ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 110.2 สหายเต๋า ท่านเคยได้ยินหรือไม่... (2)
ไม่นานหลังจากนั้น หลิงเอ๋อร์ซึ่งไม่อาจต้านทานการโจมตีของอาจารย์อาน้อยของนางได้ จึงทำได้เพียงโยนภาระหนักหน่วงนี้ออกไปแล้วร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ของนาง…
ทันใดนั้น ดวงตาของจิ่วจิ่วพลันเปล่งประกายขึ้นมาทันที “หือ? ศิษย์พี่ของเจ้าออกจากปิดด่านฝึกฝนแล้วหรือ
เช่นนั้น ก็เรียกเขามาเล่นศึกสู้มหาเทพด้วยกันเถิด! ข้าไม่ได้เจอเขามาครึ่งปีแล้ว!”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วอดจะส่ายศีรษะไม่ได้แล้วเดินออกจากกระท่อมมุงจากไป
เฮ้อ…เบาะนั่งยังไม่ทันอุ่นเลย
จากนั้น กระท่อมมุงจากของหลิงเอ๋อร์ก็คึกคักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วหยิบสุราชั้นดีสองไหออกมา และหลิงเอ๋อร์ก็หยิบขนมที่นางทำไว้ก่อนหน้านี้ออกมาให้อาจารย์อาน้อยของนาง ในขณะที่พวกเขาทั้งสามต่างก็ถือไพ่ที่หลี่ฉางโซ่วทำเอาไว้และเริ่มต่อสู้กัน
“คู่เซียนเสิ่น!”
“เหอะ! คู่เซียนเทียน!”
“พวกเราคือ เซียนน้อยในศึกครั้งนี้ ศิษย์พี่เป็นมหาเทพ! อา…ท่านอาจารย์อา ไฉนท่านมากำจัดข้าเล่า!!” “เอ่อ…ข้าถูกหลอกแล้ว ข้าถูกหลอก”
“ข้าว่าเจ้าควรยอมแพ้” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะอย่างสงบ “ข้ามีไพ่เซียนจินสองใบอยู่ในมือ แล้วเจ้ายังคิดว่าจะลุกขึ้นสู้ได้อีกหรือ”
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์พ่นลมออกมาเบาๆ ทันที “เหลวไหล ไพ่เซียนจินใบน้อยอยู่กับข้าชัดๆ…โอ้ ไม่สิ ข้าถูกหลอกแล้ว!”
จิ่วจิ่วกอดเท้าของนางแล้วหัวเราะลั่น เกือบจะหงายหลังขณะหัวเราะ “กล้าดีอย่างไรถึงมาแกล้งข้า…”
ในขณะนั้นนักพรตเต๋าชราคนหนึ่งก็เดินไปอย่างสบายๆ เขาคือฉีหยวน
“ท่านอาจารย์!”
“ศิษย์พี่ฉีหยวน!”
ทันใดนั้น ขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะลุกขึ้นยืน ‘ฉีหยวน’ ก็ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณว่าพวกเขาไม่ต้องลุกขึ้น “พวกเจ้าสนุกกันต่อได้ ฉางโซ่ว หลิงเอ๋อร์ อยู่กับศิษย์น้องหญิงจิ่วจิ่วนะ ข้าต้องออกไปข้างนอก มีงานบางอย่างต้องทำ” หลานหลิงเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ ทันที ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็ลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคารวะให้ท่านอาจารย์ของเขา
ในขณะนั้น ‘ฉีหยวน’ โบกมือและยิ้มให้ขณะที่ขึ้นไปบนก้อนเมฆ แล้วบินไปที่ประตูสำนัก
และราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จู่ๆ หลานหลิงเอ๋อร์พลันขยิบตาให้หลี่ฉางโซ่วในขณะที่เขายิ้มตอบและบอกให้เล่นไพ่กันต่อ
ฉับพลันนั้น จิ่วจิ่วรู้สึกยินดีมีชัยขึ้นมาทันที “ได้ยินหรือไม่ อาจารย์ของพวกเจ้าบอกให้อยู่กับข้า! เร็วเข้า เอาสุราชั้นดีและอาหารอร่อยๆ มาให้ข้าหน่อย แล้วให้ข้าชนะเมื่อเล่นไพ่ด้วย!”
หลี่ฉางโซ่วและหลานหลิงเอ๋อร์ต่างพากันหัวเราะคิกคักขณะที่พวกเขายังคงเล่นสนุกสนานกับจิ่วจิ่วต่อไป
ในเวลานี้ ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วทำงานหลายอย่างพร้อมกัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชัยชนะต่อเนื่องของเขา
แน่นอนว่า นักพรตเต๋าชราฉีหยวนที่เข้ามานั้น แท้จริงแล้วคือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วให้ปลอมตัวเป็นฉีหยวน ซึ่งเขาได้รับความยินยอมจากท่านอาจารย์ของเขาด้วย
เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้ควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลายตัวพร้อมๆ กันมาแล้ว ในขณะนี้ เขาจึงทำงานหลายอย่างได้โดยไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
ในขณะที่ร่างหลักกำลังเล่นไพ่และพูดคุย กับอาจารย์อาน้อย ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ออกจากสำนักไปได้อย่างง่ายดาย โดยขับเคลื่อนเมฆไปทางทิศใต้…
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่หินสัมผัสซึ่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของอาจารย์ของเขาสวมใส่ และในขณะนั้น หินสัมผัสก็ส่องแสงระยิบระยับออกมา
มีเสี้ยวพลังสัมผัสเซียนรับรู้ที่ยังคงสำรวจตรวจสอบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ หลี่ฉางโซ่วยังคงรักษาความสงบและบินต่อไปทางใต้ต่อไป ทันใดนั้น สีหน้าของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เปลี่ยนไปทันที มีทั้งความวิตกกังวล ความประหลาดใจ และความขลาดกลัวปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา คล้ายแสดงว่าเขาอยากเห็นแต่ก็กลัวที่จะเห็นซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกับท่านอาจารย์ฉีหยวนของเขามากกว่าจะเป็นตัวของเขาเอง…
ในเวลานั้น พลังสัมผัสเซียนรับรู้ได้ไล่ตามไปมากกว่าสี่ร้อยลี้ก่อนที่มันจะค่อยๆ อ่อนกำลังลง
แม้เขาจะไม่รู้ว่าผู้ใดแอบสำรวจตรวจจับอยู่ แต่จากสถานการณ์นี้ เขาก็คิดว่า ขอบเขตพลังของอีกฝ่ายน่าจะเป็นเซียนเสิ่นระดับกลาง
มันเป็นการยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขา
แต่นี่เป็นเพียงการคาดเดา ซึ่งหลี่ฉางโซ่วจะไม่ตัดสินใดๆ จากเรื่องนี้เพราะยังมีข้อมูลน้อยเกินไป
เป็นเรื่องยากมากที่จะจำลองลมปราณเซียนจั๋วของอาจารย์ของเขา ซึ่งส่วนที่ยากที่สุดก็คือ ลมปราณเซียนจั๋ว
หลี่ฉางโซวยังนึกถึง ‘ความคิดที่ผิด’ เขาหยิบแส้หางม้าของอาจารย์ซึ่งมักใช้เพื่อลงโทษศิษย์ของเขา และยับยั้งลมปราณของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ส่วนใหญ่เพื่อทำให้มันดูเหมือนลมปราณเซียนจั๋วจริงๆ
และหลี่ฉางโซ่วคิดว่าหลังจากกลับไป เขาก็จะช่วยอาจารย์ของเขาเปลี่ยนแส้หางม้าเป็นแส้ที่มี ‘ขน’ นุ่มกว่าเดิม…
หลังจากเดินทางกว่าพันลี้ห่างจากภูเขาหลี่ เขาก็ได้เดินทางสู่ดินแดนเทวะทักษิณ
นกที่บินเล่นอย่างอิสระบนท้องฟ้ากำลังหัวเราะเยาะกับความลำบากของข้า
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งปลอมตัวเป็นอาจารย์ฉีหยวนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วได้ค้นพบเมฆสีขาวที่มีกลุ่มเซียนของสำนักตู้เซียนสองสามคน ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกสามร้อยลี้…แต่พวกเขาก็คือ จิ่วอู จิ่วซือ และผู้ดูแลระดับบริหารอีกสองคนที่กำลังกลับสำนักหลังจากการเดินทางไปทำงาน
จิ่วอูยังสังเกตเห็นร่างของ ‘ฉีหยวน’
ในเวลานั้น นักพรตเต๋าร่างเตี้ยเป็นกังวลและพูดอะไรบางอย่างกับจิ่วซือที่อยู่ด้านข้างเขา จากนั้นเขาก็ขอให้พวกเขาทั้งสามคนกลับไปที่สำนักก่อน แล้วหันเมฆไล่ตามฉีหยวนไปตามลำพัง
อย่างไรก็ตาม จิ่วอูไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าทันที แต่เขาติดตาม ‘ฉีหยวน’ ไปโดยรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาสามร้อยลี้ และเพ่งพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาไปที่ ‘ฉีหยวน’ เขาอยากรู้ว่า ‘ฉีหยวน’ จะทำอะไร
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงันทันที
อาจารย์ลุงจิ่วอูแอบตามท่านอาจารย์ไปราวกับเป็นสายลับใช่หรือไม่…
ยามนี้เขากำลังปลอมตัวเป็นอาจารย์ของเขา และแน่นอนว่า พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของอาจารย์ของเขาย่อมไม่อาจตรวจจับอาจารย์ลุงจิ่วอูได้อย่างแน่นอน
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้สนใจเรื่องอาจารย์ลุงจิ่วอู แต่ปล่อยให้เขาติดตามไป
ขณะพูดคุยและสนุกสนานกับอาจารย์อาจิ่วจิ่ว เขาได้ควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋า ขณะที่ค่อยๆ บินตรงไปยังดินแดนเทวะทักษิณอย่างช้าๆ ท่ามกลางหมู่เมฆ
ในอีกด้านหนึ่งนั้น จิ่วอูมีความอดทนสูง มาก เขาติดตามไปโดยรักษาระยะห่างสามร้อยลี้ และลูบคางเป็นครั้งคราวพลางคิดถึงอะไรบางอย่าง…
เวลานี้ เขาตามมาได้ครึ่งเดือนแล้ว…
หลี่ฉางโซ่วยังสงสัยว่า อาจารย์ลุงจิ่วอู เกี่ยวข้องกับศัตรูของท่านอาจารย์ของเขาหรือไม่
แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบแล้ว อาจารย์ลุงจิ่วอูก็ได้พบกับฉีหยวนโดยบังเอิญเท่านั้นและไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดกับเขา ท่านอาจารย์ทั้งสองคนได้พบกันสองสามครั้งและไม่มีอะไรผิดปกติในเรื่องนี้
หลังจากเดินทางและหยุดอยู่เช่นนี้ ‘ฉีหยวน’ ก็มาถึงสถานที่นัดพบกับศิษย์พี่หญิงของเขาก่อนเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ซึ่งคือเมืองหลินตงที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลบูรพาและอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนเทวะทักษิณ
ในเวลานั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลายเป็นนักพรตเต๋าธรรมดาที่เดินทางไปมา เขาถือแส้หางม้าพลางขมวดคิ้วขณะผ่านประตูเมืองแล้วเข้าไปในเมือง
จิ่วอูหยุดลงที่นอกเมืองแล้วเกาศีรษะของเขาอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกแปลกๆ และสงสัยเกี่ยวกับที่อยู่ของศิษย์น้องของเขาผู้นี้
มันน่าจะเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในสำนักครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้หรือไม่
เขายังเป็นอาจารย์ของศิษย์หลานฉางโซ่วอีกด้วย ดังนั้นข้าจะละเลยเขาไปไม่ได้…
ทันทีที่จิ่วอูมีความคิดนี้อยู่ในใจ พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็จับศิษย์น้องฉีหยวนที่เพิ่งเข้ามาในเมือง และเห็นว่าเขาได้รับการต้อนรับจากนักพรตเต๋าอีกคนที่สวมชุดคลุมเต๋าและกระซิบอะไรบางอย่างกันเบาๆ
“มีปัญหา ต้องมีปัญหาแน่นอน”
ในขณะนั้น จิ่วอูปกปิดลมปราณของเขาทันที และแอบมุ่งตรงไปที่เมืองต้องการตรวจสอบอย่างรอบคอบ
และแน่นอนว่า นักพรตเต๋าร่างเตี้ยย่อมเข้าใจผิด
เมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วเข้ามาในเมือง นักพรตเต๋าชราที่สวมชุดคลุมเต๋า และอยู่ในขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพก็เดินขึ้นไปหาเขา เขาไม่ได้พบนักพรตเต๋าร่างเตี้ยและไม่ได้กล่าวถึงว่านเจียงอวี่เลย
ใบหน้าของนักพรตเต๋าชรานั้นดูดีและลมปราณของเขาก็สงบ เขาโน้มตัวออกมาข้างหน้าและประสานมือโค้งคารวะ จากนั้นก็กล่าวว่า “สหายเต๋า ท่านเคยได้