ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 132.2 โอสถปลอมของแท้ (2)
ในวันนั้น จิ่วอูรีบขับเคลื่อนเมฆออกมาจากยอดเขาตันติ่ง ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ความจริงแล้ว เขาได้นำโอสถปรารถนาไปสองขวดเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว และยังไม่ถึงวันที่ต้อง ‘ทำตามคำสั่ง’
“ฉางโซ่ว! เร็วเข้า! มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น!” “โอ้?” หลี่ฉางโซ่วรีบเดินออกมาจากหอโอสถอย่างรวดเร็ว“ท่านอาจารย์ลุง โปรดพูดช้าๆ เถิดขอรับ”
จิ่วอูกล่าวอย่างกังวลว่า “มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับโอสถปรารถนา! ในวันนี้ หลังจากที่ผู้อาวุโสเซียนเทียนผู้หนึ่งกินโอสถปรารถนาเข้าไป จิตใจของเขาก็เริ่มสับสนและเริ่มประพฤติตัวเสียสติ…
…ขณะนี้เขากำลังได้รับการดูแลรักษาจากผู้อาวุโสที่ยอดเขาตันติ่ง! ”
หลี่ฉางโซ่ว ขมวดคิ้วและสังเกตเห็นความผิดปกติได้ในทันที
เขาเป็นคนกลั่นสกัดโอสถปรารถนา ทุกกระบวนการและส่วนผสมของยาล้วนได้รับการดูแลผ่านมือเขาทั้งสิ้น และเขาก็ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของโอสถทุกเม็ดอย่างละเอียดรอบคอบ
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ผู้อาวุโสเกือบทั้งหมดที่มีคู่บำเพ็ญเต๋าในสำนักล้วนเคยใช้โอสถปรารถนา และยังมีเซียนเสิ่นชราบางคนที่ใช้พวกมันเพื่อกระตุ้นจิตใจชราภาพของพวกเขาเช่นกัน…
โอสถนี้มีผลเพียงให้ผู้ใช้มี ‘จินตนาการที่สดใสซาบซ่า’ และ ‘คลื่นแห่งอารมณ์’ เท่านั้น นอกจากนี้ หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วปรับปรุงโอสถ เขาก็ได้ลดการใช้หินแห่งความรัก และน้ำหินแห่งความรักลงเป็นพิเศษอีกด้วย
จิ่วอูกล่าวว่า “เรื่องนี้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ตื่นตกใจแล้ว เราจะควรทำอย่างไรดี”
“ท่านอาจารย์ลุง ท่านแน่ใจหรือว่าที่เขาเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะเขากินโอสถปรารถนาของเรา”
“ฟังจากที่ผู้อาวุโสท่านนี้กล่าว มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ…”
“ไปเถิด เราไปดูหน่อยเถิด”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะกระโดดขึ้นไปบนเมฆของอาจารย์ลุงจิ่วอูก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะออกจากยอดเขาหยกน้อยไปด้วยกัน แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขาตันติ่ง
ระหว่างทางบนก้อนเมฆ จิตใจของหลี่ฉางโซ่วยังคงปั่นป่วนวุ่นวาย และในเวลานั้น เขาก็แผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปสังเกตส่วนต่างๆ ของยอดเขาตันติ่งแล้วเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ใดกำลังวางแผนคิดร้ายต่อเขา
เมื่อกระโดดลงมาจากก้อนเมฆและให้คำแนะนำกับจิ่วอูสักสองสามคำแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็มุ่งหน้าไปยังศาลาที่มีนักพรตเต๋าชราจำนวนเจ็ดหรือแปดคนมารวมตัวกัน
โชคดีที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนอยู่ที่นั่นด้วยซึ่งช่วยหลี่ฉางโซ่วได้มากมาย
ในขณะนั้น จิ่วอูก็กล่าวว่า “ศิษย์หลานฉางโซ่วมาถึงแล้วขอรับ!”
เหล่านักพรตเต๋าชราที่อยู่ข้างหน้าล้วนหันกลับมามองทันที พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็มีสีหน้ากังวล และพวกเขาบางคนก็ถือโอสถปรารถนาอยู่ในมือซึ่งน่าจะกำลังวิเคราะห์คุณสมบัติยาที่อยู่ภายในนั้น
ในขณะนั้น มีนักพรตเต๋าวัยกลางคนซึ่งสวมเสื้อผ้าที่ยับย่นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงกลม เขาก้มศีรษะลงและหลับไป
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็จับร่องรอยของผงวิญญาณพิษได้ในทันที มันน่าจะเป็นท่านปรมาจารย์อาวุโสว่านหลินหยุนที่ปล่อยมันออกมาจนทำให้คนผู้นั้นหมดสติ
“ฉางโซ่ว เจ้ามียาแก้พิษโอสถปรารถนานี้หรือไม่”
“ข้าเคยกินโอสถปรารถนามาก่อน แต่ข้าก็ปลอดภัย แล้วเหตุใดถึงมีอันตรายซ่อนเร้นอยู่เช่นนี้”
“ท่านผู้อาวุโสโปรดอย่าวิตกไปขอรับ” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและกล่าวว่า “ศิษย์ขอดูอาการของผู้อาวุโสคนนี้ให้ละเอียดสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ แม้ขอบเขตพลังของศิษย์จะต่ำและเต๋าในการเล่นแร่แปรธาตุของศิษย์ยังอ่อนด้อย แต่ศิษย์เป็นผู้สกัดกลั่นโอสถปรารถนาทั้งหมดนี้ขึ้นมาเอง บางทีศิษย์อาจมองเห็นอะไรบางอย่างได้” ทันใดนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็กล่าวว่า “ให้ฉางโซ่วดูก่อน”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ จึงหลีกทางให้หลี่ฉางโซ่วทันที จากนั้นหลี่ฉางโซวจึงโค้งคำนับและเดินผ่านเหล่าผู้อาวุโสไป
เหตุผลหนึ่งคือเขาต้องระวัง เขาควรจะมีความสุภาพและมารยาทดีที่สุดด้วยเช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้เปิดเผยพลังเซียนของเขา แต่วางมือของเขาลงบนแขนของผู้อาวุโสที่หมดสติและสงบสติอารมณ์ลงขณะสัมผัสมัน
และในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็คิดแผนในใจได้อย่างรวดเร็วแล้วหันไปมองจิ่วอู
“ท่านอาจารย์ลุง ท่านบอกพวกเขาว่าพวกเขาไม่อาจใช้โอสถเม็ดอื่นที่มีสรรพคุณทางยาคล้ายคลึงกันได้ภายในสามวันหลังจากกินโอสถปรารถนาหรือไม่ขอรับ” จิ่วอูพยักหน้าทันทีแล้วตอบว่า “ศิษย์หลาน ข้าไม่เคยลืมสิ่งที่เจ้าบอกข้า”
หลี่ฉางโซ่วพลันพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส โปรดเป็นพยานและช่วยข้าค้นหาคลังเวทจัดเก็บของผู้อาวุโสท่านนี้ ข้าอยากดูว่ามีเศษของโอสถปรารถนาเหลืออยู่หรือไม่
ฉับพลันนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ก้าวออกไปข้างหน้าทันทีโดยไม่รอให้ผู้ใดได้ทันเอ่ยวาจา “ให้ข้าทำเอง”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ จึงทำได้เพียงกลืนคำพูดของพวกเขา
ในขณะนี้ จอมโหดหน้าเหี้ยมแห่งยอดเขากำลังทำให้พวกเขาหวาดกลัว
แม้ว่าจะเป็นการไม่สุภาพในการค้นหาคลังเวทจัดเก็บของผู้อื่นและการบังคับเปิดมันก็อาจสร้างความเสียหายให้กับกฎห้ามของพวกมัน แต่หลี่ฉางโซ่วก็ รู้ว่า ในขณะนี้ เขาต้องอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเข้าใจผิดอย่างไร้เหตุผล
ในไม่ช้า ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ปลดผนึกคลังเวทจัดเก็บของผู้อาวุโสผู้นี้ หลังจากค้นหาอยู่สักพัก เขาก็หยิบขวดหยกออกมาและเทโอสถเม็ดสีฟ้าอ่อนออกมาสามเม็ด
หลี่ฉางโซ่วหยิบยาเม็ดหนึ่งและบีบมันด้วยปลายนิ้วของเขา จากนั้นก็ส่ายศีรษะและถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่เอ่ยอันใดออกมา
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็เดินไปข้างหน้าแล้วตรวจสอบคุณสมบัติของยาอีกสองเม็ดที่เหลือทันทีก่อนจะสรุปได้ว่า ‘ฤทธิ์ยา’ ของโอสถนั้นเป็นอย่างไร และในไม่ช้า สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย…“ผู้ใดเป็นคนกลั่นสกัดโอสถเม็ดนี้”
“พวกมันดูเหมือนว่าจะเหมือนกับโอสถปรารถนา แต่โอสถปรารถนาที่ศิษย์หลานฉางโซ่วกลั่นสกัดออกมามีฤทธิ์ยาที่ไม่รุนแรงและเป็นกลาง แล้วเหตุใดโอสถทั้งสองเม็ดนี้จึงดูชั่วร้ายได้เล่า”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนแค่นเสียงเยาะเย็นชา และตอนนี้เขากำลังคิดจะปลุกผู้เฒ่าที่หมดสติอยู่
มันไม่ง่ายที่ในที่สุดเขาก็มีศิษย์น้อยที่เขาโปรดปรานอย่างยิ่ง แต่เวลานี้ ศิษย์น้อยของเขากลับถูกใส่ร้าย! “ผู้อาวุโส!”
หลี่ฉางโซ่วรีบร้องตะโกนว่า “ท่านผู้อาวุโส โปรดอย่ากังวลเกินไปขอรับ”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าวอย่างสงบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “จะไม่ให้กังวลเรื่องนี้ได้อย่างไร เจ้าพวกนักหลอมโอสถเหล่านั้นสกัดกลั่นโอสถออกมาหยาบๆ เช่นนี้ จนทำร้ายผู้คนมากมาย แล้วยังทำให้เจ้าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยไร้เหตุผลอีก!”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยขณะแอบสังเกตสีหน้าของผู้อาวุโสเหล่านี้และถอนหายใจออกมา
“เรื่องนี้ไม่ควรเผยแพร่ออกไป ผู้ที่หลอมโอสถเม็ดนี้จะต้องเป็นผู้อาวุโสในสำนัก นอกจากนี้ยังเป็นเพราะการฝึกฝนของศิษย์นั้นยังตื้นเขินเกินไปและข้าก็ไม่ได้ผลิตโอสถปรารถนานี้ออกมาจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้ท่านผู้อาวุโสตัดสินใจวิเคราะห์สูตรยาและสกัดกลั่นขึ้นมาด้วยตัวเอง ข้าไม่เคยคิดที่จะใช้โอสถปรารถนาเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และสร้างชื่อเสียง ในคราแรกนั้น ข้าแค่อยากจะมอบให้ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูเพื่อช่วยเสริมความปรารถนาของท่าน หลังจากนั้น ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูจึงได้เสนอโอสถปรารถนาเหล่านี้แก่ท่านผู้อาวุโส อันที่จริง ข้าใช้ความพยายามอย่างมากกับโอสถเม็ดนี้จนทำให้ละเลยการฝึกฝน ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสกัดกลั่นโอสถนี้ ดังนั้น ต้นตอของปัญหาจึงอยู่ที่ข้าเองขอรับ”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนขมวดคิ้วฉับพลันและในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยออกไป หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวเสริมว่า
“ศิษย์จะทำงานร่วมกับท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูในภายหลังเพื่อนำเสนอโอสถปรารถนาต่อหอไป่ฝาน และนับจากนี้ไป มันจะได้กระจายออกไปในสำนักได้ขอรับ”
“ท่านผู้อาวุโส โปรดช่วยข้าอย่างลับๆ ช่วยบอกผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ที่ต้องการใช้โอสถปรารถนาว่าไม่ต้องตามหาอาจารย์ลุงจิ่วอู นับตั้งแต่นี้ไป แต่เพียงแค่ไปที่หอไป่ฝานก็สามารถได้รับยาจำนวนหนึ่งได้โดยตรงขอรับ”
“ศิษย์ขออภัย ในเวลานี้ ยังมีโอสถที่ยังอยู่ในเตาหลอม ดังนั้นศิษย์ขอกลับก่อนขอรับ”
หลังจากกล่าววาจาคมคายจบ หลี่ฉางโซ่วจึงโค้งคารวะและหันหลังเดินออกไปด้านนอกห้องโถง
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็ฟื้นคืนสติและรีบตะโกนว่า “ฉางโซ่ว เจ้าอย่าโกรธเรื่องนี้ไปเลย พวกเราจะให้คำอธิบายกับเจ้าอย่างแน่นอน”
“ฉางโซ่ว ไม่ควรนำโอสถนี้ไปไว้ในหอไป่ฝาน…”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองอีก
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ผสมผสานกันเช่นนี้ เขาก็ได้เผยให้เห็นศักดิ์ศรีและความหยิ่งทะนงของหนุ่มน้อยนักหลอมโอสถ
“หึ!”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกระแทกไม้เท้าทองสัมฤทธิ์ในมือของเขาลงกับพื้นอย่างแรงทันที ทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต้องตัวสั่นสะท้านงันงกกันอีกครั้ง “หลังจากมีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี พวกเจ้าก็ยังอ่อนด้อยกว่าเด็กรุ่นเยาว์! หากข้ารู้ว่าผู้ใดเป็นคนหลอมโอสถปลอมเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อทำร้ายผู้อื่น ข้าจะไม่ปล่อยเขาเอาไว้อย่างแน่นอน!”
ในอีกด้านหนึ่งนั้น หลี่ฉางโซ่วเพิ่งขับเคลื่อนเมฆบินออกไปจากยอดเขาตันติ่งในขณะที่จิ่วอูรีบขึ้นเมฆและขับเคลื่อนเมฆไล่ตามหลังเขาไป
แต่ก่อนที่จิ่วอูจะได้เอ่ยวาจาใดออกไป หลี่ฉางโซ่วก็กระซิบเบาๆ ว่า “ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอู ข้าจำได้ว่ามีผู้ดูแลระดับบริหารในยอดเขาตันติ่ง นามว่า หลิวเฟยเซียน…”
“ถูกต้อง มีอันใดหรือไม่”
“ท่านอาจารย์ลุง โปรดขยับเข้ามาใกล้ๆ ขอรับ…”
และทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ก้มลงและกล่าวพึมพำบางอย่างเข้าไปในหูของจิ่วอู