วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ - ตอนที่ 55 ก็แค่ต้องอดทนกับมันให้ได้
- Home
- วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~
- ตอนที่ 55 ก็แค่ต้องอดทนกับมันให้ได้
ที่คลาสเรียนเวทสีแดง
“อาจารย์ครับ” (อาเรล)
“มีอะไรงั้นเหรออาเรล” (อาจารย์)
“สูตรนั่น ตรงบรรทัดที่สามจากด้านบนมันผิดครับ” (อาเรล)
“หืม?…จริงด้วย เธอสังเกตเห็นมันด้วยงั้นเหรอ” (อาจารย์)
เมื่อได้ยินคำพูดของผม อาจารย์ผู้สอนของคลาสนี้—ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนนามว่าบัคคัส—เขาก็รีบเขียนสูตรที่ผิดขึ้นมาใหม่ทันที
ตอนนี้ผ่านมาได้หนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ที่ผมเข้าเขียนในสถาบันเวทมนตร์
แต่ในชั้นเรียน ยังคงเรียนแต่เรื่องพื้นฐาน ซึ่งมันง่ายเกินไปสำหรับผม
ซึ่งผมจำมันได้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับผม
ผมจะเข้ามาเรียนเป็นบางครั้งบางคราว เพื่อดูว่าบทเรียนไปถึงไหนแล้ว
ในตอนแรกผมก็ถูกอาจารย์บัคคัสตำหนิเล็กน้อยที่ไม่เข้าชั้นเรียน ซึ่งบทเรียนที่ผมไม่ได้เข้าเรียนนั้นผมก็รู้หมดแล้ว และดูเหมือนอาจารย์บัคคัสเขาจะรู้ว่าผมไม่ต้องการจะเรียนรู้เรื่องเหล่านี้
“อย่างแรกเลย ถ้าเป็นเวทมนตร์นี้ ที่จริงไม่จำเป็นต้องจำสูตรที่ซับซ้อนขนาดนั้นก็ได้” (อาเรล)
“หืม? เธอหมายความว่าอย่างไรงั้นเหรอ?” (อาจารย์)
มันยุ่งยากที่จะอธิบายด้วยคำพูดดังนั้นผมเลยออกไปที่หน้าด้าน
สูตรที่อาจารย์บัคคัสเขียนบนกระดานนั้นมีทั้งหมด 10 บรรทัด มีอักขระทั้งหมด 83 ตัว
อย่างไรก็ตาม เวทมนตร์นี้ก็ถือเป็นเวทระดับสูงสำหรับชั้นเรียนระดับประถม
ผมขีดส่วนที่ไม่จำเป็นออกให้มากที่สุด และเขียนสูตรแบบง่ายเอาไว้ข้างๆ
จนเหลือเพียง 6 บรรทัด และมีอักขระทั้งหมด 51 ตัว
มันลดลงไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ได้
“จริงๆแล้วมันก็สามารถเปิดใช้งานสูตรเวทมนตร์ที่มีความยาวแค่นี้ได้…?” (บัคคัส)
บัคคัสขมวดคิ้ว
จากนั้นเขาก็จ้องมองสูตรด้วยสีหน้าลำบากใจอยู่สักพัก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม
“เข้าใจล่ะ…จริงๆแล้ว…ตามหลักการก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้…” (บัคคัส)
เป็นไปตามคาด อาจารย์ผู้สอนนั้นสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายๆเลย
แต่ดูเหมือนนักเรียนคนอื่นนั้นจะไม่เข้าใจ และไม่สนใจมัน
สำหรับผมที่ไม่มีสกิลช่วยแล้ว จึงต้องพยายามจำสูตรต่างๆให้สั้นที่สุด
หลังจากที่ลองผิดลองถูกมา ผมก็สามารถตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปได้จนหมด
“แต่ว่าสูตรนี้มันมีอันตราย อาจจะเกิดการระเบิดของพลังเวทได้ ถ้าพิจารณาถึงความปลอดภัย ยังไงสูตรนี้ก็ยังดีกว่า” (บัคคัส)
สูตรของอาจารย์บัคคัสนั้นสร้างขึ้นมาเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติด้วยความช่วยเหลือของสกิล
จริงๆแล้ว เทคนิคทั้งหมดที่ผมเรียนรู้ในชั้นเรียนก็เป็นแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่สอนโดยมีสกิลคอยช่วยเหลือนั้นมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
อย่างที่อาจารย์บัคคัสพูด ส่วนที่ตัดไปมันมีไว้เพื่อป้องกันกรณีที่ควบคุมพลังเวทไม่ได้ ในตอนที่ล้มเหลวในการเปิดใช้งาน
การเปิดใช้งานเวทมนตร์อาจล้มเหลวได้
และถ้าหากมันล้มเหลว พลังเวทที่ไม่มีที่ไปมันก็จะระเบิดออกมา
แน่นอนว่า แม้แต่นักเวทก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน
“…? ไม่เห็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย?” (อาเรล)
นั่นก็เพราะว่ามีพรคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาอยู่
ถ้าหากยังมีพรคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์เต็มอยู่ยังไงก็ไม่ถึงตายหรอก ถึงแม้ว่ามันจะระเบิดออกมา แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับขนาดของเวทมนตร์ที่ใช้ด้วย
สำหรับผมแล้ว ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าทำไมต้องกลัวการระเบิดด้วย
ยิ่งฝึกใช้มากเท่าไหร่ โอกาสล้มเหลวมันก็ลดลงเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่เห็นต้องกลัวเลย
“ถึงแม้จะมีพรคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์อยู่แต่มันก็รู้สึกถึงความเจ็บนะ…” (บัคคัส)
“ก็แค่ต้องอดทนกับมันให้ได้เท่านั้นเอง…” (อาเรล)
เมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น อาจารย์บัคคัสก็มองมาที่ผมเหมือนเห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
นักเรียนคนอื่นก็มองมาที่ผมเช่นเดียวกัน
“?” (บัคคัส)
แน่นอนว่าตอนเด็กๆผมก็ไม่ชอบความเจ็บปวด แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกกลัวแล้ว
มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ เมื่อเราโตขึ้น?
ยกตัวอย่างเช่น อาหารรสขม
ถึงแม้ว่าตอนเด็กจะกินไม่ได้ แต่เมื่อเราโตมาแล้วจะพบว่ามันอร่อย
“นั่นอาจจะเป็นเพราะอาจารย์นั้นพิเศษครับ…” (ไคท์)
หืม นั่นอาจจะเป็นเพราะว่านักเรียนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น บางทีพวกเขาอาจจะยังไปไม่ถึงขั้นนั้น
…….แต่ว่าบัคคัสนั้นเป็นชายวัยกลางคน
“ถ้าหากไม่ชอบความเจ็บปวด จริงๆก็สามารถลดความรุนแรงของการระเบิดได้ แต่อาจจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย” (อาเรล)
“เธอพูดอะไรนะ? วิธีการแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก?” (บัคคัส)
“หากลดปริมาณพลังเวทที่ใส่ลงไปในตอนแรก ถ้ามันจะระเบิด มันก็ระเบิดออกมาอยู่ดี ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงน้อยกว่าการที่ใส่พลังเวทลงไปจำนวนมากในทีเดียว และมันจะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าหากสามารถทำได้โดยใช้พลังเวทในปริมาณที่เหมาะสม” (อาเรล)
“อืม-…..วิธีการแบบนั้นมัน” (บัคคัส)
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้นะ
“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นเด็กใหม่…. –แต่เธอไปเรียนรู้วิธีการเหล่านั้นมาจากไหนกัน?” (แลคคัส)
“ที่บ้านเกิดน่ะ” (อาเรล)
“บ้านเกิดของเธองั้นเหรอ…..” (บัคคัส)
ผมหมายถึงว่า ผมบังเอิญค้นพบมันตอนที่ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
แต่ปกติผมไม่ค่อยได้ใช้มัน เพราะว่ามันต้องใช้เวลาในการใช้งานนานกว่าปกติเล็กน้อย
อาจารย์บัคคัสได้ถูเครา และคิดอะไรสักอย่างอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดเขาก็ยอดรับวิธีการนี้
“อาเรลเธออยากจะสอบเลื่อนชั้นดูไหม?” (บัคคัส)
“สอบเลื่อนชั้น?” (อาเรล)
“ใช่แล้ว บางทีมันอาจจะไม่สมเหตุสมผลที่จะให้เธออยู่ชั้นปีที่หนึ่ง” (บัคคัส)
“ไม่ใช่ว่าการสอบเลื่อนชั้นมีแค่ปีละครั้งงั้นเหรอ?” (อาเรล)
“ใช่ นั่นคือกรณีปกติ แต่นักเรียนที่ได้รับอนุมัติจากอาจารย์ผู้สอนเท่านั้นจึงจะสามารถสอบเลื่อนชั้นแบบพิเศษได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงช่วงเวลา และถ้าหากสอบผ่านก็จะได้ไปชั้นถัดไป” (บัคคัส)
แค่นั้นแหละ
มีระบบแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?
“มันเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก ผมจะลองสอบดู” (อาเรล)
“โอเค ถ้าสมัครตอนนี้ ทางเราจะสามารถเตรียมการสอบให้ได้เร็วที่สุดก็อีกสองถึงสามวัน” (บัคคัส)
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ภายในห้องบรรยายก็มีเสียงขึ้นออกมา
“ด-เดี๋ยวก่อนครับ” (รอยซ์)
คนที่เข้ามาท้าแข่งกับผมในตอนสอบเข้า… น่าจะชื่อ? รอยซ์มั้ง?
เขาลุกขึ้นยืนและเดินมาที่ด้านหน้าห้อง
“การสอบนั่น ให้ผมร่วมทดสอบด้วยเถอะครับ!” (รอยซ์)