ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 117.1 เฮ้อ ความสัมพันธ์แตกสลาย (1)
ข้ายังพลาดอะไรอีก
ยิ่งรู้สึกโล่งใจมากเท่าใด เขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วยืนคิดเรื่องนี้อยู่ริมทะเลสาบ
เมื่อผ่านไปเจ็ดวันนับตั้งแต่นักพรตเต๋าไขว่ซือออกจากสำนักไปแล้ว ในเวลานี้ ยอดเขาหยกน้อยก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ในท้ายที่สุด โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ยังต้องเข้าปิดด่านฝึกฝน นางจึงไม่มาที่นี่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ยิ่งไปกว่านั้น นางเคยอยู่ที่ยอดเขาหยกน้อยเป็นเวลานานพอที่จะเป็นพยานได้ว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เห็นข้าและท่านอาจารย์อยู่บนยอดเขา และนั่นก็ย่อมเพียงพอแล้ว
หลี่ฉางโซ่วต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้
ในเวลานี้ เขาคือต้นกล้าอมตะด้อยค่าของสำนัก ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับเซียนเสิ่น เขาย่อมจะไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยอย่างแน่นอน
แต่ในอนาคต เมื่อขอบเขตพลังที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย ก็เป็นไปได้ที่ยอดเขาเซียนหลิน อาจเชื่อมโยงหลี่ฉางโซ่วซึ่งปกปิดความสามารถของเขาเอาไว้กับการหายตัวไปของไขว่ซือและการที่ไขว่ซือมีปัญหากับฉีหยวน…
โหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นผู้บำเพ็ญที่ทรงคุณธรรมมาก จึงเป็นไปได้สูงที่นางจะก้าวออกไปชี้แจงเรื่องนั้นด้วยตัวเอง
และเมื่อถึงเวลานั้น ความจริงย่อมจะคลุมเครือและเขาจะมีโอกาสจัดการกับมันได้มากขึ้น
ในขณะนั้น ก็มีคนที่ยอดเขาเซียนหลินพบว่าพวกเขาไม่สามารถติดต่อกับนักพรตเต๋าไขว่ซือได้ จึงสงสัยว่าจะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา
และในเวลานั้น สหายเซียนเสิ่นสองสามคนในรุ่นเดียวกันกับไขว่ซือก็ออกไปตามหาเขาแล้ว
หากพวกเขาไม่พบเบาะแสใดๆ ที่หลี่ฉางโซ่วทิ้งไว้เบื้องหลัง ย่อมจะเป็นการดี
หากพวกเขาพบเบาะแส เขาย่อมจะถูกพาไปยังดินแดนเทวะอุดรอันกว้างใหญ่ และหลี่ฉางโซ่วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอีกหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าที่ปลอมตัวเป็นไขว่ซือก็ได้พบรอยร้าวที่ก้นหุบเขา และจุดเพลิงสมาธิเผาตัวเองก่อนจะสลายหายไปในความว่างเปล่า
และจนถึงเวลานี้ นอกเหนือจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และเรื่องจิปาถะไร้สาระในชีวิตประจำวันของเขาแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ลงมือวางแผนสำหรับเรื่องที่สำคัญเพียงสองเรื่องเท่านั้น
เรื่องแรกคือ ตอนที่เขาไปดินแดนเทวะอุดรเพื่อค้นหาสมุนไพรบางอย่างเพื่อช่วยให้ท่านอาจารย์ของเขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ ซึ่งเขาได้เตรียมการมานานกว่าสิบปี
และเรื่องที่สองซึ่งเกี่ยวกับไขว่ซือ ซึ่งครั้งนี้ เขาก็ได้เตรียมการมากว่าสิบปีเช่นกัน
ส่วนเรื่องของสำนักเทพทะเลนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันล้วนเป็นเพียงเรื่องบังเอิญอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาอับจนหนทาง และบีบเขาให้ต้องโต้กลับ และได้รับบุญไปพร้อมกับผลักภาระให้คนอื่น…
จึงเป็นการดีที่สุดที่เขาจะอยู่นิ่งๆ บนภูเขาในสำนักหากไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับกรรมใดๆ
อย่างไรก็ตาม ในยามนั้น มีเต่าสีดำตัวใหญ่ในดินแดนเทวะอุดรซึ่งไม่ได้ทำอะไรเลย ทว่าสุดท้ายก็มีปัญหาตกลงมาจากฟากฟ้า เมื่อแขนขาทั้งสี่ของมันถูกปรมาจารย์จอมปราชญ์ตัดออกเพื่อช่วยค้ำจุนโลกเอาไว้
ทั้งนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่กล้ารวมเรื่องราวนั้นเอาไว้ในพระสูตรมั่นคง
ดังนั้นเมื่อเขาแอบฝึกฝนอยู่บนภูเขา จึงจำเป็นต้องปกป้องตัวเองให้ดีที่สุดโดยต้องทำให้ดูไม่มีลักษณะพิเศษใดๆ ให้เป็นที่สังเกต และยังต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อหนีเอาชีวิตรอดให้ดี
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงกลับเข้าไปในกระท่อมมุงจากเงียบๆ และคอยเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของผู้คนในยอดเขาเซียนหลินอย่างต่อเนื่อง
แม้เขาจะมีความสามารถในการเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสแห่งยอดเขานี้ แต่ยามนี้ เมื่อในที่สุด สำนักตู้เซียนมีเสถียรภาพและกลายเป็นที่ยอมรับ เขาก็ไม่อยากจะสูญเสียการสนับสนุนนี้ไป
เมื่อเขาค้นหาวิญญาณของนักพรตเต๋าไขว่ซือ ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เห็นผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างหลังนักพรตเต๋าไขว่ซือที่หยามหมิ่นท่านอาจารย์และอาจารย์ป้าของเขา
เขาเป็นอาจารย์ของนักพรตเต๋าไขว่ซือ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งจากยอดเขาเซียนหลินผู้ครองขอบเขตพลังเซียนเทียนระดับต้น
และเป็นเพราะคนผู้นั้นที่จัดการให้นักพรตเต๋าไขว่ซือ ซึ่งเป็นผู้ที่ลอบโจมตีท่านอาจารย์ฉีหยวนของเขาไม่ได้รับการลงโทษที่เขาควรจะได้รับตามกฎของสำนัก และนั่นทำให้ในเวลานั้น ยอดเขาหยกน้อยต้องถูกโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง
หลี่ฉางโซ่วจึงเก็บบัญชีนี้เอาไว้ในใจ
หากในภายหน้า เขามีโอกาสทำร้ายผู้อาวุโสเซียนเทียนผู้นี้ เขาก็จะแอบย่องขึ้นไปแล้วขว้างยอดเขาหยกน้อยใส่เขาอย่างแน่นอน…
และในเวลานี้ ม้วนตำราไม้ไผ่ที่เขาเคยใช้เขียนเรื่องราวของนักพรตเต๋าไขว่ซือก็สลายหายไปจากเตาหลอมโอสถแล้ว และหลังจากนั้นอีกครึ่งเดือนต่อมา ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในยอดเขาเซียนหลิน
เดิมทีนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เซียนเสิ่นผู้หนึ่งจะออกไปและไม่กลับมาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งร้อยวัน
แต่ก่อนที่นักพรตเต๋าไขว่ซือจะจากไป เขาได้แจ้งว่าจะออกไปหาอาวุธเวทให้ศิษย์ของเขาใช้ในระหว่างการแข่งขันครั้งใหญ่ของสำนัก ทว่าหลังจากผ่านไปนานเช่นนี้ ก็ไม่มีข่าวคราวจากเขา และยังไม่สามารถติดต่อเขาผ่านหยกสื่อสารได้…
และในขณะนั้น มีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ทำการพยากรณ์ได้ดี ทว่าเมื่อเขาตรวจดูดวงชะตาแล้ว กระดองเต่าก็แตกกระจายทันที…
ดังนั้นคู่บำเพ็ญเต๋าของไขว่ซือซึ่งรู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับเขา จึงพาผู้คนไปที่เมืองฟางเพื่อตรวจสอบ และตามเบาะแสเหล่านั้น ซึ่งก็นำพานางไปยังพรมแดนของดินแดนเทวะอุดร
และอีกหนึ่งเดือนต่อมา ผู้คนในยอดเขาเซียนหลินก็เกือบจะแน่ใจแล้วว่า ไขว่ซือได้สิ้นชีพไปแล้ว ซึ่งสาเหตุการตายของเขาก็เกิดจากการต่อสู้กับใครบางคนนอกเมืองฟาง
เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดาในโลกบรรพกาล
ในขณะนั้น เหล่าผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนก็ทำการคาดการณ์ทำนายร่วมกันเพื่อหามูลเช่นกัน แต่พวกเขาก็สามารถสรุปได้เพียงว่าไขว่ซือเสียชีวิตโดยไร้ข้อมูลอื่นใดอีก
ดังนั้นจึงต้องปล่อยเรื่องนี้ไปด้วยไร้หนทางอื่น
หากมีศัตรูที่ชัดเจน ผู้คนในสำนักตู้เซียนย่อมจะยืนขึ้นและแสวงหาคำอธิบายให้คนในสำนักของพวกเขา
แต่เมื่อไร้ร่องรอยศัตรูของเขา และเบาะแสที่เป็นประโยชน์ใดๆ เบื้องหลัง สำนักตู้เซียนจึงทำได้เพียงปลอบโยนคู่บำเพ็ญเต๋าและบรรดาศิษย์ของนักพรตเต๋าไขว่ซือเท่านั้น
และในเวลานี้ พวกเขาจึงเตรียมเซียนเสิ่นอีกผู้หนึ่งเพื่อช่วยสั่งสอนบรรดาศิษย์ของไขว่ซือและช่วยหาคู่บำเพ็ญเต๋าคนอื่นให้กับคู่บำเพ็ญเต๋าของไขว่ซือแทน…
แค่กๆ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ส่วนตัวเท่านั้น
ส่วนอาจารย์และศิษย์สองคนแห่งยอดเขาหยกน้อย พวกเขาทั้งสามล้วนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
หลี่ฉางโซ่วเฝ้าสังเกตการณ์เงียบๆ เป็นเวลาหนึ่งปีและยุติเรื่องนี้เอาไว้ชั่วคราว สำหรับความชั่วที่นักพรตเต๋าไขว่ซือทำนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไม่สนใจที่จะเอ่ยถึงพวกเขาอีก
เขาไม่เหมือนศิษย์น้องหญิงตัวอันตรายของเขา เขาไม่มีความยุติธรรมที่แกร่งกล้าเช่นนาง
แค่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับมโนธรรมสำนึกของตัวเขาเอง นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
ในเวลานี้ ยอดเขาต่างๆ ของสำนักตู้เซียน ก็เต็มไปด้วยกิจกรรม การแข่งขันของเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ภายในสำนักจะถูกจัดขึ้นล่วงหน้าและศิษย์ทุกคนต้องมีส่วนร่วม
บรรดาเซียนของรุ่นก่อนๆ ล้วนออกมาจากการปิดด่านกันทีละคนเพื่อฝึกสอนวิธีการต่อสู้ให้กับเหล่ารุ่นเยาว์
บรรดาปรมาจารย์ต่างๆ ก็ง่วนอยู่กับงานของตัวเองเช่นกัน พวกเขาจะให้สมบัติและอาวุธเวทที่พวกเขาไม่ต้องการอีกต่อไปเพื่อเป็นรางวัลแก่บรรดาศิษย์รวมทั้งสั่งสอนวิธีปรับตัวและโต้ตอบตามสถานการณ์ในระหว่างการต่อสู้ให้กับพวกเขา
บรรดาศิษย์บางคนที่ไม่นับว่ามีความสามารถแข็งแกร่งเท่าใดนักต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจจากการต่อสู้ระหว่างต้นกล้าอมตะด้อยค่าแห่งยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่ว และองค์ชายรองแห่งวังมังกรที่หน้าโถงตู้เซียนในคราวนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้กับกฎการหลบหนี
เพียงแต่พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็มีคำถามเดียว นั่นคือ…
ไฉนดินของพวกเขาในยามที่ฝึกฝนหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายจึงแข็งกระด้างและฝึกฝนลำบากยิ่งนัก
มันลำบากมากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าและออกจากพื้นดิน มันไม่ราบรื่นและเป็นธรรมชาติเหมือนยามที่ศิษย์พี่หลี่ (ศิษย์น้องหลี่) ชูคทาหนามแหลมของเขาขึ้น
บางที นั่นอาจเป็นเรื่องของความสามารถและอารมณ์
และแล้ว วันแข่งขันภายในของสำนักก็กำลังใกล้มาถึง
เวลานี้ หลี่ฉางโซ่วหลอมโอสถมาได้หลายเดือนแล้ว เขาใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สร้างรายได้โดยทำให้พวกมันออกไปเสี่ยงโชคสองครั้ง และในที่สุด เขาก็ได้เติมเต็มรายการยาพิษในคลังยาพิษของเขาเอง
ในวันนี้ เขาและหลานหลิงเอ๋อร์พูดคุยกันและเริ่มทำงานต่างๆ ร่วมกันอย่างเบิกบานใจ พวกเขาฆ่าไก่ขนหลากสีสองตัว ฆ่าปลาหลี่เหว่ยสองตัว ต้มกบหยกหนึ่งหม้อ และผัดผักวิญญาณเซียนสองสามจาน และตามด้วยสุราชั้นดีสองไห แล้วจัดวางไว้บนโต๊ะในกระท่อมมุงจากของหลี่ฉางโซ่ว…