ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 139.1 คำเตือนของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ (1)
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…มันได้ผลด้วยหรือ หมู่บ้านสงบีบให้เจ้าต้องกลายเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลหรือ พวกเผ่าพ่อมดนั่นยังพึ่งพาพลังสายโลหิตของพวกเขาเพื่อให้แข็งแกร่งราวกับวัวกระทิงและกลายเป็นทูตเทวะเพื่อสะสมความมั่งคั่ง…ในที่สุดเผ่าพันธุ์มังกรก็เข้ามาพัวพันด้วยอีกครั้ง? ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ช่างแสนอัศจรรย์ยิ่ง!”
ในหุบเขาที่ข้างลำธาร ขณะนี้ เสวียนตูกำลังหัวเราะขณะถือปลาย่าง
หลี่ฉางโซ่วพยายามอย่างดีที่สุดที่จะรักษารอยยิ้มของเขาเอาไว้ในขณะที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาหยิบปลาหลี่เหว่ยย่างสองตัวที่ตั้งใจจะมอบให้ผู้อาวุโสในสำนักและย่างพวกมันต่อไป
องค์ประกอบแรกของการเกาะต้นขาเพื่อทำความใกล้ชิดสนิทสนมกับใครสักคนคือ ความจริงใจ
จากนั้น เขาจะ…ทำในสิ่งที่อีกฝ่ายชอบและต้องการด้วยความจริงใจ
เสวียนตูหัวเราะครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “แล้วที่เหลือเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นในภายหลังบ้าง เล่าต่อสิ ข้าจะไม่ฟังเรื่องราวของเจ้าให้เสียเวลาเปล่าหรอก หลังจากนั้น เจ้าจะสามารถเลือกพลังและทักษะเวทของสำนักได้ หากข้ารู้ เจ้าก็ย่อมเรียนรู้มันได้ แล้วข้าจะสอนให้เจ้าเอง”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วไม่ค่อยยินดีเท่าใดนักเมื่อได้ยินคำเช่นนี้ เขาถอนหายใจเบาๆ และกล่าวถึงวิธีที่เขาจัดการกับสำนักเทพทะเลทักษิณ
และอีกอย่าง เขายังตอบท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูว่า เหตุใดเขาถึงต้องมาเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกร
เมื่อเสวียนตูได้ยินว่า ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วไม่มีปรมาจารย์คอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังเขา ดังนั้นเขาจึงพยายามทำให้ดูลึกลับและจงใจพูดอย่างไม่เต็มใจเพื่อสร้างความสับสนให้เผ่าพันธุ์มังกรทำให้พวกเขาคิดเช่นนั้น…ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงอดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ เขายังชมเชย ‘แผนอัจฉริยะ’ ของหลี่ฉางโซ่วและยกย่องสติปัญญาของเขา
“แน่นอน เจ้าฉลาดเฉียบแหลมยิ่ง ไม่แปลกเลยที่ท่านอาจารย์จะช่วยปกปิดความลับแห่งสวรรค์ให้เจ้า!”
เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นนัก
ท่านจอมปราชญ์เทพ…จำข้าได้จริงๆ ใช่หรือไม่
หลังจากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักถึงกรรมได้ทันที
การเข้าสู่สวรรค์ของเผ่ามังกรควรเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักดิ์ศรีและอำนาจยิ่งใหญ่ของศาลสวรรค์
เห็นได้ชัดว่าท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพของเขาต้องการสนับสนุนศาลสวรรค์ แม้แต่ร่างผู้สูงส่งอย่างบรรพชนไท่ชิงก็ยังยืนหยัดเพื่อองค์เง็กเซียน
เมื่อท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพบรรพชนไท่ชิงค้นพบว่าการเข้าสู่สวรรค์ของเผ่ามังกรจะสามารถเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้นได้โดยผ่านสำนักเทพทะเลทักษิณ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจช่วยที่ปกปิดความลับของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เผ่ามังกรและสำนักบำเพ็ญประจิมสืบสวนและค้นพบเรื่องนี้…
และนั่นย่อมสมเหตุผล
หลี่ฉางโซ่วหวนคิดในใจและรู้สึกว่าเวลาที่ท่านจอมปราชญ์เทพได้ช่วยเขาปกปิดความลับแห่งสวรรค์ น่าจะเป็นครั้งที่เขาได้พบกับจักรพรรดิหยกองค์เง็กเซียน…
แต่เขาก็ไม่อาจสรุปได้ เขาไม่กล้าเดาความคิดของท่านจอมปราชญ์เทพ
ข้าไม่ได้เผาธูปเสียไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ!
“ฉางโซ่ว” เสวียนตูกล่าวพลางยิ้ม “เวลานี้ท่านอาจารย์ได้มอบหมายภารกิจให้ข้าแล้ว เขาต้องการให้เรานำเผ่ามังกรมาสู่ศาลสวรรค์ เจ้าคิดเห็นเช่นไร”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ศิษย์จะปฏิบัติตามการเตรียมการของท่าน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างเชื่อฟังขอรับ”
“เมื่อครู่ ข้าได้ยินเจ้ากล่าวว่า หากท่านผู้อาวุโสมีประสงค์ใด ศิษย์ย่อมจะทำให้ดีที่สุด”
เสวียนตูหรี่ตาพลางแย้มยิ้ม “ในเมื่อเจ้าได้เริ่มดำเนินการเรื่องนี้ไปแล้ว เราก็มาทำกันต่อ อย่างไรก็ตาม เผ่าพันธุ์มังกรนั้นมักหยิ่งยโสและดูถูกศาลสวรรค์อยู่เสมอ เมื่อจักรพรรดิปีศาจก่อตั้งศาลปีศาจและเหล่าปีศาจอยู่ในความเรืองโรจน์สูงสุด พวกเขาก็ทำได้เพียงให้เผ่ามังกรเป็นได้เพียง ‘แขก’ เท่านั้น แม้เผ่ามังกรจะขาดบุญและโอกาส และพลังของมังกรก็ค่อยๆ ลดลง แต่ในตอนนี้ หากไม่มีภัยพิบัติ ก็เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะทำลายความเย่อหยิ่งของพวกเขาลงได้”
จากนัยแห่งถ้อยคำของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการให้หลี่ฉางโซ่วคิดหาวิธีฝึกฝนเผ่าพันธุ์มังกร
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
ด้วยฐานะที่เขาเป็นเพียงศิษย์น้อยของสำนักเซียน บ่าของเขาบอบบางเกินกว่าจะแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้!
ทว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่แม้แต่จะกะพริบตาเลยจริงๆ เมื่อออกบัญชาให้ศิษย์น้อยของเขา
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่…”
หลี่ฉางโซ่วมีท่าทีอึดอัดขณะกล่าวว่า “เดิมทีศิษย์ใช้พลังของเผ่ามังกรเพื่อปกป้องสำนักเทพทะเลทักษิณ นั่นก็ทำให้ศิษย์รู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว เวลานี้ หากให้ศิษย์จงใจวางแผนกับเผ่ามังกรอีกครั้ง…”
“เช่นนั้นก็รอให้ข้าคาดการณ์ก่อน”
เสวียนตูบีบนิ้วคาดคำนวณขณะที่แทบจะกลั้นรอยยิ้มของเขาเอาไว้ไม่ได้ แล้วแสร้งเผยสีหน้าจริงจังแทน
“เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย ยามนี้ จอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองกำลังจะนำเผ่าพันธุ์มังกรมาอยู่ภายใต้บัญชาของพวกเขา และพวกเขาเริ่มลงมือโจมตีแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแอบกดดันเผ่ามังกรให้ยอมจำนน…เชอะ ผ่านไปหลายปีแล้ว พวกเขาก็ยังคงใช้กลวิธีเดิม”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ มันจะดูไม่เหมาะสมหรือไม่ขอรับที่เราพูดถึงเรื่องนี้เช่นนี้”
“ไม่ต้องห่วง” เสวียนตูกล่าว “เจ้าพูดได้ตามต้องการเมื่ออยู่ห่างจากข้าสิบฉื่อ”
หลี่ฉางโซ่วพลันยกย่องเขาในใจ
ในขณะนั้น เสวียนตูก็นั่งอยู่พร้อมด้วยปลาย่างที่อยู่ในมือ จากนั้น เขาก็บิเนื้อปลาออกมาแล้วส่งเข้าปากของเขาในขณะที่กำลังคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ได้เริ่มคิดถึงเรื่องพลังและทักษะเวทที่เขาจะสามารถขอได้ในภายหลัง
คงจะดีที่สุดหากเขาสามารถเรียนรู้กฎหลบหนีหรือทักษะสามารถปกปิดลมปราณของเขาได้ หรือบางทีก็เป็นเหมือนกับท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถทำให้ผู้อื่นไม่อาจใช้พลังสัมผัสเซียนตรวจสอบได้…
หือ? หลี่ฉางโซ่วโต้ตอบแล้วรีบถามว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านหมายถึงท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคนได้ลงมือจัดการกับเผ่าพันธุ์มังกรแล้วหรือขอรับ”
เสวียนตูกล่าวตอบว่า “ถูกต้อง ความลับสวรรค์ถูกเปิดเผยแล้ว วันนี้มีภัยพิบัติบางอย่างเกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์มังกร แต่ขณะนี้ข้าไม่กังวลแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วอดจะหัวเราะพลางส่ายศีรษะไม่ได้
เสวียนตูรู้สึกว่าศิษย์น้อยของเขาน่าสนใจจริงๆ ไม่เพียงแต่เขาจะน่าสนใจ แต่อารมณ์ของเขาก็น่าสนใจเช่นกัน ดูเหมือนจะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายในตัวเขา
เสวียนตูถามต่ออีกว่า “มีอะไรอีกบ้างหรือไม่”
“ก่อนหน้านี้ ศิษย์สัมผัสได้ว่า สำนักเทพทะเลกำลังตกอยู่ในอันตราย…”
จากนั้นหลี่ฉางโซวก็ได้เล่าเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณอย่างละเอียดให้แก่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู
“ปรากฏว่าคำโกหกที่ข้าบอกกับเผ่ามังกรได้เผยความจริงออกมาแล้ว จึงไม่แปลกที่เผ่าพันธุ์มังกรจะมั่นใจมากเช่นนั้น”
“ฮ่าๆๆๆ…”
เสวียนตูหัวเราะอีกครั้ง ดูเหมือนว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจะมองโลกในแง่ดีกับความคิดของหลี่ฉางโซ่ว…
เขามีความสุข
และในไม่ช้า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ตบไหล่ของหลี่ฉางโซ่ว และกล่าวว่า “ทำได้ดีมาก! บัดนี้ ข้าเข้าใจความหมายของท่านอาจารย์แล้ว เจ้าจะรับผิดชอบเรื่องเผ่ามังกรเข้าสู่สวรรค์ หากเจ้าประสบปัญหาใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เจ้าจะอยู่ในสำนักตู้เซียน…แปลก เจ้าอยู่ที่นี่ แล้วเหตุใดจึงวางแผนได้มากมายถึงเพียงนี้”
“ศิษย์มีเคล็ดวิชาที่ตื้นเขินอย่างหนึ่งซึ่งเรียกว่า การสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าปิดบังสิ่งใด จากนั้นเขาจึงหยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาจากแขนเสื้อของเขาทันที “ข้าดัดแปลงมันโดยอาศัยวิธีการจำแลงกายนอกร่างขอรับ”
ในขณะนั้น เสวียนตูก็จ้องไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และหลี่ฉางโซ่วก่อนจะส่ายศีรษะ
เขาฝึกฝนมาเพียงไม่ถึงสองร้อยปี แต่ร่างกายและวิธีการจำแลงกายนอกร่างของเขา…“หากไม่เป็นเพราะว่าท่านอาจารย์ไม่อนุญาตให้ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์ ข้าก็อยากจะลากเจ้าเข้าไปในวังดุสิตจริงๆ แต่ฉางโซ่ว ข้ามีบางสิ่งที่ต้องเตือนเจ้า”
หลี่ฉางโซ่วเผยสีหน้าจริงจังทันทีขณะนั่งลงบนหินและตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง
ดวงตาของเสวียนตูเต็มไปด้วยความทรงจำในขณะที่กล่าวช้าๆ ว่า “โลกบรรพกาลไม่ได้สงบสุขอย่างที่เจ้าคิด”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
เขาคิดว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แน่นอนว่า เขาเข้าใจความจริงนั้นแล้ว
ทว่าเมื่อได้ยินปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูถอนหายใจอยู่ข้างๆ เขา หลี่ฉางโซ่วก็เผยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมเพื่อให้ความร่วมมือกับเขา…
เสวียนตูกล่าวว่า “ในสมัยโบราณ เวลานั้น ข้ายังไม่เกิด แต่อย่าเพิ่งพูดถึงมันในยามนี้เลย ในสมัยโบราณ มีอัจฉริยะและผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่ทำให้โลกตื่นตะลึง แต่ในที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
ในโลกบรรพกาล สิ่งที่พบได้บ่อยมากที่สุดก็คือการวางแผนร้ายต่อผู้อื่น…”