ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 123.2 ผู้ที่รู้ใจข้าคือเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 123.2 ผู้ที่รู้ใจข้าคือเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ (2)
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บุรุษหนุ่มในชุดขาวพลันเลิกคิ้วและกล่าวอย่างสงบว่า
“ในเมื่อท่านมาปรากฏตัว ท่านกำลังคิดวางแผนหาที่หลบภัยใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดท่านถึงปรากฏตัวด้วยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของท่าน”
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์?
ทันใดนั้น สีหน้าของผู้พิทักษ์เซียนเทียนพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วแอบถอนหายใจในใจและคิดว่า คนผู้นี้สมควรที่จะเป็นบรรพาจารย์เต๋า ลูกหลาน และศิษย์น้องของจอมปราชญ์เทพ เขาสามารถมองเห็นที่มาของร่างจำแลงของข้าได้อย่างรวดเร็วยิ่ง
แน่นอนว่า อาจเป็นเพราะสิ่งที่ผู้อาวุโสในชุดสีเทาพูดด้วยเช่นกัน…
หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวว่า “ข้าไม่อาจช่วยตัวเองได้ ขอฝ่าบาท โปรดเมตตาด้วยเถิด”
และนั่นคือ เขาอยากยืนยันด้วยการระบุตัวตนของอีกฝ่ายโดยตรง
..
“โอ้?”
ทันใดนั้น สายตาของบุรุษหนุ่มในชุดขาวก็ฉายแววสนุกสนานขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงมองไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่เหมาะที่เราจะคุยกันที่นี่ ทำไมเราไม่ไปในสถานที่ที่วิเศษกันเล่า”
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสที่สวมชุดสีเทาพลันหยิบม้วนภาพออกมาจากแขนเสื้อแล้วค่อยๆ คลี่เปิดออกช้าๆ มันเป็นภาพวาดทิวทัศน์ภูเขาและแม่น้ำ
จากนั้น บุรุษหนุ่มในชุดขาวจึงก้าวไปข้างหน้าและหายตัวไปต่อหน้าภาพวาดภูเขาแม่น้ำนั้น
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตรวจสอบการทำงานในการระเบิดตัวเองของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ กฎห้ามในการเผาตัวเอง และสิ่งของป้องกันการคาดการณ์ทำนายบนร่าง จากนั้นก็ถือแส้หางม้าและลอยร่างไปข้างหน้า
เมื่อเข้าใกล้ภาพวาด หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูด…
ทันใดนั้น ก็มีแสงและเงาแวบวาบอยู่เบื้องหน้าเขา และท่ามกลางความงงงันนั้น เขาก็ได้มาถึงสถานที่ในภาพวาดแล้ว
ในศาลาบนภูเขา เวลานี้บุรุษหนุ่มในชุดขาวและชายชราในชุดเทา ซึ่งควรจะถือม้วนภาพวาดอยู่ข้างนอกนั้น กำลังนั่งอยู่ในศาลา
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจและสงสัยว่า เขาจะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอยากทำโดยไม่ให้เกี่ยวข้องกับกรรมอีกต่อไปด้วย…
และขณะที่เข้าไปใกล้ เขาก็มีแผนแล้ว เอาเป็นว่า ข้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้และลองเล่นไขปริศนาดูก่อนแล้วกัน…
จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ในยามค่ำคืนที่มืดมิด บัดนี้ มีลำแสงสามสายพุ่งออกมาจากภาพวาด และชายชราผู้ใจดีซึ่งเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็โค้งคารวะและกล่าวว่า “ข้าจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป สหายเต๋า”
“ได้โปรดเถิด” บุรุษหนุ่มในชุดขาวเผยท่าทางเชื้อเชิญ ขณะที่ดวงตาของเขาเผยแววลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ได้โปรดพิจารณาถึงสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปในตอนนี้อีกครั้งเถิด”
“สหายเต๋า ท่านควรรู้ถึงปัญหาของข้า”
“เฮ้อ” บุรุษหนุ่มในชุดขาวถอนหายใจในขณะที่ดวงตาของเขาเผยแววผิดหวังก่อนจะโค้งคำนับให้คนตรงหน้าเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วตอบกลับคำนับนั้นอย่างสงบ แน่นอนว่า เขาก้มต่ำลงไปกว่าปกติอีก จากนั้นจึงขับเคลื่อนเมฆจากไปทางวิหารเทพทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกล
และทันทีที่เขาจากไป อักขระเต๋าที่ปิดบังร่องรอยที่อยู่ของพวกเขาก็หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้น บุรุษหนุ่มในชุดขาวก็มองไปที่เขาครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ
“ข้าไม่คิดว่าผู้ที่เข้าใจข้าจะกลายเป็นเทพนอกรีตไปได้! เจ้าคิดอย่างไรกับคนผู้นี้ แม่ทัพตงมู่”
“เขาฉลาดมาก คมในฝักยิ่งนัก และมีความเข้าใจโลกอย่างลึกซึ้ง สามารถวิเคราะห์ทุกสรรพสิ่งได้” ผู้อาวุโสในชุดเทาซึ่งเป็น ‘แม่ทัพตงมู่’ กล่าวเบาๆ ว่า “คำแนะนำสิบสองข้อที่สหายเต๋ากล่าวกับฝ่าบาท ในความคิดของข้า น่าจะเป็นจริง”
“ถูกตัอง ส่วนใหญ่ตรงกับความคิดในใจของข้าเช่นกัน ทว่าข้าไม่เคยพิจารณาถึงคำแนะนำบางอย่างที่เขาให้ข้ามาก่อนด้วยเช่นกัน”
บุรุษหนุ่มในชุดขาวนึกคิดอย่างระมัดระวัง พวกเขาได้สนทนากันนานหลายชั่วยาม ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าได้รับประโยชน์มากมายมหาศาลหลังจากนั้น
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และไม่อาจเข้าใจได้
เขาบอกว่า บังเอิญพวกเขามีความคิดเห็นเหมือนกัน แต่นั่นเป็นเพียงเพราะเขาไม่อยากเสียหน้า
ไม่ว่าเขาจะมองจากมุมใด เขาก็รู้สึกว่าเจ้าสำนักเทพทะเลนั้นค่อนข้างทรงพลัง เพราะไม่ง่ายเลยที่จะฝึกฝนทักษะการสร้างร่างจำแลงเช่นนี้ได้…
มีผู้คนมากมายที่ซ่อนความสามารถของพวกเขาเอาไว้ในโลกบรรพกาลนี้
เมื่อคิดเช่นนี้ บุรุษหนุ่มในชุดขาวจึงกล่าวอย่างกันเองว่า “หากผู้ทรงคุณธรรมและเที่ยงธรรมเช่นนั้นอยู่กับข้าได้นานๆ เช่นนั้น ย่อมจะสามารถแก้ไขปัญหาในศาลสวรรค์ได้ภายในหนึ่งหมื่นปี”
“แต่ว่าฝ่าบาท…”
ดูเหมือนว่า แม่ทัพตงมู่ยังอยากเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล “ข้าจะคิดอย่างรอบคอบ เรายังไม่อาจรู้ว่า คนผู้นี้เป็นใคร รู้เพียงแค่ว่า เขาเป็นเจ้าสำนักเทพทะเลแห่งทะเลทักษิณ เขามีความสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์มังกรและพวกเผ่าเวท ส่วนอื่นๆ นั้น ข้าไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ข้าเคยคาดเดามาก่อนแล้วและพบอักขระเต๋าแห่งสมบัติเซียนเทียน แผนภาพไท่จี๋ ซึ่งยับยั้งโชคชะตาของเขาอยู่ เขาน่าจะมาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน”
บุรุษหนุ่มในชุดขาวยิ้ม “ตัวตนของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะมีการเตรียมการสำรองบางอย่างเอาไว้ และเหตุผลที่เขาใช้ร่างจำแลงมาพบเราในวันนี้ ก็น่าจะเป็นการสร้างชะตาสัมพันธ์ที่ดีกับข้า เผ่ามังกร เผ่าเวท สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…สำนักเทพทะเลนี้น่าสนใจจริงๆ” “กลับกันเถิด การเดินทางครั้งนี้ นับว่าประสบผลสำเร็จ อย่าลืมเขียนบันทึกความทรงจำในภายหลัง เนื้อหาจะเกี่ยวกับการสรรหาเทพเจ้านอกรีตแห่งดินแดนเทวะทักษิณเพื่อไปสวรรค์ จากนั้นให้เชื่อมโยงเรื่องนี้กับสำนักเทพทะเล เทพเจ้านอกรีตอื่นๆ ล้วนเอาแต่รับบุญเครื่องสักการะเท่านั้น มีเพียงสำนักเทพทะเลเท่านั้นที่ไม่เลวเลย”
แม่ทัพตงมู่โค้งคำนับและกล่าวว่า “น้อมรับบัญชา…ฝ่าบาท ท่านกำลังคิดจะใช้ประกาศิตสวรรค์บีบบังคับให้เขาปรากฏตัวหรือไม่”
“ไม่ ข้าจะไม่ทำอะไรที่ตื้นเขินเช่นนั้นเด็ดขาด”
บุรุษหนุ่มในชุดขาวกล่าวว่า “สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง ผู้ที่รู้ใจข้าอาจไม่จำเป็นต้องเข้ากับข้าได้ และผู้ที่เข้ากันได้ก็อาจไม่รู้จักข้าดีพอ หากเขาสามารถให้แผนการที่ดีแก่ข้าได้ในอนาคตและแก้ไขปัญหาของข้าได้ ข้าจะให้เขาจุติใหม่ นับประสาอะไรกับตำแหน่งเทพแห่งท้องทะเลในทะเลทักษิณ ท่านแม่ทัพตงมู่ รอข้าคิดดูทีหลังก่อน หลังจากนั้น เจ้าค่อยมาที่สำนักเทพทะเลเพื่อพบเขาอีกครั้ง ศาลสวรรค์ขาดผู้คนและเหล่าเซียน และสิ่งสำคัญที่ขาดน้อยที่สุดก็คือบุญจากเต๋าสวรรค์”
“น้อมรับบัญชา ฝ่าบาท”
ในหุบเขาเบื้องล่างของยอดเขาพิชิตสวรรค์แห่งสำนักตู้เซียน เวลานี้ หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจออกมาช้าๆ ด้วยความรู้สึกว่าปราณวิญญาณของเขาเกือบจะระเบิดออกมา
วันนี้ข้า…โอ้อวดมากเกินไปหรือไม่
เมื่อครู่นี้ ข้าเปิดเผยอะไรออกไปหรือไม่ หรือพูดอะไรที่ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดหรือไม่
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไตร่ตรองอย่างรอบคอบและตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในวันนี้ เขาไม่ได้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่เขายังใช้กลยุทธ์บางอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาภายในของศาลสวรรค์และบรรเทาแรงกดดันจากภายนอก
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าศาลสวรรค์จะมีเส้นทางดำเนินการต่อไปอย่างไร จึงไม่ยากที่เขาจะคิดถึงกลยุทธ์เหล่านั้น เมื่อเขาเปิดเผยแผนที่สาม อีกเก้าแผนที่เหลือก็อยู่ในใจของเขาแล้ว
เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาก็คิดว่าเขาน่าจะบรรลุเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้สำเร็จ นอกจากนั้น เขายังไม่ได้วางแผนอะไรไว้อีกเลย
เรื่องนี้ผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดคืออะไร
หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวังรอบคอบ บางที อาจเป็นเพราะปรมาจารย์ในสำนักค้นพบว่าเขาแอบแนะนำและคิดแผนให้เง็กเซียนฮ่องเต้อย่างลับๆ
แต่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็แข็งแกร่งพอที่จะสนับสนุนศาลสวรรค์ ซึ่งศาลสวรรค์อยู่ภายใต้การคุ้มครองของบรรพชนไท่ชิง และในฐานะศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน มันย่อมสมเหตุผลแล้วที่เขาจะทำเช่นนั้น
เรื่องนี้มีประโยชน์มากมาย…
“ศิษย์พี่?” หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามเบาๆ ว่า “เกิดอะไรขึ้น ท่านเหงื่อออกไปทั่วเลย” หลี่ฉางโซ่วจึงใช้หลังมือเช็ดหน้าผากของเขา แล้วทันใดนั้นเขาจึงรู้ว่าบัดนี้ตัวเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ
เขายิ้มและกล่าวว่า “ข้าพบปัญหาตีบตันในการฝึกฝนเท่านั้น ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล ทว่านางยังคงจำกฎสามข้อได้ และไม่เอ่ยอะไรอีก หลี่ฉางโซ่วจึงเช็ดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผากของเขาอย่างสงบ ในขณะที่พยายามสรุปเส้นทางการพัฒนาของเรื่องนี้ที่อาจเป็นไปได้ในอนาคต
จากนั้นเขาก็อยู่ในภวังค์…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าช่างเหนือชั้นยิ่ง…
ดูเหมือนว่า คราวนี้ เขาจะหลอกเง็กเซียนฮ่องเต้หนุ่มเสียแล้วจริงๆ.