ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 143.1 ปรมาจารย์ใหญ่แห่งยอดเขาหยกน้อย (1)
ดูเหมือนว่า ปรมาจารย์ท่านนี้จะผ่านความลำบากมากเกินกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้จากกรณีที่เลวร้ายที่สุดเมื่อก่อนหน้านี้…
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่อาจารย์ของเขาที่กำลังถอนหายใจและคร่ำครวญอยู่บนก้อนเมฆต่อหน้าเขาด้วยสีหน้าเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามระงับโทสะของเขา ขณะที่ความคิดหนึ่งแวบผ่านเข้ามาในใจของเขา
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเข้าสู่สำนักครั้งแรก เขามองไปที่แผ่นจารึกในกระท่อมมุงจากของอาจารย์ของเขา และปฏิบัติต่อหลินเจียงซานเหรินในฐานะที่นางเป็นนักพรตเต๋าชราที่มีเมตตา
แน่นอนว่าบุรุษหรือสตรีย่อมไม่สำคัญ
ทว่า…ปรมาจารย์เจียงหลินเอ๋อร์ที่มีใบหน้าและรูปร่างของเด็กสาวผู้นี้ มีแนวโน้มว่านางจะตกหลุมรักใครสักคนและแก้ไขรูปร่างหน้าตาของนางเมื่อนานมาแล้ว
และนั่นอาจเป็นกรรมจากหายนะแห่งความรัก
เพื่อจะฝ่าทะลวงด่าน นางจึงออกไปฝึกฝนแล้วก็กลับมาเพื่อปกป้องตัวเอง นางได้รับบาดเจ็บและหมดแรง แต่ไม่ได้รักษาบาดแผลของนางที่ทิ้งร่องรอยจางๆ ไว้มากมายตามร่างกายของนางราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
จึงเป็นไปได้มากที่ปรมาจารย์ของเขาจะมี ‘วัฏ’ อื่นอยู่แล้ว และนั่นจะเกี่ยวข้องกับกรรมมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้น เห็นได้ชัดว่านางมีอารมณ์ร้าย สายตาของนางดุร้าย มีหน้าอกแบนราบและรูปร่างเตี้ย…
แค่กๆ ดูเหมือนว่านางจะผสมผสานกับบางสิ่งที่พิเศษกว่านั้น
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่อาจารย์ลุงจิ่วอูและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุง รีบไปยอดเขาตันติ่งและขอให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนรีบไปที่ยอดเขาเซียนหลินเถิดขอรับ”
จิ่วอูฉงนจึงกล่าวถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงอยากให้เฒ่าพิษผู้นั้นไปที่ยอดเขาเซียนหลิน”
หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงว่า “เพื่อช่วยหยุดการต่อสู้ในภายหลังขอรับ”
คิ้วสั้นทว่าดูมีอำนาจของจิ่วอูขมวดมุ่นอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ในทันทีแล้วดึงคู่บำเพ็ญเต๋าของเขาลงมา
ชั่วขณะนั้น จิ่วอูยืนเขย่งเท้าของเขาขณะที่จิ่วซือย่อกายของนางลงมา ทั้งสองกระซิบบางอย่างที่หูของกันและกัน จากนั้นจิ่วอูก็หันหลังกลับและรีบขี่เมฆไปที่ยอดเขาตันติ่ง ในขณะที่จิ่วซือบินไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์
ในอีกด้านหนึ่งนั้น นักพรตเต๋าฉีหยวนเพียงแค่เล่าสรุปง่ายๆ ให้อาจารย์ของเขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น…
แต่เจียงหลินเอ๋อร์กำหมัดแน่นเล็กน้อยขณะที่กัดฟันก่นด่าสาปแช่งออกมา
“เจ้ารอง นั่นคือสิ่งที่ข้าสอนเจ้าอย่างนั้นหรือ มีคนชวนให้เจ้าไปที่นั่นใช่หรือไม่”
ฉีหยวนก้มศีรษะลงพลางถอนหายใจและกล่าวได้เพียงว่า “ศิษย์โง่เขลา โปรดลงโทษศิษย์ด้วยเถิดขอรับ ท่านอาจารย์!”
“ข้าจะกลับไปที่ยอดเขาเพื่อทบทวนตัวเอง” เจียงหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างสงบ “ข้าจะไปพบสหายเก่าสองสามคนและกลับมาสั่งสอนเจ้าในเรื่องนี้อีกครั้ง”
“เอ่อ…ขอรับ”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นขณะลุกขึ้นทันทีและหันกลับไปมองศิษย์สองคนของเขา
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ยังมีศิษย์สองคนด้วยขอรับ…ฉางโซ่ว หลิงเอ๋อร์ พวกเจ้าทั้งสองคน อย่าเพิ่งยืนตกใจอยู่ตรงนั้น รีบมาคารวะท่านปรมาจารย์ของพวกเจ้ากันเร็วๆ!”
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วและหลานหลิงเอ๋อร์จึงขับเมฆไปข้างหน้าด้วยกันและโค้งคำนับด้วยความเคารพ
ผู้บำเพ็ญมีความใส่ใจเป็นพิเศษกับการคุกเข่าให้สวรรค์และปฐพี คุกเข่าต่อหน้าจอมปราชญ์เทพ และหากไม่ใช่เพราะอารมณ์ พวกเขามักจะไม่ก้มหัวให้ผู้ใดโดยตรง พวกเขามักจะทำการคารวะเต๋า
“น้อมพบ ท่านปรมาจารย์”
“เจ้ารอง เจ้ารับศิษย์ด้วยหรือ”
เจียงหลินเอ๋อร์ฝืนยิ้มออกมาเพื่อระงับโทสะของนางเอาไว้ชั่วคราว
จากนั้น นางก็หยิบแหวนหยกสองวงออกมาจากเอวของนางแล้วห่อหุ้มด้วยพลังเซียนก่อนจะมอบให้แก่หลี่ฉางโซ่วและหลานหลิงเอ๋อร์ นางพยายามแสดงความเมตตาและความอ่อนโยนของนางอย่างเต็มที่ในฐานะปรมาจารย์ของพวกเขา
เมื่อมองใกล้ๆ ใบหน้าของเจียงหลินเอ๋อร์ก็นับว่าโดดเด่นเช่นกัน
แต่รัศมีแห่งจิตสังหารที่ดุร้ายบนร่างกายของนางนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งจนหลิงเอ๋อร์ยังไม่กล้ามองนางโดยตรง
เจียงหลินเอ๋อร์กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเป็นปรมาจารย์ ข้าไม่รู้จะพูดอะไรกับพวกเจ้าดี อาจารย์ของพวกเจ้าเป็นเซียนจั๋ว พวกเจ้าย่อมได้รับความเดือดร้อนบ้าง เดิมทีของเหล่านี้เตรียมไว้สำหรับอาจารย์และอาจารย์ป้าของพวกเจ้า แต่ข้าจะให้พวกเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง พวกเจ้ากลับไปที่ยอดเขากับอาจารย์ของพวกเจ้าก่อน ข้าจะไปจัดการเรื่องบางอย่าง”
หลังจากนั้น เจียงหลินเอ๋อร์จึงเหลือบมองหลิงเอ๋อร์ และหลี่ฉางโซ่วเพียงไม่กี่ครั้ง จากนั้นจึงก้าวออกไปข้างหน้าด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้าประตูสำนัก
ผู้อาวุโสสองคนที่ต้อนรับนางกลับมาตระหนักว่าในขณะนี้ มีบางอย่างผิดปกติกับเจียงหลินเอ๋อร์และติดตามนางจากทางด้านหลังในทันที
หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวว่า “ศิษย์หลานเจียงหลินเอ๋อร์ ในเรื่องนี้สำนักได้ลงโทษผู้กระทำความผิดแล้ว…”
แต่เจียงหลินเอ๋อร์ไม่ตอบขณะที่เดินไปที่ประตูสำนักอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ที่ด้านหลังประตู กำแพงแสงของค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาก็สั่นไหวเบาๆ ในขณะที่เซียนผู้พิทักษ์ประตูลังเล ด้วยไม่แน่ใจว่าควรปล่อยให้นางเข้าไปหรือไม่
ในขณะนั้น เจียงหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างสงบว่า “เมื่อข้าออกจากสำนัก ข้าได้รับอนุญาตจากสำนักให้ทำเช่นนั้น เมื่อข้าทะลวงขอบเขตพลังและกลับมาแล้ว สำนักจะดูหมิ่นข้าที่เปื้อนเลือดหรือ”
“เอ่อ…”
เซียนผู้พิทักษ์ประตูสองคนต่างมองกันและกัน และทันใดนั้นอาวุธเวทในมือของพวกเขาพลันสว่างวาบขึ้นพร้อมกันแล้วประตูก็เปิดออก
ชั่วขณะนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ประสานมือแล้วโค้งคารวะให้พร้อมกับกล่าวขอบคุณพวกเขาก่อนจะเข้าสู่สำนัก
ทันทีที่นางก้าวเข้าไปในค่ายกล นางก็หยุดลงอย่างนุ่มนวล
ในขณะนั้น เท้าที่ดูราวกับหยกของนางซึ่งดูเหมือนจะมีขนาดเท่าฝ่ามือ ได้เหยียบย่างลงบนแผ่นหินแข็งที่ปกคลุมไปด้วยกฎห้ามในสำนัก ทำให้เกิดรอยแตกคล้ายใยแมงมุม…
ในชั่วพริบตาต่อมา ร่างของเจียงหลินเอ๋อร์ดูปานประหนึ่งลูกศรที่พุ่งออกจากสายธนู แล้วลากแสงโลหิตที่เฉียบคมออกมากลางอากาศและพุ่งไปที่ยอดเขาเซียนหลิน!
ในเวลาต่อมา ผู้อาวุโสเซียนเทียนทั้งสองก็รีบตามนางไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามความเร็วในการบินของพวกเขานั้นยังช้ากว่าเจียงหลินเอ๋อร์มาก!
หลี่ฉางโซ่วเลิกคิ้วและยิ้มในขณะที่หลิงเอ๋อร์พึมพำเบาๆว่า “ศิษย์พี่ ท่านปรมาจารย์ช่างทรงพลังน่าทึ่งจริงๆ”
ขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังเอ่ยอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ซึ่ง แผ่กระจายออกไปทั่วค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา “อาจารย์ของไขว่ซือจากยอดเขาเซียนหลิน จงออกมา” ฉีหยวนซึ่งกำลังจะกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยเพื่อรออาจารย์ของเขา ในที่สุดก็ตอบสนอง เขารีบตะโกนว่า “ฉางโซ่ว! เร็ว! รีบไปและเกลี้ยกล่อมแล้วพาท่านปรมาจารย์ของเจ้ากลับมา!”
“หลิงเอ๋อร์ตามอาจารย์กลับไปที่ยอดเขาหยกน้อย”
หลี่ฉางโซ่วหันหลังกลับและเข้าไปในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา เขาขี่เมฆและค่อยๆ ลอยไปที่ยอดเขาเซียนหลิน พักเรื่องอื่นไว้ก่อน…แต่ความจริงที่ว่าปรมาจารย์ของเขาไม่ได้มองนักพรตเต๋าไขว่ซือ นางกลับตรงไปหาอาจารย์ของนักพรตเต๋าไขว่ซือโดยตรง ทำให้หลี่ฉางโซ่วทึ่งอย่างยิ่งจริงๆ
ทันใดนั้น เสี้ยวพลังเซียนเทียนพลันปรากฏขึ้นเล็กน้อยแผ่กระจายออกไปทั่วยอดเขาเซียนหลิน ในเวลานี้เจียงหลินเอ๋อร์ยืนเงียบๆ ในอากาศ ขอบกระโปรงชุดเกราะต่อสู้ของนางสะบัดพลิ้วไหวเล็กน้อย และเส้นผมยาวของนางก็ปลิวไสวไปในสายลม
ปรมาจารย์ท่านนี้…
ยิ่งหลี่ฉางโซ่วมองดูนางมากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านางไม่เลว
เจียงหลินเอ๋อร์รีบไปที่ยอดเขาเซียนหลิน และท้าทายอาจารย์ของไขว่ซือโดยตรง
ชั่วเวลานั้น ปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาเซียนหลินก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับผู้อาวุโสของสำนัก ในขณะที่เจียงหลินเอ๋อร์ไม่สนใจพวกเขาและต้องการคำอธิบายทำให้พวกเขาพูดไม่ออก
อาจารย์ของไขว่ซือ ผู้อาวุโสเซียนเทียนที่หลี่ฉางโซ่วเฝ้าจับตาดูมาเป็นเวลานานได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เจียงหลินเอ๋อร์กล่าวถามว่า “เจ้าหรือ” อีกฝ่ายเพียงพยักหน้าและก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวอะไร แสงสีเลือดก็สาดประกายเบ่งบานอยู่ในมือของเจียงหลินเอ๋อร์ และหลังจากนั้นมันก็พุ่งเจาะทะลุผ่านไหล่ซ้ายของอาจารย์ของไขว่ซือทันที!
ในการโจมตีครั้งนี้ นอกจากหลี่ฉางโซ่วแล้ว ก็ไม่มีเซียนเทียนคนใดบนท้องฟ้าที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เจียงหลินเอ๋อร์โจมตีอย่างไร
อาจารย์ของไขว่ซือถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ไหล่ซ้ายของเขาถูกแทงทะลุด้วยแสงสีเลือดและมีเลือดไหลออกมาจากหลังของเขา ในขณะที่แสงเซียนที่ปกป้องของเขาพังทลายลงทันที!
หากมุ่งเป้าโจมตีหมายไปที่จุดชีวิตของเซียนเทียนผู้นี้ เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสและแม้กระทั่งตกตายลงได้เช่นกัน!