ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 136.2 ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง การเดินทัพครั้งยิ่งใหญ่! (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 136.2 ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง การเดินทัพครั้งยิ่งใหญ่! (2)
ในขณะนั้น กองกำลังของเผ่ามังกรก็แบ่งแยกกัน กองทัพเรือเผ่ามังกรได้แบ่งกองกำลังของพวกเขามุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณ กลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าลงใต้ และอีกกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปทางเหนือ กลุ่มหนึ่งอยู่ในที่โล่งแจ้ง และอีกกลุ่มหนึ่งแอบซุ่มอยู่ในที่ลับ
อ๋าวอี่เตือนอีกครั้งว่า “ขอให้ท่านผู้อาวุโสของเผ่า โปรดช่วยเผ่ามังกรปกปิดแผนเป็นความลับด้วย” “ฝ่าบาท โปรดวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ชายชราผมขาวที่มีหัวมังกรยิ้มและกล่าวว่า “กระหม่อมได้ทำไปแล้ว”
อ๋าวอี่พยักหน้าและมองไปที่ม้วนไม้ไผ่ในมือของเขาอีกครั้ง และในไม่ช้าเขาก็รีบเก็บม้วนไม้ไผ่ด้านล่างเขาอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ อ๋าวอี่และปรมาจารย์มังกรสองสามคนนั่งอยู่ภายในรถม้ามังกรคันหนึ่ง พวกเขายังใช้เส้นทางทะเลเพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู
และในระหว่างทางไปทะเลทักษิณ อ๋าวอี่ก็เริ่มพลิกอ่านม้วนไม้ไผ่ทั้งยี่สิบหกม้วนนั้น
หลังจาก ‘การเดินทัพ’ มันคือ ‘หลักการทั่วไป’ และตามด้วย ‘การเลือกสถานที่ต่อสู้’ ‘การซุ่มโจมตี’ (ล่าง-กลาง) และ ‘ล่อศัตรู’
หลังจาก ‘ล่อศัตรู’ กลยุทธ์จะถูกแบ่งออกเป็นสามสาขาตามปฏิกิริยาตอบโต้ของอีกฝ่าย พวกเขาจะต้องเลือกกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องตามนั้น หลังจากนั้นก็มีส่วนแบ่งย่อยต่างๆ
ไม่นานหลังจากนั้น อ๋าวอี่ก็ถือม้วนไม้ไผ่เอาไว้ในมือและรู้สึกทึ่งกับมันจริงๆ
ช่างสมกับการเป็นปรมาจารย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจริงๆ กลยุทธ์เหล่านี้ได้รับการคิดและไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนยิ่งและมันก็น่าทึ่งมาก! ในไม่ช้า อ๋าวอี่ก็ทำตามคำแนะนำในม้วนไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ยิ้มขณะหยิบชุด ‘การซุ่มโจมตี’ ครบชุดออกมา เขาอยากให้ทุกคนเข้าใจกลยุทธ์นี้ก่อน…“ท่านลุง มาดูวิธีการซุ่มโจมตีที่หาได้ยากยิ่งในโลกนี้เถิดขอรับ!”
ปรมาจารย์เผ่าพันธุ์มังกรสองสามคนยิ้มและพยักหน้า พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก พวกเขาถือม้วนไม้ไผ่สามม้วนเอาไว้ในมือและศึกษาดู และในไม่ช้า ใบหน้าของพวกเขาก็เคร่งขรึมขึ้น
“แยกออกและกระจายโดยไม่กระจาย…” “การซุ่มโจมตีบนพื้นผิวนั้นคือ การล่อศัตรู ทำให้ไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง การซุ่มโจมตีระดับล่างคือการทำร้ายศัตรู นอกจากนี้ยังมีการซุ่มโจมตีระดับกลาง และระดับสูง ทั้งยังมีกองทหารสำรอง…ช่างน่าทึ่งจริงๆ”
“นี่คือวิธีที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ใช้ในการเอาชนะเผ่าเวทในอดีตหรือ”
ทว่า…
แม้พวกเขาจะรู้สึกว่าวิธีการซุ่มโจมตีนั้นจะไม่เลว แต่พวกเขาก็ไม่แนะนำให้อ๋าวอี่ใช้กลวิธีคดโกงเช่นนี้
แต่อ๋าวอี่กลับกล่าวว่า “บัดนี้กองทัพทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากัน พวกเขาจะต่อสู้กันอย่างไร เมื่อเทียบกับความภาคภูมิใจที่ไร้ประโยชน์และไม่จำเป็นนั้น ข้าสนใจชีวิตของผู้คนของข้ามากกว่า!”
ทันใดนั้นเหล่าปรมาจารย์มังกรหลายคนในรุ่นราชามังกรก็ล้วนพยักหน้าและปฏิบัติบัญชาของเขา
กฎของเผ่ามังกรนั้นเข้มงวดมาก ในการต่อสู้ครั้งนี้ อ๋าวอี่ถือตราบัญชาการทัพเข้าควบคุมและมีอำนาจในตัดสินใจทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นสองสามวันต่อมา…
ไม่นานหลังจากนั้น กองทหารเซียนมังกรวารีสามพันนายและปรมาจารย์มังกรหลายสิบคนจากวังมังกรก็เดินทางมาถึงทะเลทักษิณอย่างลับๆ และซ่อนตัวอยู่ในบริเวณน่านน้ำทะเลใกล้เมืองอันสุ่ย
แน่นอนว่า พวกเขาไม่อาจปกปิดที่อยู่ของตนจาก ‘ศัตรู’ ที่จ้องมองไปในเส้นทางน้ำได้
และในขณะนั้น กองทหารของวังมังกรกำลังถูกยุงดำสองสามตัวจับตามองอยู่แล้ว
สองสามวันต่อมา ในส่วนลึกของโลก กลุ่มทหารเซียนมังกรวารีจำนวนหนึ่งได้มารวมตัวกัน พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและไม่ปรากฏตัว และไม่ว่าปรมาจารย์เผ่ามังกรจะระมัดระวังและใช้วิธีการปกปิดที่ยอดเยี่ยมเพียงใด…ร่องรอยของทหารเซียนมังกรวารีเหล่านี้ก็ยังคงถูกเฝ้าติดตาม
อย่างไรก็ตาม คนที่เฝ้าติดตามพวกเขาคือเทพแห่งท้องทะเลที่จัดการทุกอย่างเอาไว้แล้วในระยะเวลาอันสั้น
จะมีสักกี่คนที่คิดเรื่องนี้ได้…เผ่ามังกรซึ่งเคยหยิ่งผยองมาโดยตลอด จะมาที่นี่ด้วยความระมัดระวังตัวขนาดนี้ทั้งที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
หลี่ฉางโซ่วเห็นทหารเผ่ามังกรเกือบสามหมื่นนานเริ่ม ‘หมุน’ ไปข้างหน้า พวกเขาสร้างกับดักตื้นหนึ่งชั้นและลึกหกชั้น รวมเป็นเจ็ดชั้นอยู่ใต้ภูเขาที่แห้งแล้งที่พวกเขาเลือกเอาไว้ล่วงหน้า! ในขณะที่ปรมาจารย์ทั้งหมดก็ร่วมมือกันเพื่อปกปิดร่องรอยที่อยู่ของพวกเขา…
ในที่สุด น้ำหนักหนึ่งในห้าของหินก้อนใหญ่ในหัวใจของหลี่ฉางโซ่วก็ถูกยกขึ้นได้เสียที
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้อยู่เฉยๆ เลยในสองสามวันนี้
เขาจัดส่งทูตเทวะและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปยังเหล่าวิหารที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดความขัดแย้งในหมู่สานุศิษย์ผู้ศรัทธามากที่สุด นอกจากนี้เขายังขอให้ทูตเทวะเอาใจเหล่าผู้ศรัทธาล่วงหน้า
มีโอกาสสูงที่อีกฝ่ายจะเริ่มลงมือจากความขัดแย้งระหว่างหมู่สานุศิษย์ผู้ศรัทธาที่เป็นมนุษย์…
ตามที่คาดการณ์ไว้ พื้นที่การซุ่มโจมตีของกองทัพมังกรเพิ่งถูกตั้งขึ้นได้เพียงหกวันเท่านั้น และหลายสำนักที่อยู่ติดกับสำนักเทพทะเลทักษิณได้รวบรวมผู้ศรัทธาจำนวนมากและเริ่มรีบเร่งไปยังเมืองใหญ่หลายแห่งของสำนักเทพทะเลทักษิณ…
มันเป็นการต่อสู้ระยะประชิดติดอาวุธข้ามเมืองจริงๆ
กองกำลังในโลกมนุษย์ก็ได้ส่งกองกำลังไปตรวจสอบพวกเขาด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาไม่กล้ายั่วยุบรรดาสานุศิษย์เหล่านี้
แน่นอนว่า บรรดาสานุศิษย์เหล่านั้นต้องการทำลายวิหารเทพทะเล
อันที่จริง พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนจน ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาเกี่ยวพันในเรื่องนั้นเพราะทรัพย์สมบัติบางอย่าง…
หลี่ฉางโซ่วไม่อยากพัวพันกับกรรมร้ายใดๆ ดังนั้นเขาจะไม่โหดเหี้ยมกับพวกเขาอย่างแน่นอน
ในกลยุทธ์ของเผ่าพันธุ์มังกร เขายังได้กล่าวซ้ำๆ กับเผ่าพันธุ์มังกรว่า พวกเขาไม่อาจทำร้ายมนุษย์ได้ และในสองสามวันต่อมา บรรดาสานุศิษย์หลายพันคนจากสำนักอื่นก็พบวิหารหนึ่งภายนอกเมือง…
ในยามเที่ยงวันท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
ที่หน้าวิหารเทพทะเล มีชายหนุ่มร่างแกร่งกำยำชูไม้เรียวยาวแล้วตะโกนว่า
“เทพแห่งท้องทะเลทักษิณเป็นเทพเจ้าชั่วร้ายที่สามารถสะกดลวงใจผู้คนได้!
จงทำลายสถานที่แห่งนี้และให้ผู้คนมากขึ้นศรัทธาในเทพหลีหม่าของเรา!
ทำลาย!”
แล้วในขณะนั้น มนุษย์หลายพันคนก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างทรงพลังน่าเกรงขาม!
จากนั้นพวกเขาก็ยกจอบ ท่อนไม้ และขวาน แล้วตะโกนคำขวัญขณะที่พวกเขาพุ่งไปที่วิหารเทพทะเลที่ปิดแน่นอยู่…
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ประตูของวิหารเทพทะเลก็เปิดออกขณะที่ผู้คนหลายพันคนอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบจั้ง! แล้วชายร่างกำยำงามสง่าสองคนในชุดเกราะก็กระโดดออกมาและร้องคำรามออกมาพร้อมๆ กัน
“ช้าก่อน!”
เหล่าฝูงชนทมิฬล้วนตื่นตกใจกลัวผู้พิทักษ์ประตูที่ดุร้ายทั้งสองนี้ขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาทั้งหมดก็หยุดชะงักอย่างรวดเร็ว
ในบรรดามนุษย์ธรรมดาเหล่านี้ มีเงาสีดำสองสามตัวที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางมนุษย์และกำลังจะลอบโจมตี ทว่าทันใดนั้น พวกมันก็พลันขมวดคิ้ว และแอบสังเกตอยู่ครู่หนึ่งอย่างลับๆ
ในขณะนั้น ชายร่างใหญ่กำยำที่อยู่ทางซ้ายก็ถามฝูงชนว่า “พวกเจ้า…มาที่นี่เพื่อทำลายวิหารเทพทะเลของเราหรือ”
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำพวกเขาก่อนหน้านี้พลันกัดฟันและร้องตะโกนว่า “ใช่แล้ว! เจ้าพวกหลอกลวง เทพปลอม เทพปีศาจ!”
“ได้โปรด!”
ชายผู้แข็งแกร่งกำยำสองคนล้วนตะโกนออกมาพร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็หันกายและผายมือเพื่อเชิญให้อีกฝ่ายเข้าไป
ชั่วขณะนั้น หนึ่งในนั้นหยิบกลองเล็กออกมาแล้วตบเบาๆ
จากนั้นชายร่างใหญ่กำยำอีกคนก็ร้องตะโกนตามจังหวะและเริ่มตะโกนสุดขั้วปอดว่า “ทุกคนที่นี่ล้วนนับเป็นสหายของเรา โปรดฟังข้า! ทุบรูปปั้นในวัดได้ แต่อย่าทำร้ายคนอย่างโหดเหี้ยม! ประตูกว้างเพียงยี่สิบฉื่อ ดังนั้นอย่าเบียดเสียดกันผ่านไป! ก่อนจะทุบประตู ทุบกำแพง ทำลายลาน และทุบรูปปั้น! ทุกคนอย่าตกใจ! จงทำทีละคน! รูปปั้นนั้นไม่มีค่ามากนัก แต่คนจะตายได้ด้วยความแออัดเกินไป! เราสองคนจะจากไปทันที ทุกคน จงหยุดพักหลังจากทุบมันแล้ว ยังมีอีกรอบหลังจากนั้น!”
หลังจากนั้นชายร่างใหญ่สองคนก็ประสานมือและโค้งคำนับให้และหยุดเสียงกลอง “เชิญพวกท่านตามสบาย!”
“อีกรอบ!” “พวกเจ้าทำอันใดกันนี่! ให้มาฟังเพลงหรืออันใดกัน!!” ท่ามกลางเสียงอึกทึก ชายทั้งสองก็รีบถอยเข้าไปในวิหาร ภายใต้สายตาของทุกคน พวกเขารีบวิ่งไปที่หลังวิหาร…
พวกเขาปีนข้ามกำแพงและหนีไปอย่างรวดเร็ว…
ในพริบตานั้น กลุ่มมนุษย์ธรรมดาสับสนในทันที แต่ทันใดนั้นก็มีคนรับเป็นผู้นำและรีบเข้ามาก่อน กลุ่มผู้ศรัทธาจากกลุ่มอื่นๆ พังกำแพงและรีบไปที่วิหารเทพทะเลทันที
ใต้พื้นดิน ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งหลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตอยู่ก็ยิ้มออกมา
ตราบเท่าที่พวกเขาไม่เพิ่มกรรมร้ายก็เพียงพอแล้ว การทำลายวิหารจะส่งผลให้สูญเสียความมั่งคั่งของสำนักเทพทะเลเพียงบางส่วนเท่านั้น
…
ในขณะนั้น ในถ้ำแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนของดินแดนเทวะประจิม ผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่แอบดูภาพเหตุการณ์นี้ผ่านหุ่นยุงเลือดก็ตะลึงงงงันทันทีเช่นกัน…
นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน
แต่ในไม่ช้าหุ่นยุงเลือดที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจัดเตรียมไว้อย่างลับๆ ก็พบลมปราณมังกรหลายสิบตัวที่รีบพุ่งเข้าหาวิหารเทพทะเลซึ่งถูกทุบทำลายนั้นอย่างรวดเร็วมาก
และไม่นานหลังจากนั้น กองทัพมังกรที่ยิ่งใหญ่ในทะเลทักษิณนั้นก็ได้เริ่มลอยขึ้นสู่ผิวน้ำทะเลเพื่อรวมพลแล้ว
“หือ” ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเม้มริมฝีปากของนางและเฝ้าดูเหตุการณ์ต่อไป นางกำลังรอเวลาที่ดีที่สุดที่จะปล่อยลูกของนางออกมา…