ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 11.2 ออกจากกลุ่มแล้วก้าวไปข้างหน้าคนเดียว (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 11.2 ออกจากกลุ่มแล้วก้าวไปข้างหน้าคนเดียว (2)
ขณะก้าวเข้าไปในดินแดนเทวะอุดรนั้น ผู้ที่ยังไม่ได้เป็นเซียนจะต้องหลีกเลี่ยงการบินในอากาศ ในระยะสามฉื่อเหนือพื้นดินนั้นจะมีไอพิษเข้มข้นรุนแรงมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีแมลงพิษและนกดุร้ายจำนวนมากบินอยู่รอบๆ ในทางตรงกันข้ามการอยู่บนพื้นดินก็จะปลอดภัยกว่า
เพลานี้มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะเดินไปได้ ซึ่งเต็มไปด้วยไม้สีดำเหมือนถูกเผาไหม้เรียงรายไปตามริมทางเดิน ส่วนใหญ่มีกิ่งก้านแต่ไม่มีใบ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีพลังชีวิตอีกประเภทหนึ่งไหลเวียนอยู่ภายในพวกมันเหล่านั้น
ขณะที่พวกเขาทั้งห้าเดินไปตามเส้นทาง พวกเขาก็พยายามแผ่พลังปราณสัมผัสรับรู้ออกไปให้มากที่สุด บางครั้งพวกเขาก็พบสัตว์มีพิษหนึ่งหรือสองตัวแอบซ่อนอยู่ในความมืดและเฝ้าดูผู้บุกรุกเข้ามาอย่างเย็นชา
ดูเหมือนว่าจะไม่มีแสงอาทิตย์ส่องผ่านเลย และยังมีอันตรายแฝงตัวอยู่ทั่วทุกซอกมุมในป่าแห่งนี้
ในป่าสมบัติโกลาหลนี้ อุดมไปด้วยสมบัติล้ำค่าหลายประเภทและสมุนไพรพิษอีกหลายสิบชนิด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันเป็นพื้นที่ชายแดนซึ่งมีความเสี่ยงต่ำที่สุด สมุนไพรเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนจึงได้ถูกทั้งผู้บำเพ็ญมนุษย์และปีศาจนำออกไป และแน่นอนว่า ย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาทั้งห้าคนที่จะค้นหาสมุนไพรวิญญาณที่พวกเขาต้องการได้
ยิ่งไปกว่านั้นสมุนไพรพิษที่หลี่ฉางโซ่วกำลังมองหาอยู่นั้นก็ไม่ได้อยู่ในป่าสมบัติโกลาหล แต่อยู่ในเขตพื้นที่ที่ลึกกว่านั้น
ขณะที่พวกเขาเดินกันอยู่ หลี่ฉางโซ่วก็หยิบแผนที่หนังแกะขนาดเท่าฝ่ามือออกมา แล้วดูตามเครื่องหมายต่างๆ ที่เขาวาดเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจว่าเขาควรจะไปทางใดต่อไป
อันดับแรกเขาต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมในการออกจากกลุ่ม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อาจารย์อาจิ่วจิ่วที่ ณ เวลานี้กำลังแอบตามพวกเขาอยู่บนท้องฟ้า จะต้องไม่ก้าวออกมาห้ามไม่ให้เขาไป…
หลังจากเดินไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ป่าข้างหน้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ ในขณะที่มีกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่วอากาศ ฝูงแมลงพิษส่งเสียงหึ่งๆ กระหึ่มดังสนั่น เหล่านักล่าที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดต่างก็เริ่มจับตามองสิ่งมีชีวิตทั้งห้านี้เพื่อเฝ้ารอโอกาสที่จะจู่โจมพวกเขา
กระดูกสีขาวลอยอยู่ในหนองน้ำกระจัดกระจายไปทั่ว มีบุปผาและผลไม้ที่เย้ายวนแต่มีพิษถึงชีวิต มีแมงมุมปีศาจพันตัวอยู่บนต้นไม้สูงพลางส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างโหดเหี้ยม
คนของสำนักตู้เซียนนั้นถือได้ว่ามีพรสวรรค์และกล้าหาญ พวกเขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งค่อยๆ ปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้
หลี่ฉางโซ่วเดินตามหลังพวกเขาทั้งสี่ไปอย่างใกล้ชิด ในเวลานี้เขายังคงห่างไกลจากจุดที่จะต้องเปลี่ยนทิศทาง จึงยังไม่ต้องรีบร้อนออกจากกลุ่มในทันที
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้าย เสียงร้องหึ่งๆ ของแมลงพิษในป่าดังกระหึ่มมากขึ้น ฉับพลันนั้นก็มีกระแสพลังอันโหดร้ายพุ่งตรงเข้าใส่พวกเขาอย่างกะทันหัน!
สัตว์พิษตัวหนึ่งทนไม่ได้อีกต่อไป จึงจู่โจมพวกเขาทันที!
ที่ด้านหน้าของกลุ่ม โหย่วฉินเสวียนหย่ายกมือขึ้นเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวต่อไปข้างหน้า พร้อมกับที่กระบี่เล่มใหญ่บนหลังของนางพลันเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
หยวนชิงสะบัดมือขวาของเขาเบาๆ กระบี่เซียนสีเขียวครามก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาทันที เผยให้เห็นพลังทั่วร่างที่แข็งแกร่งและรุนแรงของเขา ขณะนี้เขาดูอันตรายเป็นพิเศษและพร้อมที่จะบุกโจมตีได้ตลอดเวลา
ขณะที่พวกเขาทั้งสี่คนซึ่งอยู่ด้านหน้าล้วนหันความสนใจไปยังเงาร่างสีดำที่พุ่งออกมาจากป่าเบื้องหน้าทางซ้าย หลี่ฉางโซ่วกลับหันไปทางขวา แล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวมายืนอยู่ข้างหลังหวางฉีพลางกล่าวว่า
“ระวังขวา”
เกือบจะทันทีที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวจบ จู่ๆ ร่างสีดำสูงนับสิบฉื่อก็ปรากฏตัวออกมาจากป่าด้านหน้าทางซ้าย!
มันคือเสือดาวดำซึ่งมีปีกสองข้างกางออกมาจากหลังของมัน กรงเล็บที่อุ้งเท้าหน้าของมันสาดประกายวาววับด้วยแสงอ่อนจางสีเขียวเข้ม มันกระโดดเข้าหาพวกเขาทั้งสี่อย่างดุร้ายในทันทีที่มันปรากฏขึ้น!
“เจ้าเดรัจฉานร้าย รนหาที่ตายแล้ว!” หยวนชิงตะโกนด้วยเสียงหนักแน่น ร่างของเขาดูราวกับสายลมโชยพัดผ่านโหย่วฉินเสวียนหย่ายามที่เขารีบพุ่งผ่านออกไป ชั่วเวลานั้นก็มีลำแสงสีเขียวยาวราวแปดชุ่นวาบออกมาจากคมกระบี่ยาวสามฉื่อ ในขณะที่จังหวะก้าวย่างของเขาสร้างภาพติดตาการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้มากมาย!
ประกายแสงกระบี่แผ่ขยายลำแสงออกมาเป็นรูปฟันปลาที่ยาวเหยียด ในขณะที่เสือดาวดำยกกรงเล็บขึ้นหมายจะฟาดออกไป ฉับพลันนั้นเลือดสีดำของมันก็พุ่งกระฉูดขึ้นไปบนท้องฟ้า!
ร่างของมันได้ถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ กระจายไปทั่ว!
ชั่วขณะนี้เงาร่างสีดำอีกสองสายพุ่งออกมาจากป่าด้านหน้าทางขวา พวกมันพุ่งตรงไปที่หลิวเยี่ยนเอ๋อร์และโหย่วฉินเสวียนหย่าอย่างรวดเร็ว
“ข้าจัดการเอง!” หวางฉีตะโกนก้องแล้วปรี่ไปทางหลิวเยี่ยนเอ๋อร์ มีเปลวไฟปรากฏขึ้นหุ้มมือทั้งสองข้างของเขา เขาตั้งท่าจะฟาดมันใส่เสือดาวดำทั้งสองเพื่อไล่ให้พวกมันถอยกลับไป
แต่ก่อนที่เปลวไฟของเขาจะทันได้ระเบิดออก ร่างสีแดงเพลิงก็พุ่งผ่านเขาไป แล้วกระบี่เล่มใหญ่ที่นางยังไม่เคยชักออกจากฝักก็พุ่งฝ่าอากาศจนเกิดเสียงทึบตัน จากนั้นเสือดาวดำที่กำลังกระโจนมาทั้งสองตัวก็โดนกระบี่เหวี่ยงปลิวกระเด็นออกไปข้างหลังทันทีราวกับกระสอบทรายขนาดใหญ่สองใบที่พังทลาย
เพียงแค่พลังจากกระบี่ที่เหวี่ยงออกไป เจ้าเสือดาวดำสองตัวก็ปลิวกระเด็นสูงขึ้นไปในอากาศ ทันใดนั้นก็มีบงกชแดงที่มีไฟลุกโชนสองดอกปรากฏออกมาจากร่างของพวกมัน ก่อนที่ร่างของพวกมันจะระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างกะทันหัน แล้วเปลวไฟนั้นก็เข้ากลืนกินเลือดสีดำของพวกมันจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว!
เพียงชั่วพริบตาเสือดาวดำทั้งสองตัวนั้นก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยใดๆ
หวางฉีเผยรอยยิ้มกระดาก แล้วสลายเวทเปลวไฟที่มือทั้งสองข้างของเขาพลางก้าวถอยหลังออกไปทันที
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วพลันสาดประกาย โหย่วฉินเสวียนหย่าผู้นี้เชี่ยวชาญวิชาเวท ‘พลังเก้าบงกชเพลิงสะบั้น’ อย่างนั้นหรือ
เมื่อเสือดาวดำทั้งสามตัวถูกสังหารสิ้นไปในพริบตา สายตาจับจ้องบรรดาศิษย์ทั้งห้าจากในความมืดนั้นก็หดหายไปกว่าครึ่งหนึ่งทันที
ทั้งห้าคนกลับคืนเข้าสู่ตำแหน่งเดิมของพวกเขาอีกครั้ง และเร่งออกเดินทางไปข้างหน้าต่อไป โหย่วฉินเสวียนหย่าและหยวนชิงเริ่มใช้วิชาเวทพลังก้าวย่างขั้นพื้นฐาน ทำให้ทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาจึงสามารถตามทันได้อย่างง่ายดาย
จนกระทั่งมาถึงทางสามแยกที่ปรากฏขึ้นอยู่ข้างหน้า พวกเขาทั้งห้าก็หยุดชะงักพร้อมกันทันที
โหย่วฉินเสวียนหย่าพลันหันกลับมาแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ศิษย์น้องหญิง ข้าจะไปหาสมุนไพรหญ้าผลาญหัวใจเพลิงทางด้านนี้ มีบันทึกอยู่ในสำนักว่าจะพบสมุนไพรนี้ได้ในทิศทางนี้ พวกท่านโปรดถนอมตัวด้วย และอย่าเข้าไปในป่าให้ลึกมากนัก”
หลิวเยี่ยนเอ๋อร์เองก็กล่าวถึงสมุนไพรที่นางกำลังมองหาซึ่งต้องจากไปอีกเส้นทางหนึ่งเช่นกัน
ขณะนี้ทั้งกลุ่มจึงเริ่มแยกจากกัน ซึ่งแน่นอนว่าหยวนชิงต้องตามติดไปกับโหย่วฉินเสวียนหย่า เดิมทีเขาก็มาที่นี่เพื่อคอยช่วยเหลือและปกป้องนางโดยเฉพาะอยู่แล้ว
ส่วนหวางฉีมาที่นี่เพื่อสัมผัสโลกภายนอก เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยหลิวเยี่ยนเอ๋อร์ตามหาสมุนไพรที่นางต้องการ
ดังนั้นสายตาของพวกเขาทั้งสี่พากันจับจ้องที่หลี่ฉางโซ่ว
“ส่วนข้าก็จะไปทางนี้ ต้องขอแยกจากพวกเจ้าในเวลานี้เช่นกัน” หลี่ฉางโซ่วชี้ไปในทิศทางที่แตกต่างไปจากพวกเขา ทั้งสี่คนจึงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกันทันที
โหย่วฉินเสวียนหย่าพลันถามขึ้นว่า “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ท่านกำลังมองหาสมุนไพรชนิดใดหรือเจ้าคะ”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้ายังไม่สะดวกที่จะบอก แต่ไม่ต้องห่วงข้า พวกเจ้าถนอมตัวด้วย”
หยวนชิงพยายามโน้มน้าวเขาอีกว่า “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว เช่นนั้นท่านไปกับศิษย์น้องหญิงเยี่ยนเอ๋อร์จะไม่ดีกว่าหรือ…”
แต่ก่อนที่หยวนชิงจะทันได้กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็ก้าวไปในเส้นทางที่เขาเลือกแล้ว เขาใช้เวทพลังเท้าแล้วลอยจากไปในทันทีโดยที่เส้นผมของเขายังคงนิ่งไม่พลิ้วไหวไปตามสายลม และจากนั้นเขาก็หายตัวไปในมุมป่าข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ห่วงไปก็เปล่าประโยชน์ จริงๆ แล้วเขามองข้ามความปรารถนาดีของพวกเรา” หลิวเยี่ยนเอ๋อร์บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ส่วนหยวนชิงและหวางฉีก็ส่ายศีรษะเล็กน้อยเช่นกัน เพราะพวกเขารู้สึกว่าบางทีหลี่ฉางโซ่วแค่อยากรักษาศักดิ์ศรีและไม่อยากเป็นตัวถ่วงพวกเขาที่แข็งแกร่งกว่า
แต่ในทางกลับกันนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าพลันครุ่นคิด ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผุดขึ้นมาในใจของนาง จึงได้หันกลับไปตามเส้นทางที่นางเลือก เมื่อมองด้านหลังที่มีกระบี่เล่มใหญ่อยู่บนแผ่นหลังนั้น ก็ยิ่งทำให้นางดูบอบบางยิ่งกว่าเดิม
………………………………………………………………………