทางเข้าโรงแรมทันที
แล้วเขาก็พบเห็นคนสองคนกำลังก้าวเดินเข้ามา..
ชายทางด้านซ้ายมือมีรูปร่างเตี้ยและอ้วนท้วน ใบหน้าของเขายิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา ดูราวกับพระโพธิสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา
ส่วนชายทางด้านขวามือนั้น สวมเสื้อแขนยาว และรองเท้าที่ทำจากผ้า ผมที่ตัดสั้นนั้นมีสีขาวโพลน ใบหน้าบ่งบอกถึงความหยิ่งผยอง ลักษณะท่าทางของคนผู้นี้ดูราวกับบัณฑิตในยุคสมัยโบราณ
หลินหนานเฝ้าสังเกตดู และสำรวจมองชายทั้งสองคนอย่างละเอียด..
เขาพบว่า ชายที่อยู่ทางด้านขวามือนั้น มือข้างหนึ่งมีถึงหกนิ้ว และนิ้วแต่ละนิ้วก็ค่อนขางยาวมาก ข้อนิ้วมือแต่ละข้อปูดโปนใหญ่กว่าคนปกติเล็กน้อย
“ผู้ชายอ้วนเตี้ยทางด้านซ้ายมือชื่อว่าหลิวจื่อหยาน ฉายาของเขาก็คือพยัคฆ์หน้ายิ้ม และเป็นหนึ่งในสามพยัคฆ์แห่งลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงและฮวงโห ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา และดูคล้ายกับพระโพธิสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังคือเขาก็คือคนทรยศ และเป็นคนที่ร้ายกาจมาก ชายคนนี้รับมือได้ยากกว่าจางเฉิง ซึ่งมีฉายาพยัคฆ์ภูผาที่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงก่อนหน้านี้เสียอีก..”
หลิวหยิงหยิงกระซิบบอกหลินหนานเสียงเบา พร้อมกับแนะนำเบื้องหลังของแต่ละคนให้เขาฟังอย่างละเอียด
“ส่วนคนที่อยู่ทางขวามือชื่อว่าหยานลู่เฟิง ฉายาของเขาก็คือปรามาจารย์หกนิ้ว เขาเป็นผู้ที่รวบรวมนักเลงในโลกธุริกิจใต้ดินในเจียงเป่ยให้เป็นหนึ่งเดียว แต่เพราะเขาชื่นชอบและหลงไหลการฝึกกำลังภายใน เมื่อขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว จึงได้ถอนตัวเองออกมา..”
“ฉันเองก็เคยได้ยินมาว่า หยานลู่เฟิงคนนี้ได้เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนแล้ว ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ฉันเกรงว่าตอนนี้เขาจะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิมเพียงไหนน่ะสิ? แต่ที่ฉันไม่เข้าใจก็คือว่า.. จู่ๆทำไมคืนนี้เขาถึงได้มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงได้?”
หลิวหยิงหยิงกระซิบบอกหลินหนานเสียงเบา สีหน้าของเธอเวลานี้บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกกังวลใจ และตื่นตระหนกอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น ภายในใจลึกๆของหลิวหยิงหยิงกลับรู้สึกว่า หลินหนานจะสามารถรับมือกับคนเหล่านี้ได้..
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา และคาดหวังของเธอเท่านั้น!
ถึงอย่างไร หยานลู่เฟิงก็เป็นที่เคารพนับถือของผู้ทรงอิทธิพลในเมืองเจียงไฮว หากเขาแสดงความโน้มเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ย่อมต้องสร้างความลำบากให้อีกฝ่ายอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
“ในความคิดเห็นของผม เขาไม่ได้มาดีแน่..” หลินหนานกระซิบบอกหลิวหยิงหยิงพร้อมกับเบ้ปาก
หลิวหยิงหยิงอ้าปากเตรียมจะตอบกลับ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่พูดอะไรออกไป..
คืนนี้ จู่ๆ หยานลู่เฟิงก็พาคนนอกมาด้วย อีกทั้งยังเป็นคนที่ทุกคนเคารพนับถือมาก เห็นได้ชัดว่าคืนนี้คงยากที่แผนการของหลิวหยิงหยิงจะเป็นไปอย่างสงบราบรื่นได้แน่!
และในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น ชายทั้งสองคนก็ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลิวหยิงหยิงกับหลินหนาน
หลิวหยิงหยิงก้าวเท้าเดินเข้าไปหา พร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียง และท่าทางกระตือรือร้น
“คุณหยาน ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่เหรอคะ?”
“ฉันเก็บตัวลำพัง แล้วก็อยู่อย่างสันโดษ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในโลกภายนอกมานานหลายปี ครั้งนี้รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะได้ออกมาพบปะกับผู้คนในโลกภายนอกดูบ้าง หวังว่าเถ้าแก่หลิวคงจะไม่ตำหนิที่ฉันมาในงานเลี้ยงโดยไม่ได้รับเชิญ..”
หยานลู่เฟิงตอบกลับหลิวหยิงหยิง ในขณะที่สายตาคมกริบราวกับมีดของเขานั้น ได้เหลือบมองไปทางร่างของหลินหนานซึ่งยืนอยู่ข้างๆ แม้จะเป็นการปรายตามองเพียงแค่แวบเดียว แต่ก็ก่อให้เกิดแรงกดดันอย่างมากมายเลยทีเดียว
หลังจากนั้น สีหน้าของหยานลู่เฟิงก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว และไม่สนใจหลินหนานที่ไม่ได้มีอะไรน่ามองนักอีกเลย
แม้ภายในใจของหลิวหยิงหยิงอยากจะกร่นด่าออกมาเพียงใด แต่ปากของเธอก็ตอบกลับไปด้วยความสุภาพ และมีมารยาท
“คุณหยานเป็นถึงอาวุโสที่ทุกคนให้ความเคารพนับถือ การที่คุณหยานมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงคืนนี้ ควรจะต้องเรียกว่าให้เกียรติจึงจะถูก เพราะทำให้งานเลี้ยงในคืนนี้สง่างามมากกว่าที่ควรจะเป็น แล้วฉันจะตำหนิคุณหยานได้อย่างไรกันคะ?”
“งั้นก็ดี!”
หยานลู่เฟิงตอบกลับหลิวหยิงหยิงเพียงแค่สั้นๆ และดูเหมือนไม่ต้องการที่จะพูดอะไรอีก เขาทำราวกับว่า หากสนทนากับหลิวหยิงหยิงต่ออีกแม้แค่คำเดียว จะเป็นการเสียเวลาของตนเองอย่างมาก
หลินหนานเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา และได้แต่คิดในใจว่า คนประเภทที่แสร้งทำเป็นพูดน้อย เสมือนว่าคำพูดของตนเองมีค่าดั่งทองคำนั้น ส่วนใหญ่แล้วแทบไม่ใช่คนดี!
“เถ้าแก่หลิว คุณสบายดีสินะ?” หลิวจื่อหยานเป็นฝ่ายทักทายหลิวหยิงหยิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลิวหยิงหยิงไม่สามารถทนปั้นหน้ายิ้มให้กับพยัคฆ์หน้ายิ้มคนนี้ได้ เธอจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงห่างเหินเย็นชา
“ฉันยังไม่ตายง่ายๆแน่..”
“เถ้าแก่หลิวพูดถูก.. คุณมีธุรกิจใหญ่โตมากมายอยู่ในมือ จะต้องมีชีวิตที่ยืนยาวแน่ๆ” หลิวจื่อหยานตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเช่นเคย
พยัคฆ์หน้ายิ้ม.. สมกับฉายาพยัคฆ์หน้ายิ้มจริงๆ ไม่ว่าภายในใจจะรู้สึกเช่นใด ใบหน้าของเขายังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มเสมอ ยากนักที่จะมีใครจับความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้
และหลิวหยิงหยิงเองก็รู้ดีว่า ผู้ชายคนนี้รับมือและจัดการได้ยากกว่า หากเทียบกับคนเจ้าอารมณ์อย่างจางเฉิง และที่สำคัญคนอย่างหลิวจื่อหยานนั้น รอบคอบกว่าจางเฉิงหลายเท่านัก
“ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะมีชีวิตยืนยาวอะไรนัก ขอเพียงแค่ได้เห็นคุณตายก่อน แล้วฉันจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ปัญหา!” หลิวหยิงหยิงตอบโต้กลับไปทันที
หลิวจื่อหยานยิ้มกว้างกว่าเดิม “อย่างนั้นเชียวรึ? แต่ถ้าผมตายเมื่อไหร่ เถ้าแก่หลิวต้องมางานศพผมด้วยล่ะ ตกลงมั๊ย?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ! เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ ฉันจะไม่เพียงไปร่วมงานศพของคุณ แต่จะยังส่งโลงศพที่ดีที่สุดในเมืองนี้ไปให้ด้วย อ่อ.. แล้วยังจะช่วยเชิญพระไปสวดในงานศพให้เจ็ดวันเจ็ดคืนอีกด้วย จะได้กำจัดวิญญาณชั่วช้าให้พ้นจากโลกนี้..” หลิวหยิงหยิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชายิ่งกว่าเดิม
“ดี! นับว่าเถ้าแก่หลิวทำได้ดี!” หลิวจื่อหยานยิ้มออกมา พร้อมกับตอบมือราวกับว่ากำลังมีความสุขอย่างมาก
ภายใต้รอยยิ้มและสีหน้าท่าทางที่มีความสุขของหลิวจื่อหยานนั้น หลินหนานสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนลึกอยู่ในดวงตาคู่นั้น
ดังคำพูดว่า.. งูยิ่งมีพิษร้ายแรงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกมากเท่านั้น!
หลิวหยิงหยิงไม่สนใจหลิวจื่อหยานอีก แต่หันไปบอกกับหยานลู่เฟิงแทน “คุณหยานคะ ขอเชิญเข้าไปด้านในดีกว่าค่ะ!”
หยานลู่เฟิงก้าวเดินตรงเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ทั้งสองคนเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงแล้ว หลิวหยิงหยิงถึงกับแอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อใดที่เธอต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์หกนิ้ว เธอก็มักจะรู้สึกอึดอัด และไม่สบายเนื้อสบายตัวเช่นนี้ทุกครั้ง!
และในระหว่างนั้น หลิวหยิงหยิงก็ได้แอบมองปฏิกิริยาของหลินหนาน แต่แล้วเธอก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะสายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่ต้นขาของพนักงานสาวคนหนึ่ง โดยไม่มีท่าทางรู้ร้อนรู้หนาวอะไร..
หลิวหยิงหยิงเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ.. ไม่แน่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอเวลานี้ อาจจะสร้างปรากฏการณ์ที่มหัศจรรย์ หรือปาฏิหารย์ขึ้นในคืนนี้ก็ได้!
แม้หลิวหยิงหยิงจะไม่รู้ว่า.. ความรู้สึกเชื่อใจในตัวหลินหนานนั้น เกิดขึ้นกับตัวเธอได้อย่างไร แต่เธอก็มั่นอกมั่นใจ และคาดหวังในตัวหลินหนานอย่างมาก!
หลังจากนั้น หลินหนานได้ยืนอยู่ด้านหน้าห้องจัดเลี้ยง มองหลิวหยิงหยิงทักทายแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแล้ว ทำให้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงปรากฏการณ์ที่น่าประหลาด..
นั่นเพราะทุกคนที่มางานเลี้ยงในคืนนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโต ที่มีทั้งเงิน และอำนาจบารมี ไม่ใช่งานการกินข้าวร่วมกันธรรมดาๆอย่างที่เธอบอกกับเขา อีกทั้งคนใหญ่คนโตเหล่านี้ ก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่เคารพหลิวหยิงหยิงเลยแม้แต่น้อย..
แต่จะว่าไป.. หลิวหยิงหยิงก็เป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งเท่านั้น!
ในความคิดของหลินหนาน ยากนักที่หลิวหยิงหยิงจะสามารถทำให้คนเหล่านี้ให้ความเคารพนับถือเธอได้ นั่นเพราะคนเหล่านี้ดูเหมือนจะเคารพกันที่ความแข็งแกร่ง และอำนาจบารมีเท่านั้น!
พลังอำนาจที่แข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะสามารถสยบ และอยู่เหนือทุกสิ่งได้!
ผ่านไปร่วมหนึ่งชั่วโมง.. ในที่สุดหลิวหยิงหยิงก็หันไปบอกกับหลินหนานว่า “เข้าไปข้างในกันดีกว่า งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
“เดี๋ยวก่อน! คนใหญ่คนโตอีกหนึ่งคนที่ชื่อว่าคุณชายหลี่ไม่มาด้วยเหรอ?” หลินหนานรีบถามหลิวหยิงหยิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณชายหลี่ไหน?!!” หลิวหยิงหยิงย้อนถามด้วยสีหน้างุนงง
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน.. บังเอิญได้ยินเจ้าอ้วนกับถังจินซ่งคุยกันว่า คุณชายหลี่อะไรนี่เป็นคนสำคัญในงานเลี้ยงคืนนี้!” หลินหนานตอบกลับไปตามตรง
“อ่อ.. คงจะหมายถึงหลี่เฉวียนยู่สินะ?” หลิวหยิงหยิงเอ่ยตอบ
“เขาเป็นใคร?” หลินหนานเอ่ยถามต่อ
“หลี่เฉวียนยู่ยังอายุไม่มาก เขายังหนุ่มๆอยู่เลย เป็นคุณชายสองของตระกูลหลี่ เท่าที่ฉันรู้มา ผู้ชายคนนี้เฉลียวฉลาดมาก แต่ก็ชั่วร้ายไม่ต่างจากปีศาจ!”
“แล้วอำนาจบารมีของตระกูลหลี่แข็งแกร่งมาขนาดไหน?” หลินหนานยังคงถามต่อ
“ตระกูลหลี่มีอำนาจอิทธิพลที่แข็งแกร่งมากทีเดียว ไม่ว่าจะธุรกิจสีดำหรือว่าสีขาวทางตอนเหนือของเจียงซู ตระกูลหลี่เป็นตระกูลแรกที่ครอบครองไว้ได้หมด!” หลิวหยิงหยิงถึงกับถอนหายใจ
“เทียบกับตระกูลถังได้มั๊ย?”
“ต้องบอกว่า.. ตระกูลถังไม่สามารถเทียบกับตระกูลหลี่ได้ต่างหากล่ะ!” หลิวหยิงหยิงส่ายหน้าไปมาในขณะตอบ
หลินหนานได้แต่นิ่งเงียบ และครุ่นคิดอยู่ในใจ..
หลี่เฉวียนยู่เพียงพร้อมขนาดนี้ แล้วทำไมยังต้องเล่นงานเย่ชิงเฉิงด้วยนะ?!
ตระกูลเย่เองก็เป็นเพียงแค่ตระกูลสูงสุดอันดับสามของเมืองเจียงไฮวเท่านั้น หรือว่า..
จู่ๆ หลินหนานก็เกิดรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างขึ้น!