ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 135.2 กบตาบอดพบยุงตาย (2)
สำนักบำเพ็ญประจิมเคยพยายามกำราบวังมังกรแห่งสี่คาบสมุทรและทำให้ราชามังกรเป็นมังกรผู้พิทักษ์ของสำนักบำเพ็ญประจิม และพวกเขายังบอกว่าจะใช้ดอกบัวทองคำระดับสิบสองเพื่อระงับโชคชะตาของเผ่าพันธุ์มังกร อย่างไรก็ตาม เผ่ามังกรจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ในตอนนี้ ดอกบัวทองคำระดับสิบสองนั้น ได้ควบคุมเหล่าปรมาจารย์จำนวนมากที่สำนักบำเพ็ญประจิมคัดเลือกมาแล้ว!
ไม่ว่าสมบัติวิญญาณเซียนเทียนจะทรงพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด มันก็ยังมีขีดจำกัดเช่นกัน
โชคอันยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มังกรไม่อาจปล่อยให้สำนักบำเพ็ญประจิมระงับเอาไว้ได้
ดังนั้นเผ่ามังกรจึงปฏิเสธทันที
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เมื่อหลี่ฉางโซ่วกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว อ๋าวอี่ก็ตอบสนองทันทีและคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง…“พี่ฉางโซ่ว ท่านคิดว่าอย่างไร” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ใช้วิธีแสดงทั้งอำนาจและความดีงามกำราบพวกเขา หากอีกฝ่ายจะแอบทำร้ายเผ่าพันธุ์มังกรทั้งในที่ลับและที่แจ้ง พวกเขาย่อมเปิดเผยร่องรอยของพวกเขาในช่วงเวลาวิกฤติ เผ่ามังกรจะไม่ยอมรับความคิดที่จะช่วยเผ่ามังกรได้อย่างไร” หลี่ฉางโซ่วแทบจะเชื่อในคำพูดของเขาเอง
อ๋าวอี่อ้าปากค้างและเดินไปมาในความฝันของเขา
เขาไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน แม้ว่าชีวิตของเขาจะประสบปัญหามีรอยด่างสองครั้งเมื่ออายุได้สิบขวบและยังช่วงเยาว์วัยที่สิบกว่าปี…
ในไม่ช้า อ๋าวอี่ก็กระซิบว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่า…พวกเขาต้องการใช้สำนักเทพทะเลทักษิณเป็นเหยื่อล่อ? พวกเขาต้องการล่อปรมาจารย์ของเผ่ามังกร แล้วโจมตีพวกเขา หรือปิดล้อมพวกเขา หลังจากนั้นก็แสร้งทำเป็นช่วยเหลือพวกเรา?”
“ใช่! น่าจะเป็นเช่นนี้ ในไม่ช้า สำนักเทพทะเลทักษิณจะทำให้เกิดภัยพิบัตินองเลือด ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “พี่อี่ รอช้าไม่ได้แล้ว โปรดรีบรายงานเรื่องนี้กับพระบิดาของเจ้าโดยเร็วด้วย
ข้ามีสองแผน
หนึ่งคือเรายอมแพ้ทิ้งสำนักเทพทะเลทักษิณ แล้วเผ่าพันธุ์มังกรก็จะปลอดภัย
หากอีกฝ่ายมา ข้าจะไปเข้าฝันทูตเทวะโดยตรงและขอให้พวกเขาปกป้องตัวเองแทนที่จะไปขัดแย้งกับอีกฝ่าย
ประการที่สอง หากเผ่ามังกรไม่ต้องการสละบุญเหล่านี้ และต้องการเผชิญหน้าต่อสู้กับอีกฝ่าย เราก็ควรวางแผนและจัดวางค่ายกลเอาไว้ล่วงหน้า เราจะปิดประตูตีสุนัขและต่อสู้กับพวกมันอย่างดุเดือด!”
หลี่ฉางโซ่วหยุดไปชั่วขณะและกล่าวว่า “ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว พี่อี่ โปรดแจ้งวังมังกรโดยเร็วและให้พวกเขาตัดสินใจโดยเร็วที่สุด”
อ๋าวอี่พยักหน้าตกลงทันที จากนั้นก็โค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วก่อนที่ความฝันนั้นจะสลายไปอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วพลันลืมตาและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขามอบการตัดสินใจให้เผ่ามังกร…
เขาเคยวางแผนทำร้ายเผ่ามังกรมาครั้งหนึ่งและติดหนี้บุญคุณพวกเขา
ให้รอดพ้น ‘ลางร้าย’ นี้ก่อนเถิด แล้วค่อยพูดถึงเรื่องอื่นๆ
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วยังคงไม่หยุด เขายังคงทุ่มเททั้งเวลาและความพยายาม ผ่านรูปปั้นนั้น เขาก็เริ่มมองหาทูตเทวะแห่งสำนักเทพทะเลที่มีอำนาจอย่างแท้จริงเพื่อฝากความฝันของเขาเอาไว้
และหัวหน้าหมู่บ้านสง สุภาพบุรุษชรา แค่กๆ ทูตเทวะเฒ่าก็เป็นคนแรกที่ได้รับความฝัน
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจัดการกับมันก่อน
เขาขอให้ทูตเทวะของหมู่บ้านสงลงมือจัดการก่อนโดยยับยั้งการชุมนุมเหล่าสานุศิษย์ในขณะที่ลดขอบเขตกองกำลังของฝ่ายต่างๆ และเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งที่จะเริ่มขึ้นได้ตลอดเวลา
การกระจายกองกำลังของสำนักเทพทะเลทักษิณ ค่อนข้างยาวและแคบ และเป็นการยากที่จะป้องกัน
แม้ลางร้ายนองเลือดในครั้งนี้ จริง ๆ แล้ว จะเป็นเพียงสัญญาณของความขัดแย้งเล็กๆ ในสำนักเทพทะเลและสำนักบำเพ็ญ แต่มันก็นับว่าเป็นการฝึกฝนรับภัยพิบัติด้วยเช่นกัน…
หลังจากมอบหมายงานในความฝันแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ เขาได้ส่งเจ็ดในสิบส่วนของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และตุ๊กตากระดาษของเขาให้ไปยังสำนักเทพทะเลทักษิณในดินแดนเทวะทักษิณแล้ว
เขาต้องปกป้องสำนักเทพทะเลของเขาเองอย่างเต็มที่
ต่อไปเขาต้องหาลูกหลานของต้นไม้โบราณเหล่านั้น เขาต้องรีดเอาน้ำเลี้ยงต้นไม้บางส่วนออกมา แล้วสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อใช้ในภายหลัง
หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ว่า ผู้บงการที่ยื่นมือสกปรกไปที่สำนักเทพทะเลนั้น อยู่ไม่ไกลจากสำนักเทพทะเล
เพื่อความปลอดภัย เขาต้องระวังแม้แต่สิ่งที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุด
ในคราวนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้จับกบกินหยกจำนวนมากบนยอดเขาหยกน้อยใส่เอาไว้ในถุงเก็บสัตว์วิญญาณเพื่อเอาไปช่วยสำนักเทพทะเล
ในเวลาเดียวกันนั้น…ในหุบเขาที่อยู่ภายใต้การครอบคลุมของค่ายกลมากมายในป่าภูเขาหนาทึบในดินแดนเทวะประจิม ในขณะนี้ มีร่างมากกว่าสิบร่างบินมาจากทิศทางต่างๆ และร่อนลงสู่หุบเขา พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเซียนเทียน
ในหมู่พวกเขา มีทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่มีใบหน้าชรา และดวงตาของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
คนเหล่านั้นต่างก็คุ้นเคยกันดี พวกเขาทั้งหมดล้วนมีตัวตนเดียว พวกเขาเป็นผู้ได้รับมอบหมายบุญของสำนักบำเพ็ญประจิม
รูปปั้นของพวกเขาตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณ พวกเขาอยู่ใกล้กับอาณาเขตของ สำนักเทพแห่งทะเลทักษิณ
เมื่อถูกเรียกตัวมาในขณะนี้ คนเหล่านี้อาจคาดเดาได้คร่าวๆ แล้วว่า พวกเขากำลังจะโจมตีสำนักเทพแห่งทะเลทักษิณ
หน้าที่ของผู้ที่เป็นตัวแทนบุญซึ่งได้รับมอบหมายบุญก็คือ ก่อตั้งสำนักในนามของตนเอง พัฒนาสำนัก รวบรวมผู้ศรัทธา และซึมซับบุญจากเครื่องสักการะบูชา แต่เก้าสิบเก้าในหนึ่งร้อยส่วนของบุญเหล่านี้จะถูกนำหักออกไป
แต่มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาที่จะอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากจอมปราชญ์ของสำนักอีกด้วย…“โอ พวกเจ้ามาที่นี่กันหมดเลยหรือ”
ร่างที่เย้ายวนใจปรากฏขึ้นในหุบเขาขณะกล่าวเบาๆ
นางสวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีชมพูและเส้นผมยาวของนางยาวลดหลั่นลงมาถึงเอว แม้มองจากระยะไกล นางก็ยังดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล
ในขณะนั้น ร่างนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและมาถึงเบื้องหน้าผู้คนนับสิบคน ซึ่งทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
แน่นอนว่า นี่คือ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง
ในเวลานี้ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงได้หยิบป้ายสัญลักษณ์สีทองออกมาแล้วโบกเบาๆ จากนั้น ผู้คนนับสิบคนก็ก้มศีรษะลงทันทีและไม่กล้ามองนางโดยตรง
“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร ไม่ต้องถามว่าข้ามาจากที่ใด เรื่องที่ข้าจะคุยกับพวกเจ้าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ขณะที่คนอีกสิบคนกำลังจะพูดคุยอยู่นั้น จู่ๆ พวกเขาก็ตระหนักว่า ดูเหมือนว่า ลำคอของพวกเขาจะถูกเข็มแทง แล้วทันใดนั้น พวกเขาก็เปียกโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นโดยไม่รู้ตัว
ในขณะนั้น ความกลัวค่อย ๆ ผุดขึ้นในหัวใจของเขาจนตัวแข็งค้าง
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงเดินส่ายร่างที่มีเสน่ห์ของนางไปมาเบาๆ สามครั้งในแต่ละก้าว ขณะที่ตรวจสอบคนเหล่านั้นด้วยดวงตาหงส์ยาวรีของนางทีละคน…“จิตวิญญาณของพวกเจ้ายังอ่อนแออยู่เล็กน้อย แต่มีบุญมากมายและยังนับว่าเป็นบุญชั้นเยี่ยมน่ากินอีกด้วย
แต่วางใจได้ ในเมื่อพวกเจ้ามีหน้าที่ต้องทำ ข้าก็จะไม่ใช้พวกเจ้าเป็นเครื่องสังเวย ข้าจะมีอาหารมื้ออร่อยรอข้ามากกว่านี้อีกในภายหลัง
ข้าจะให้พวกเจ้าทำสิ่งหนึ่ง หนึ่งเดือนหลังจากนี้ จงปลุกระดมมนุษย์และพาพวกเขาไปโจมตี และปล้นสำนักเทพแห่งทะเลทักษิณ
และเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะหาหุ่นเชิดให้มาร่วมมือกับพวกเจ้า
เป้าหมายของพวกเจ้า คือการล่อให้ผู้พิทักษ์เผ่ามังกรแห่งสำนักเทพแห่งทะเลปรากฏตัวและสังหารพวกเขาครึ่งหนึ่ง และเหลือทิ้งไว้ครึ่งหนึ่ง จากนั้น พวกเจ้าก็ล่อเหล่าปรมาจารย์เผ่ามังกรให้รีบไปที่นั่นมากขึ้น
เมื่อถึงตอนนั้น สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือ ปลุกระดมมนุษย์ต่อไปและให้พวกมันมาหยุดพวกมังกรเหล่านี้…”
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกล่าวแล้วไม่เอ่ยอะไรต่ออีก
หลังจากที่กวาดสายตาของนางไปทั่วผู้คนนับสิบคนแล้ว ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็ตระหนักว่าพวกเขากลัวอักขระเต๋าของพวกเขาจนพูดไม่ออก
ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงแค่นเสียงเยาะและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากพวกเจ้าคัดค้านในสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่ ก็ก้าวออกมาข้างหน้าครึ่งก้าวได้”
ในขณะนั้น มีหญิงชราคนหนึ่งลังเล นางก้าวออกไปข้างหน้าครึ่งก้าวแล้วเปิดปากพูด
แล้วทันใดนั้น ร่างของผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงก็แวบไปปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหญิงชรา พลางสะบัดนิ้วเรียวของนาง
หญิงชราผู้นั้นเป็นกึ่งเซียนจิน แล้วจู่ๆ นางก็กลายเป็นฝุ่นสีดำปลิวไปอย่างนุ่มนวลแผ่วเบาทันที “เอาล่ะ ยังมีใครคัดค้านอีก”
ฉับพลันนั้น คนที่เหลืออีกสิบกว่าพลันหน้าซีด พวกเขาล้วนก้มศีรษะและไม่กล้าเอ่ยอะไร ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนขณะนึกถึงร่างที่ปรากฏขึ้นมาในใจ ร่างที่นางเห็นผ่านม่านน้ำ…“อืม…”
เมื่อเทียบกับอาหารที่อยู่ตรงหน้านางเหล่านี้ มีเพียงร่างนั้นเท่านั้นที่สามารถถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แท้จริง