ลูกเขยยอดนักฆ่า - ตอนที่ 99
ตอนที่ 99 โกลาหล
“อ่อ.. พูดถึงหลี่เฉวียนยู่ คุณชายหลินยังจำบัตรสมาชิกสีดำระดับซุปเปอร์วีไอพีที่ฉันให้คุณไปได้มั๊ย?”
เสียงพูดของหลิวหยิงหยิง ปลุกหลินหนานให้ตื่นจากห้วงความคิดของตนเอง..
“จำได้สิ! ผมเพิ่งจะใช้มันพาตัวเองเข้ามาในงานเลี้ยงคืนนี้!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม
ทำไมฉันจะจำอาวุธที่ตัวเองเพิ่งใช้ตอกหน้าคนโอหังไม่ได้ล่ะ?
“ฉันได้มอบบัตรสมาชิกสีดำแบบเดียวกันนี้ให้กับคนเพียงสามคนเท่านั้น ใบหนึ่งอยู่ที่หยวนเทียนซึ่งเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองเจียงไฮว ส่วนอีกใบฉันได้มอบให้กับคุณชายตระกูลหลี่..” หลิวหยิงหยิงตอบกลับ
หลังจากที่ได้ฟัง และแอบช่างน้ำหนักอยู่ในใจนั้น หลินหนานก็ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความพอใจ และคิดในใจว่า ไม่เสียแรงที่เขาตัดสินใจช่วยหลิวหยิงหยิง เพราะอย่างน้อย ในสายตาของเธอ เขาก็มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับสองคนนั่น!
“เฮ้อ.. ผมคงจะหล่อเหลามากสินะ คุณถึงได้อดใจไม่ได้จนต้องให้บัตรนั่นกับผม! แต่เอาล่ะ คุณเลิกปากหวานกับผมได้แล้ว..” หลินหนานตอบหลับไปพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
หลิวหยิงหยิงได้แต่นึกประหลาดใจเล็กน้อย..
คนอะไรหลงตัวเองได้ขนาดนี้.. นี่ฉันไม่เคยพบเห็นผู้ชายที่ไหนหลงตัวเองได้เท่าผู้ชายคนนี้มาก่อนเลยจริงๆ!
“ทำไมฉันถึงได้เริ่มรู้สึกว่า.. คุณไม่น่าจะใช่ปรมาจงปรมาจารย์อะไรนั่นเลย! เฮ้อ.. หรืออาไห่จะเข้าใจอะไรผิดไป!”
หลิวหยิงหยิงจ้องมองหลินหนาน และอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเช่นนั้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“ถ้างั้นผมเหมาะที่จะเป็นอะไรดีล่ะ?” หลินหนานย้อนถามพร้อมกับยิ้มยียวน
“ในความคิดของฉัน.. คุณชายหลินเหมาะที่จะเป็นปรมาจารย์เรื่องหลงตัวเองมากกว่า” หลิวหยิงหยิงตอบกลับพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
เมื่อเหลือบไปเห็นเนินอกขาวผ่อง ที่กำลงกระเพื่อมขึ้นลงตามเสียงหัวเราะของหลิวหยิงหยิง หลินหนานก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พร้อมตอบกลับไปว่า
“จะเป็นปรมาจารย์เรื่องหลงตัวเอง หรือเรื่องอะไรก็ช่างเถอะน่า! อย่างน้อยผมก็ยังได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์อยู่ดี..”
หลิวหยิงหยิงยื่นนิ้วชี้เรียวงามของตนเองออกไป เธอจิ้มที่หน้าผากของหลินหนานเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่คุณชายหลิน.. เลิกพูดเล่นได้แล้ว! พวกเราเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงกันดีกว่า หลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาตึงเครียดของเราสองคน ไม่แน่ว่าคืนนี้คุณชายหลินอาจต้องต่อสู้ประลองกำลังกับคนพวกนั้น!”
“ได้เลย.. ไม่มีปัญหา! ผมเองก็เป็นนักสู้อยู่แลัว!” หลินหนานตอบกลับด้วยท่าทางไม่แยแสกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนัก
……
เมื่อหลิวหยิงหยิงกับหลินหนานก้าวเท้าเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง เสื้ออื้ออึงภายในห้องก็เงียบลงในทันที และเวลานี้ทุกสายตาก็จับจ้องอยู่ที่เรือนร่างงดงามโดดเด่นของหลิวหยิงหยิง
หลิวหยิงหยิงสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของตนเองต่อหน้าทุกคน เรียวขางดงามดั่งหยกแกะสลักนั้น ค่อยๆก้าวเดินไปตามพรมสีแดงที่ปูราดไปตามทาง
ท่าทางการเดินของหลิวหยิงหยิงนั้น สวยสง่าอย่างที่สุด และชุดกี่เพ้าสีแดงที่สวมใส่อยู่นั้น ก็ยิ่งส่งเสริมให้หลิวหยิงหยิงดูประหนึ่งกุหลาบสีแดงที่กำลังเบ่งบาน!
สายตาของชายทุกคนที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยง ต่างก็จับจ้องอยู่ที่เรือนร่างของหลิวหยิงหยิงกันเป็นตาเดียว เนื่องจากในห้องนั้นเงียบกริบ ทำให้ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นทั่วทั้งห้อ
จางเฉิงและหลิวจื่อหยางซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะของแขกระดับสูง ยังถึงกับจ้องมองด้วยแววตากระสันต์อย่างเปิดเผย
แม้กระทั่งหยานลู่เฟิง ยังถึงกับต้องเบนสายตามองไปทางอื่นแทน เพื่อดับเปลวไฟราคะที่ลุกโชนขึ้นในใจของตนเอง
มีชายใดบ้างที่ไม่ต้องการสาวงามเช่นหลิวหยิงหยิง?
แต่แน่นอน.. ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า กุหลาบงามย่อมมีหนามแหลม หากฝืนเด็ดดมด้วยกำลัง ย่อมต้องมีเลือดตกยางออกแน่!
ตรงข้ามกับสายตาชื่นชมที่จ้องมองหลิวหยิงหยิง เมื่อทุกคนได้เห็นหลินหนานซึ่งเดินเคียงข้างมานั้น พวกเขาต่างก็แสดงความไม่พอใจออกมาทางสายตาทันที
หลินหนานซึ่งอยู่ในชุดกีฬาธรรมดาๆ เดินเคียงข้างหลิวหยิงหยิงไปด้วยท่วงท่าเป็นปกติ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความอึดอัดขัดเขิน แม้สภาพการแต่งกายของเขานั้น จะแย่กว่าพนักงานเสริฟที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงก็ตาม..
“ไอ้สารเลวนั่นมันคิดที่จะทำอะไร? ถึงกับกล้าเดินจับมือถือแขนเถ้าแก่หลิวเชียวเหรอ?”
“นั่นน่ะสิ! ทั้งเตี้ยแล้วก็ขี้เหร่ หมอนั่นเป็นใครมากจากไหนกัน?”
“คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่หลิวจะตาต่ำขนาดนี้ ถึงกับเห็นคนกระจอกๆแบบนั้นดีกว่าพวกเรา..”
หลายคนต่างก็พากันพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นหลินหนานเดินจับมือหลิวหยิงหยิงเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงเช่นนั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะอิจฉา และโกรธแค้นเสียมากกว่า!
พวกเขาโกรธแค้นและอิจฉา ที่หลินหนานมีโอกาสได้จับมือหลิวหยิงหยิงนั่นเอง!
พวกเขาได้แต่คิดว่า ฝ่ามือของหลิวหยิงหยิงคงจะทั้งอ่อนนุ่ม แล้วก็หอมหวนอย่างมากแน่!
ใช่แล้ว.. ฝ่ามือของหลิวหยิงหยิงทั้งอ่อนนุ่มแล้วก็หอมหวนมากจริงๆ และเวลานี้ หลินหนานก็กำลังรู้สึกสบายจนแทบไม่อยากปล่อยมือของเธอ
ผู้ชายคนนี้คงจะสะกดคำว่า ‘อาย’ ไม่เป็นจริงๆ ตลอดทางที่เดินไปตามพรมแดงนั้น นอกจากเขาจะไม่มีอาการเก้อเขินแล้ว ยังยกมือที่เหลือข้างหนึ่งขึ้นโบกทักทายแขกในงานไปด้วย ซึ่งหลายๆคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น
และด้วยความอิจฉาริษยา ชายหนุ่มหลายคนถึงกับยกนิ้วกลางให้กับหลินหนานแทน!
“หมอนั่นมันมาที่นี่ได้ยังไง?”
หวังชางหยางถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหลินหนานเดินเคียงข้างหลิวหยิงหยิงเข้ามาเช่นนั้น และเวลานี้ปากของเขาก็อ้ากว้างขนาดเท่าไข่ห่าน
ในขณะที่ถังจินซ่งเอาแต่นิ่งเงียบ เขาเม้มริมฝีปากแน่นและกัดฟันกรอด เพื่อพยายามที่จะข่มไฟโทสะที่กำลังเผาผลาญจิตใจตนเอง และเปลวไฟนั้นกำลังพวยพุ่งออกมาทางดวงตาของเขา
หากสายตาสามารถใช้เป็นอาวุธสังหารผู้คนได้ เชื่อว่าเวลานี้ หลินหนานคงต้องถูกสังหารตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
แต่หลินหนานกลับไม่สนใจกับสายตา และท่าทางของคนเหล่านั้น เขาเปลี่ยนจากการจับมือหลิวหยิงหยิง มาเป็นสัมผัสบั้นท้ายของเธอเบาๆแทน
ดี.. ฉันจะทำให้พวกแกอิจฉาจนอกแตกตายไปเลย!
และแน่นอนว่า ภาพที่หลินหนานจงใจทำให้ทุกคนเห็นในเวลานี้ ก็ได้ทำให้ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงไม่พอใจ และเดือดดาลขึ้นมากกว่าเดิม!
บางคนถึงกับตบโต๊ะดังปังด้วยความโมโห!
“ไอ้สารเลว!”
“ไอ้หมอนั่นคงไม่อยากตายดีแน่!”
“ปล่อยมือเถ้าแก่หลิวเดี๋ยวนี้นะ!”
“……”
หลิวหยิงหยิงเองก็ได้แต่นิ่งอึ้งไป เมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกๆที่บั้นท้ายของตนเอง แต่เมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าท่าทางของเธอก็เปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนนี้ถึงกับกล้าทำแบบนี้กับเธอต่อหน้าผู้คนเชียวหรือ?
ในระหว่างที่หลิวหยิงหยิงกำลังจะเอื้อมมือออกไป เพื่อดึงฝ่ามือของหลินหนานที่กำลังจับบั้นท้ายของตนเองออกนั้น หลินหนานก็รีบหันมากระซิบเสียงเบาว่า
“อยู่นิ่งๆ!”
หลิวหยิงหยิงถึงกับตกใจจนสั่นสะท้าน และได้แต่อยู่นิ่งๆตามที่หลินหนานสั่ง ในขณะที่หลินหนานก็รีบกระซิบบอกต่อว่า
“พวกเราแสดงละครต่ออีกหน่อย ยิ่งทำให้พวกเขารู้ว่าเราสองคนรักกันมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้พวกเขาโกรธมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งพวกเขาโกรธมากเท่าไหร่ ชัยชนะก็จะตกเป็นของฝ่ายเรามากขึ้นเช่นกัน!”
แม้จะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว หลิวหยิงหยิงก็เห็นว่ามีเหตุมีผล เธอหันมองไปทางแขกที่นั่งอยู่ในห้องจัดเลี้ยง และพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ไม่ให้มีพิรุธ..
และสิ่งที่เธอเห็นเวลานี้ก็คือ.. หลายคนกำลังพับแขนเสื้อ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเกลียดชัง สายตาของพวกเขาบ่งบอกว่า อยากจะฉีกร่างของหลินหนานออกเป็นชิ้นๆ
หลิวหยิงหยิงเห็นแบบนั้น ก็ถึงกับแอบยิ้มออกมา แม้ไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ตนเองเป็นฝ่ายชนะได้อย่างไรก็ตาม..
เมื่อเดินไปถึงกลางห้อง หลิวหยิงหยิงก็หยุดยืนนิ่ง และเวลานี้ กุหลาบสีแดงเบ่งบาน ก็ได้ดึงดูดสายตาทุกคู่มาไว้ที่ตัวเธอเพียงคนเดียว
“ก่อนอื่น ดิฉันต้องขอขอบคุณทุกท่าน ที่ให้เกียรติมางานเลี้ยงของสมาคมเมิ่งหลานในปีนี้ และตามกฏของสมาคม ดิฉันจะต้องเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในคืนนี้..”
น้ำเสียงของหลิวหยิงหยิงนั้น ทั้งอ่อนหวาน ไพเราะ แล้วก็นุ่มนวล แต่ก็ดังกังวาน ทำให้ทุกคนในห้องได้ยินกันอย่างชัดเจน
หลังจากหลิวหยิงหยิงพูดจบลงไป ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นประปรายเท่านั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนเหล่านี้ไม่ได้ใส่ใจกับงานเลี้ยงที่มีหลิวหยิงหยิงเป็นเจ้าภาพเลยแม้แต่น้อย
แต่ไม่นานนัก.. ชายเจ้าเนื้อคนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดังว่า “เถ้าแก่หลิว.. คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน?”
“ไม่ทราบว่าคุณคิมหมายถึงเรื่องอะไรเหรอคะ?” หลิวหยิงหยิงเอ่ยถามกลับไป พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“วันนี้นับเป็นวันสำคัญของสมาคมเมิ่งหลาน แต่คุณกลับพาคนนอกเข้ามาในงานด้วย!” ชายเจ้าเนื้อตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
หลังจากที่ชายเจ้าเนื้อเป็นคนเปิดประเด็นในเรื่องนี้ คนอื่นๆก็รีบพูดสมทบขึ้นมาในทันที
“นั่นน่ะสิ! นี่เป็นการประชุมสำคัญของสมาคมแท้ๆ แต่กลับมีคนนอกเข้ามาด้วย!”
“เถ้าแก่หลิว คุณทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่?”
“พ่อหนุ่มนี่ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมเรา ไล่เขาออกไปได้แล้ว!”
หลายคนในห้องต่างก็พากันร้องตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ และเรียกร้องให้หลิวหยิงหยิงไล่หลินหนานออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
สีหน้าของหลิวหยิงหยิงถึงกับเปลี่ยนไปเล็กน้อย..
ยังไม่ทันที่การประชุมของสมาคมเมิ่งหลานจะเริ่มต้นขึ้น ก็มีคนเริ่มก่อความวุ่นวาย และไม่เชื่อฟังคำพูดของเธอแล้ว..
และดูเหมือนว่า คนพวกนี้จงใจที่จะทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นในงาน..