วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ - ตอนที่ 35 ครั้งนี้ผมต้องการเรียนเวทมนตร์
- Home
- วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~
- ตอนที่ 35 ครั้งนี้ผมต้องการเรียนเวทมนตร์
เมื่อผมลืมตาขึ้นมา ก็พบเจอกับเพดานที่คุ้นเคย
มันเป็นบ้านที่ค่อนข้างเก่า ดังนั้นมันจึงผ่านการซ่อมมาแล้วเป็นจำนวนมาก และที่เด่นที่สุดก็คือรูขนาดใหญ่ที่โดนซ่อมไป
มันเป็นรูที่เกิดจากที่พี่สาวของผมแอบย่องเข้ามาที่เตียงของผมตอนเข้า และตอนเมื่อผมตื่นขึ้นมาเจอ ผมก็ได้เตะเธอไปอย่างแรง
และนั่นก็คือเพดานในห้องของผมเอง
ผมหลับตาลง และคิดถึงห้องที่ผมเคยอยู่มานานกว่า 10 ปี
“…อืม เป็นไปตามที่คาดเลย ไม่มีอะไรสบายไปกว่าการได้อยู่บ้านอีกแล้ว”
เตียงนอนที่หลับสบาย และร่างกายของผมที่คุ้นเคยกับมัน ทำให้เมื่อคืนนี้ผมหลับสบายมาก
หลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่ามีอะไรอยู่รอบๆเอวของผม
เมื่อผมดึงผ้าห่มออก ก็เจอเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง นอนหลับและกอดผมอยู่
“ท่าน-พี่…ท-ทำไมถึงทิ้งมิร่าเอาไว้…ฮือ ฮือ”
ร่างที่น่ารักซึ่งกำลังหลับไหลอยู่ นั่นคือน้องสาวของผมเอง มิร่า
เธอเกิดหลังจากพิธีรับพรของผม และอีกไม่นานเธอก็จะอายุครบห้าขวบแล้ว
เธออยู่กับผมมาตลอดตั้งแต่เธอยังเล็ก และอาจจะเป็นเพราะผมออกจากบ้านไประยะหนึ่ง เมื่อผมกลับมาบ้านมันคงทำให้เธอคิดถึงผม
มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ที่เธอจะแอบเข้ามาที่เตียงของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต
ถ้าหากเป็นพี่สาวคนโตของผม ผมคงจะเตะเธออย่างไร้ความปราณี แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ เมื่อเป็นมิร่า
เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นน้องสาวของผม
“โอ๋ๆ”
“……..งืม……..”
เมื่อผมลูบหัวของเธอ ภาพของความสุขก็แสดงออกมาทางแก้มของเธอ
เมื่อพูดถึงพี่สาวของผมแล้ว ตอนนี้เธออยู่ไกลจากบ้านอย่างมาก
หลังจากที่ผมเริ่มฝึกดาบอย่างจริงจัง เธอก็พูดว่า “รอก่อนนะอาเรล! พี่สาวคนนี้จะสร้างโลกที่อาเรลอยู่ได้อย่างสบายให้เอง!” เธอพูดอย่างมุ่งมั่นและออกจากบ้านไปคนเดียว
จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในตอนนี้?
แต่ว่าช่างมันเถอะ
ด้วยเหตุนี้ผมจึงสามารถอยู่บ้านอย่างสงบและปลอดภัยได้
ผมวานซืนเป็นวันที่ผมได้กลับมาที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ ซึ่งเป็นเมืองที่ครอบครัวของผมอาศัยอยู่
ผมนั้นได้ไปอยู่ในเมืองแห่งดาบมาประมาณครึ่งปี แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันนานมาก
เพราะว่าผมไม่เคยออกจากเมืองนี้มาก่อน
ดังนั้นผมจึงคิดถึงเมืองนี้มากๆ
เมื่อผมมาถึงเมือง ผมจึงเดินเล่นรอบๆเมืองก่อน และก็มีคนหลายคนที่รู้ว่าผมได้เดินทางไปยังเมืองแห่งดาบ
“อาเรลคุง นายพยายามเต็มที่แล้ว…สำหรับผู้ชาย สิ่งสำคัญคือต้องพยายามท้าทายทุกสิ่ง ดังนั้นก็อย่ากังวลมากเกินไปล่ะ”
“ประสบการณ์เหล่านั้นจะช่วยนายในอนาคตได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจงมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งล่ะ”
“นายมีครอบครัวที่รักนายอยู่ ดังนั้นอย่างลืมมันซะล่ะ เข้าใจไหม?”
พวกเขาพูดแบบนั้นเพื่อให้กำลังใจผม หลังจากนั้นพวกเขาก็คิดว่าผมหงุดหงิดและจะรีบกลับบ้าน
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ในกรณีของผม ผมชนะศึกชิงถ้วยเทพดาบ นั่นเป็นการแข่งขันเพื่อหานั้นดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในเมือง ผมได้อธิบายพวกเขาไปอย่างนั้น…………
แต่พวกเขากังวลมากกว่าเดิม และมองผมอย่างเศร้าสร้อย ดังนั้นผมจึงยอมแพ้ที่จะอธิบายพวกเขา ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร
และเมื่อวานนี้
ผมก็ได้ต่อสู่กับนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก นั่นก็คือแม่ของผมเอง
ผมเอาชนะแม่ได้ในนาทีสุดท้าย
ผมได้ฝึกฝนมาอย่างมากมายตอนอยู่ในเมืองแห่งดาบ ดังนั้นผมจึงอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด
ในทางตรงกันข้าม แม่ซึ่งบางครั้งจะถูกเหล่าทหารยามขอให้ไปช่วยปราบสัตว์ประหลาด ซึ่งห่างหายจากการต่อสู้ไปนาน และเกือบจะเป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้ว
แม้ว่าความแตกต่างจะไม่มาก แต่ชนะก็คือชนะ
“เยี่ยมมาก อาเรลจัง! ลูกแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งปี”
ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเอาชนะแม่ได้เลย
มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ผมออกจากบ้าน และใช้เวลาหกเดือนภายในเมืองแห่งดาบ
ถึงแม้ว่าจะมีทักษะที่เหมือนกัน แต่ก็เป็นไปตามคาด ความแข็งแกร่งของแม่นั้นไม่อาจเทียบกับชุดเกราะมีชีวิตของเทพดาบที่ผมสู้ในดันเจี้ยนได้
ชุดเกราะมีชีวิตจะใช้สกิลตามที่ถูกใส่เอาไว้เท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่อาจพลิกแพลงทักษะการต่อสู้ได้เหมือนกับมนุษย์
ในทางกลับกัน แม่นั้นมีกลวิธี และความสามารถในการตัดสินใจการโจมตีแบบคาดไม่ถึง การเลือกใช้สกิลตามสถานการณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอยู่ในระดับที่สุดยอดมาก เธอนั้นไม่ได้ต่อสู้โดยอาศัยสกิลเพียงอย่างเดียว
แน่นอนว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้ว
แต่เอาจริงๆแม่ก็ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น ปกติแล้วเธอเป็นคนที่ค่อนข้างขี้อาย แต่เธอจะกลายเป็นคนละคนไปเลยเมื่อเธอถือดาบ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมสามารถพูดได้ว่าผมเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
……………..อืมม
แล้ววันนี้ผมควรจะทำอะไรดี?
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกไม่มีจุดมุ่งหมาย
แน่นอนว่าผมจะฝึกดาบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมมาอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นมันจึงยากที่ผมจะมีแรงจูงใจในการเตรียมความพร้อมที่จะเผชิญหน้าเหมือนเมื่อก่อน
ผมนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึก อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ผมจึงมีเวลาว่างมาก
บางทีมันอาจจะดีที่ผมจะได้พักผ่อนสักหน่อย…แต่ว่ามันได้กลายเป็นนิสัยของผมไปแล้ว ดังนั้นผมจึงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
“ใช่ ต่อไปผมอยากจะลองทำสิ่งนั้นดู”
และในวันนั้น
ผมได้ถามพ่อของผม
“ช่วยสอนเวทมนตร์ให้ผมที” ครั้งนี้ผมต้องการเรียนเวทมนตร์
พ่อกับแม่ที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ฟังคำพูดของผมก็ได้พูดขึ้น
“………….ห๊ะ?”
Note : ถ้าใครต้องการสนับสนุนค่าไฟหรือค่ากาแฟสามารถโดเนทได้ตามด้านล่างครับ