วิถีไลฟ์สตรีมของโอนิสาวสายอัดกระแทก - ตอนที่ 21
Ch.21 – แขกที่ไม่คาดคิด
Translator : O-Minus / Author
“ฟุหวาา…..”
พอฉันตื่นขึ้นมา รินจังก็ลุกออกจากเตียงไปก่อนแล้ว และเหลือเพียงแค่ฉันอยู่บนเตียงเพียงลำพัง
ขณะที่หาวไปด้วยฉันเดินไปยังห้องนั่งเล่น ไม่เพียงแต่กลิ่นของอาหารแต่ฉันยังได้ยินเสียงคนคุยกันอีกด้วย
ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นโทรศัพท์แต่ฉันรู้ได้ถึงตัวตนของอีกคนหนึ่งนอกจากรินจัง พอคิดว่าเป็นแขกฉันก็เปิดประตูไปยังห้องนั่งเล่น
“ ’รุณสวัสดิ์ มีแขกมาเหรอ?”
“อรุณสวัสดิ์ เป็นเด็กที่เธอก็รู้จักเหมือนกันด้วยนะ”
ดูเหมือนว่าแขกคนนั้นจะกำลังคุยอยู่กับรินจังที่โต๊ะ เธอเข้ามาในระยะสายตาของฉัน
ผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้า ความประทับใจแรกที่เห็นคือเด็กหญิงน่ารักแนวตะวันตก
ถึงจะมีความต่างในด้านส่วนสูงและส่วนต่างๆเล็กน้อย แต่นั่นคือใบหน้าที่ฉันจดจำได้
เพราะรินจังบอกว่าฉันเองก็รู้จัก ฉันเลยคิดว่าไม่ผิดแน่
“หรือว่าเธอ จะเป็นโทวกะจัง?”
“ใช่ค่ะ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะท่านพี่นานะ”
เด็กผู้หญิง—โทวกะจัง พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูราวกับดอกไม้งาม
☆
ชื่อของเธอคือทาคาโจว โทวกะ(鷹匠 燈火) อย่างที่เห็นได้จากนามสกุล เธอคือญาติของรินจัง เป็นลูกพ่อลูกน้องกัน
เธอคือลูกสาวของลุงของรินจังและแม่ของเธอที่เป็นชาวบริทิช
รูปลักษณ์ของเธอได้รับสืบทอดมาจากแม่ของเธออย่างมาก เธอเลยดูไม่เหมือนชาวญี่ปุ่นมากนัก แต่ว่าเธอนั้นเกิดและเติบโตขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
พวกเราเคยเล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆเมื่อสมัยที่พวกเรายังเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะว่ารินจังมักจะโอ๋เธอ ฉันจึงสนิทกับเธอไปด้วยโดยปริยาย
พวกเราเคยเล่นด้วยกันจนกระทั่งถึงช่วงกลางปีของสมัยมัธยมต้น
“ว้าว โตขึ้นมามากเลยนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเธอยังตัวเล็กกว่าฉันอยู่เลย”
“มีแค่ส่วนสูงเท่านั้นล่ะค่ะที่โตขึ้นเอาๆ…น่าอายจังเลยค่ะ”
“ไม่หรอกนะ ฉันว่าเท่ดีออก”
แม้แต่ตอนที่กำลังนั่งอยู่ก็ยังดูสูง เวลาเธอยืนเต็มตัวคงจะสุดยอดน่าดู
ส่วนสูงของเธอคงจะเกิน180ซม.แน่เลย
ทั้งแขนแล้วก็ขาก็ยาว ส่วนสูงก็สูงอีก และในส่วนที่ดูถ่อมตัวตรงนั้นของเธอก็ยิ่งขับเน้นความสวยขึ้นไปอีก
เพราะส่วนสูงที่ต่างกันเลยทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายเงยหน้ามองเวลาคุยกัน
“ท่านพี่นานะเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะคะ”
“นานะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตลอด10ปีที่ผ่านมา อย่างกับว่าเวลาของเธอได้ถูกหยุดเอาไว้เลยล่ะ”
“พวกเธอทั้งสองคนต่างหากที่โตกันมากเกินไปน่ะ…”
บทสนทนาที่ไร้ความหมายก็ยังคงดังไปมา นี่เป็นการพบเจอกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน แม้ว่าภายนอกจะต่างไปจากเดิมแต่โทวกะจังก็ยังคงเป็นโทวกะจังคนเดิมกับที่ฉันรู้จัก
“แล้ว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่แต่เช้าเลยเหรอ?”
“ก็มาหาท่านพี่นานะน่ะสิคะ ฉันได้รับข้อความจากท่านพี่รินว่าท่านพี่นานะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”
“มาหาฉัน? ก็ดีใจอยู่หรอกนะ แต่ว่าทำไมล่ะ”
“เอ๋…?”
นอกจากเหตุผลว่ามีธุระกับรินจังแล้ว ฉันนึกเหตุผลที่เธออยากจะเจอกับฉันไม่ออกเลยสักอย่าง
ฉันพูดออกไปตามที่คิดไว้อย่างนั้น แต่โทวกะจังที่ได้ยินเข้าก็นิ่งไปราวกับรูปปั้นหิน
ถึงฉันจะโบกมือผ่านหน้าเธอไปมาเธอก็ไม่ตอบสนองอะไร สงสัยจังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันน่ะ?
“พ-พี่ริน…พี่นานะเขา…”
“ไม่เอาน่าๆ ฉันเข้าใจว่าช็อกแต่ว่าอย่าร้องไห้เลย ยังดีกว่าโดนลืมไปเลยนะ”
ขณะที่รินจังกำลังปลอบโทวกะจังพร้อมกับลูบหลังเธอไปด้วย แม้ว่าเธอจะหายนิ่งค้างแล้วแต่น้ำตากลับเอ่อตัวอยู่บริเวณขอบตาของเธอแทน รินจังก็ได้พูดบางอย่างออกมา
“นานะ…นี่เธอ รู้ไหมว่าได้เจอกับโทวกะครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นก็…ประมาณ6-7ปีได้?”
พอพูดถึงเรื่องนั้นเข้า ฉันก็นึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พ่อแม่ของฉันเสียไปเพราะอุบัติเหตุ เกิดอะไรหลายๆอย่างขึ้นฉันเลยไม่มีเวลาเล่นกับคนอื่นอีก
ในตอนนั้นฉันเหนื่อยมากจนไม่ได้ฟังรินจังด้วยซ้ำ
เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยู่กับรินจังเลย จึงไม่แปลกที่จะไม่ได้เจอกับโทวกะจังด้วย
“ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่รู้แต่ว่านะ มีข่าวลือว่าเธอหายตัวไปอย่างลึกลับที่เมืองบ้านเกิดเธอด้วยนะรู้ไหม? หลังจากที่เธอย้ายไปอยู่กับน้าของเธอแล้ว โทวกะพูดอะไรอย่าง“พี่นานะตายแล้ว!”แล้วก็ร้องไห้ออกมาใหญ่เลย วุ่นวายกันใหญ่เลยรู้ไหม”
“เดี๋ยวสิ อย่าบอกเธอเรื่องนั้นสิพี่ริน!”
“เอ๋ นั่นล้อกันเล่นใช่ไหม?”
โทวกะจังผู้ซึ่งเกาะรินจังด้วยความเขินอายนั้นได้ลืมกรอบมารยาทของตัวเองไปจนหมดสิ้น
ไม่ได้เห็นมานานเลยนะ การที่เธอพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่แล้วหลุดความเป็นเด็กออกมาในทันทีน่ะ
แต่แรกแล้วเธอไม่ใช่คนที่จะคอยระวังคำพูดในหมู่พวกเรา
กลับกัน นอกจากพวกเราแล้วเธอเป็นเด็กที่จะพูดจาสุภาพตลอด
แต่ว่า หายตัวไปสินะ? พอมาคิดดูดีๆแล้ว นอกจากรินจังและพ่อแม่ของเธอแล้ว ฉันไม่ได้บอกใครเลย
ถึงจะไปพิธีจบการศึกษาก็เถอะแต่ว่า…ในโทรศัพท์ที่ถูกให้ไว้ติดต่อเวลาฉุกเฉินนั้น มีแค่เบอร์ของรินจัง ที่ทำงานเก่า และก็บริษัทจัดหางานเท่านั้นเอง
เพราะแบบนั้นถึงได้มีข่าวลือเรื่องที่ฉันหายตัวไป แต่ว่านะ
“รินจัง ไม่ได้บอกอะไรเธอเลยเหรอ?”
“อืม ไม่ได้บอกเลย เพราะแบบนี้น่าสนใจกว่ายังไงล่ะ”
“เดี๋ยวนะ ไม่สิ ฉันไม่โทษเธอหรอกเพราะฉันเองก็ผิดด้วยเหมือนกันแต่ว่า…อืม เข้าใจล่ะ ขอโทษนะโทวกะจัง เธอมาดูให้เห็นกับตาว่าฉันยังมีชีวิตอยู่จริงๆใช่ไหมล่ะ?”
ไม่มีสิทธิไปโทษรินจังที่พูดแบบนั้นออกมาอย่างไม่คิดอะไร ฉันได้ขอโทษโทวกะจัง
โทวกะจังที่ได้ยินอย่างนั้นก็ได้แสดงสีหน้าซึมเศร้าออกมาแวบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าแห่งความสุข
“ไม่ใช่อย่าง-…อึน ใช่แล้วค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ขอแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อเอาไว้ได้ไหมคะ?”
“อืม ได้สิ”
ฉันไม่ได้ใส่เบอร์ของเพื่อนร่วมงานเอาไว้เลยเพราะพวกเขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้า แต่ว่าสำหรับโทวกะจังแล้ว เธอก็เป็นเหมือนกับครอบครัว
ในเมื่อพวกเราได้มีโอกาสเจอกันแบบนี้ อย่างน้อยก็ควรจะแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อเอาไว้
คิดได้แบบนั้นฉันก็ฝากโทรศัพท์ที่ตกรุ่นให้ไว้กับโทวกะจัง
เพราะฉันไม่ได้เปลี่ยนมันเลยตลอด8ปีที่ผ่านมา พอเทียบกับโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆที่พัฒนาออกมาเรื่อยๆแล้วโทรศัพท์ฉันกลายเป็นของหายากไปเลย
อาจจะเพราะว่าเธอนั้นคุ้นชินกับมัน โทวกะจังแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่ออย่างเชี่ยวชาญแล้วคืนโทรศัพท์ฉันมาภายในไม่ถึงหนึ่งนาที
“อุเหะเหะ เบอร์ของพี่นานะ”
“โทวกะ น้ำลายไหลลงมาแล้วนะ”
“หลอกกันสินะคะ…เดี๋ยวนะ ยังไม่หยดหรอกนะ!?”
“ฉันเตือนก่อนจะหยดลงมาจริงๆหรอกนะ รู้อยู่หรอกนะว่าตื่นเต้นแต่เก็บอาการหน่อยนะ”
“อุ…ค่ะ”
ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่พอได้เห็นโทวกะจังถูกรินจังสั่งสอนแล้วทำให้คิดถึงอดีตขึ้นมาเลย
รินจังที่เป็นลูกสาวคนเล็กสุดในบ้านได้มีโอกาสทำตัวเป็นพี่สาวของโทวกะจังนี่นา…
แล้วโทวกะจังเองก็นับถือรินจังมากๆ ฉันจำได้ว่าเห็นทั้งคู่เป็นพี่น้องที่สนิทกันมากๆคู่หนึ่งเลย
“ถ้างั้นก็ ฉันเข้าใจว่าพวกเรายังมีเรื่องให้คุยกันอีกเยอะแต่ว่าตอนนี้พวกเราควรจะกินมื้อเช้ากันก่อนนะ เพราะว่าวันนี้ฉันวางแผนเอาไว้แล้วด้วย”
“แผนเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าฉันเรียกโทวกะมาโดยไม่มีเหตุผลอะไรสักหน่อย”
รินจังว่าอย่างนั้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาเมื่อพบกับสีหน้ามึนงงของฉัน
“พี่นานะ เกี่ยวกับWLOน่ะค่ะ”
“อ่า เข้าใจแล้ว…โทวกะจังเองก็เล่นเหมือนกันเหรอ?”
“เธอไม่ได้แค่เล่นหรอกนะ เธอเองก็เป็นสตรีมเมอร์เหมือนกัน ฉันเป็นคนทำให้เธอเล่นWLOเองล่ะ”
“รินจังเองก็เป็นคนทำให้ฉันได้เล่นWLOเหมือนกัน”
[เล่นด้วยกัน] จุดสำคัญที่ไม่มีใครพูดออกมา
“โทวกะจังก็เป็นผู้เล่นกลุ่มแรกเหมือนกันแต่เธอไม่ได้มีเวลาเหมือนกับฉันเพราะงั้น น่าจะยังอยู่ที่เมืองที่สี่ ฟีอัส ใช่ไหม?”
“เปล่าค่ะ ฉันยังยุ่งอยู่กับงานที่มหาลัย ฉันเลยยังสำรวจอยู่ที่เมืองที่สาม ทรีอา อยู่เลยค่ะ”
“อ๊ะ งั้นเธอก็อยู่ใกล้กับฉันมากกว่าสินะ”
เพราะว่าฉันอยู่ที่เมืองที่สอง ดูอัลลิส ฉันจะสามารถตามไปหาโทวกะจังได้ถ้าผ่านไปได้อีกเมืองหนึ่ง
“โทวกะ ไม่อยากจะร่วมมือ(collab)คู่กับนานะเหรอ?”
“อยากค่ะ!”
“ไปให้ถึงดูอัลลิสก่อนบ่าย ทำได้ใช่ไหม?”
“ได้ค่ะ! ขอยืมใช้ห้องข้างๆนะคะ”
“ได้อยู่แล้ว กลับมาก่อนเที่ยงล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ! พี่นานะ ถึงพวกเราพึ่งจะได้เจอกันแต่ฉันขอเวลาสักครู่นะคะ”
ดูเหมือนจะมีการตกลงอะไรสักอย่างระหว่างทั้งสองคน โทวกะจังรีบวิ่งออกไปราวกับพายุ
“ไปซะแล้ว”
ได้เจอกันอย่างปุบปับและจากลากันอย่างปุบปับ…ก็นะ
ถูกทิ้งเอาไว้ตรงนี้ ฉันที่ไม่ใช้หัวคิดเกินกำลังตัวเองอะไร จึงตัดสินใจกินบัตเตอร์โรลบนโต๊ะ
ผู้เขียน เด็กสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นตัวสูงแสนซุ่มซ่าม โทวกะจัง
เด็กที่ถูกตามใจที่สุดในเรื่องนี้