ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 145 ‘กลยุทธ์การต่อสู้แห่งเทพทะเล’
คืนนั้นเมื่อจิ่วจิ่วออกจากยอดเขาหยกน้อย นางก็ยกคอเสื้อขึ้นเพื่อปกปิดใบหน้าและบินหนีไปด้วยน้ำเต้าใหญ่…
หลังจากนั้น จิ่วอูและจิ่วซือจึงบอกลาโหย่วฉินเสวียนหย่าโดยไม่ให้งานหยุดชะงักไป เพราะนั่นเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยากยิ่ง
และในช่วงสุดท้ายนี้ บัดนี้ก็มีอีกคนหนึ่งมาเพิ่มเติมเข้าร่วมกับสมาชิกทั้งสามคนของยอดเขาหยกน้อย
ทะเลสาบคลื่นพระจันทร์ใสกระจ่าง และลมกลางคืนก็มาพร้อมกับแสงสีจางในยามค่ำ
ในขณะนี้ที่หน้ากระท่อมมุงจาก หลิงเอ๋อร์นำเบาะนั่งสมาธิสองใบมานั่งข้างศิษย์พี่ของนาง
ในขณะที่เจียงหลินเอ๋อร์ซึ่งมีรูปร่างเล็กกะทัดรัด กำลังนั่งขดตัวอยู่ในเก้าอี้ทรงกลม ดาบร้ายกาจยังคงอยู่กับร่าง ขณะที่นางถือไหสุราอยู่ในมือและจิบบ้างเป็นครั้งคราว
นางจะไม่ยอมให้ตัวเองเมา ไม่นานหลังจากนี้ นางก็จะดับกลิ่นสุรา นางยังคงมีสติสัมปชัญญะและเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกมึนเมาเล็กน้อย
และเมื่อไม่มีคนภายนอกอยู่ที่นี่แล้ว เจียงหลินเอ๋อร์จึงถามฉีหยวนว่าเขากลายเป็นเซียนจั๋วไปได้อย่างไร
ฉีหยวนมองไปที่ศิษย์คนโตของเขาและกระซิบว่า “ข้าใช้โอสถสลายพลังเซียนที่ฉางโซ่วได้รับมาจากผู้อาวุโสว่าน”
เจียงหลินเอ๋อร์ยิ้มบางพลางกล่าวว่า “ผู้อาวุโสว่าน ท่านช่วยยอดเขาหยกน้อยของเราได้มากจริงๆ”
ฉีหยวนพยักหน้าและตอบว่า “ท่านอาจารย์ ท่านกล่าวถูกต้อง และผู้อาวุโสว่านก็ไม่ได้พูดอะไรกับศิษย์เลยแม้แต่น้อย…”
ปึ้ก!
เจียงหลินเอ๋อร์อดจะยกมือขึ้นตบหน้าผากของฉีหยวนไม่ได้ แล้วสบถก่นด่าว่า “เหตุใดในตอนนั้นข้าถึงไม่สั่งสอนบทเรียนให้เจ้า เพื่อให้เจ้ามีสติมากขึ้น!! เจ้าเชื่อทุกอย่างที่คนอื่นพูด!”
ผู้เฒ่าฉีหยวนยิ้มขื่นและถอนหายใจ “ท่านอาจารย์ ตอนนี้ศิษย์เป็นเซียนจั๋ว ข้ามีอายุยืนยาว…
…ทั้งฉางโซ่ว และหลิงเอ๋อร์ล้วนได้รับการเลี้ยงดูมาจากข้า ข้าย่อมต้องเชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นธรรมดา”
ฝ่ามือเล็กๆ ของนางยังคงตบเขา แต่เจียงหลินเอ๋อร์ก็ไม่ได้ใช้กำลังมากนัก ในขณะที่ฉีหยวนรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความสุขในสายตาของเขา
ข้าเหมือนมนุษย์โบราณ การถูกทุบตีนั้นเป็นความสุขรูปแบบหนึ่งของข้า
ในตอนนี้ ฉีหยวนมีความสุขมากจริงๆ…
เพียงแค่ฟังเจียงหลินเอ๋อร์พร่ำสอนต่อไป
“หากเจ้าเป็นเซียนจั๋ว เช่นนั้นแล้ว เหตุใดถึงได้หดหู่เช่นนี้ ศักยภาพเดิมของเจ้าไม่ดีเท่าข้า โอกาสที่เจ้าจะได้กลายเป็นเซียนเทียนนั้นน้อยมาก ไม่ดีหรือที่จะฝึกฝนเต๋าเซียนจั๋วและใช้ชีวิตไร้ห่วงกังวลและมีอายุยืนยาวเมื่อทะลวงผ่านไปถึงเซียนเสิ่น เจียงอวี่ไม่อยากพบเจ้าจึงออกไปผจญภัย ในฐานะอาจารย์ของนาง ข้ายังไม่ห่วงนางด้วยซ้ำ แล้วเจ้าจะห่วงอะไร เจ้ายังอยากถูกอาจารย์ตีอีกใช่หรือไม่”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์…ศิษย์จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงไปยังหลิงเอ๋อร์
หลิงเอ๋อร์หยิบไพ่ของเทพแห่งการต่อสู้ออกมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านปรมาจารย์ เรามาเล่นเครื่องเล่นเล็กๆ แบบนี้กับท่านได้หรือไม่เจ้าคะ”
“โอ? อันใดกันนี่”
“ท่านปรมาจารย์ ท่านอ่านดูแล้วจะรู้เจ้าค่ะ…”
และในไม่ช้า ทั้งปรมาจารย์และเหล่าศิษย์ก็เริ่มเล่น ‘ศึกสู้มหาเทพ’ กันที่หน้ากระท่อมมุงจาก เจียงหลินเอ๋อร์ผ่อนคลายเล็กน้อยขณะที่ฉีหยวนก็หัวเราะออกมาดังๆ และในขณะที่พวกเขากำลังสนุกสนาน เจียงหลินเอ๋อร์ก็เริ่มคร่ำครวญเกี่ยวกับชีวิต แต่อันที่จริงแล้ว นางแอบพยายามชี้แนะให้นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวน
ตัวอย่างเช่น…
“เจ้ารอง ข้าก้าวผ่านไปในหลายวิถีและเข้าใจหลักธรรมมามากมาย แต่ข้าก็ยังไม่อาจใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลได้ เหตุใดหรือ เพราะข้ามีห่วง มนุษย์ทุกคนล้วนมีความห่วงกังวลและอารมณ์ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไร้หัวใจจริงๆ ไม่เป็นไร หากเจ้ามีบางอย่างในใจ ไม่เป็นไรหากเจ้าจะครุ่นคิดถึงศิษย์พี่หญิงของเจ้า แต่อย่าจมอยู่กับมันมากเกินไป ในเมื่อเจ้าได้รับเต๋าเซียนจั๋วแล้ว อายุขัยของเจ้าก็ยังคงยืนยาว แค่รู้จักใช้เวลาของเจ้า”
ฉีหยวนเฒ่าพลันพยักหน้า แล้วถอนหายใจ และจดจำคำพร่ำสอนของอาจารย์ของเขาในใจ
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเห็นเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าโอสถที่เขาเคยมอบให้เพื่อแสดงความเคารพปรมาจารย์ของเขานั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง…
เมื่อเจียงหลินเอ๋อร์อยู่ในยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในห้องลับใต้ดิน
ในขณะนั้นเขาตัดสินใจที่จะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ ‘ปรมาจารย์น้อยผู้ชั่วร้าย’ จะอยู่ในสำนักเพื่อติดตามท่านอาจารย์ผู้โดดเดี่ยวน่าสงสารและศิษย์น้องหญิงน้อยของเขา
เขาพาอาจารย์ไปตกปลาวิญญาณที่เขาเลี้ยงไว้ริมทะเลสาบ และพาท่านปรมาจารย์ของเขาไปชมความงามรอบค่ายกลเขาวงกตของยอดเขาหยกน้อย
เขาและศิษย์น้องหญิงน้อยของเขาได้ฆ่าสัตว์วิญญาณบางตัวที่กำลังอ้วนขึ้นด้วยตัวเอง เขาจัดโต๊ะไพ่นกกระจอกที่ด้านหน้าหอโอสถและหยิบ ‘ไพ่นกกระจอกรุ่นบรรพกาล’ ที่เขายังไม่ได้เลื่อนระดับให้เป็นไพ่วิหคเทพให้กับศิษย์น้องหญิงน้อยของเขา
และแน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วไม่ได้หยุดการเฝ้าติดตามยอดเขาเซียนหลิน
ส่วนยอดเขาเซียนหลิน จะแก้แค้นหรือไม่นั้น…ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมวิธีจัดการเอาไว้แล้วเมื่อเขาฆ่านักพรตเต๋าไขว่ซือ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เขาคาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ปรมาจารย์ของเขากลับมาและระบายโทสะของนางบนยอดเขาเซียนหลินอย่างกะทันหัน การเตรียมการที่หลี่ฉางโซ่วทำไว้ก็ดูเหมือนจะมีประโยชน์ขึ้นมาทันที
ตอนนี้ ยอดเขาเซียนหลิน กำลังพุ่งความเกลียดชังไปที่ปรมาจารย์ของเขาทั้งหมด
และหลังจากนี้ เมื่อท่านปรมาจารย์จะออกจากสำนักและกลับไปสู่มหาตรีสหัสโลกธาตุเพื่อท่องเที่ยวต่อไปอย่างไร้จุดหมาย…แค่กๆ ไปผจญภัย…
แน่นอนว่า ย่อมมีทั้งข้อเสียและข้อดีของมัน
ข้อเสียก็คือยอดเขาเซียนหลินจะโอนความเกลียดชังต่อนางพุ่งมาที่พวกเขาทั้งสามแทน ไม่มากก็น้อย
ข้อดีก็คือด้วยความสามารถอันตรายระดับเซียนเทียนเช่นปรมาจารย์ของเขา ที่เก่งในการต่อสู้และสังหาร ยอดเขาเซียนหลินจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าสำหรับหลี่ฉางโซ่วประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ หากเขาต้องการขจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ในอนาคต เขาก็สามารถปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ จำลองพลังลมปราณและร่างของปรมาจารย์ของเขา…
สำหรับวิธีที่เขาสามารถใช้ได้นั้นทั้งหมดขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของยอดเขาเซียนหลิน
ชะตากรรมอยู่ในมือของพวกเขาเอง และหลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงเตรียมการเพิ่มเติมเท่านั้น
ในส่วนลึกลงไปในแนวบรรจบกันระหว่างทะเลบูรพาและทะเลทักษิณ บนเกาะเต่าทองซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเต๋าที่มีชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ซึ่งค่อนข้างครึกครื้น บัดนี้ ถึงเวลาที่เหล่าเซียนจินจะออกแสดงธรรมกถาแห่งเต๋าอีกครั้ง ว่ากันว่าจะมีต้าหลัวเซียนจินปรากฏขึ้นด้วย และเหล่าผู้บำเพ็ญบนเกาะจึงมารวมตัวกันใกล้กับวิหารเหล่านั้น
ที่นั่น จักรพรรดิสวรรค์ฉินหว่าน ผู้มีความกระตือรือร้นสูงได้สร้างค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการที่เรียบง่ายและแนะนำทักษะในการสร้างค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการให้กับบรรดาสหายเต๋าของเขา
ใต้ต้นหยกข้างสระสมบัติ สายลมอ่อนๆ พัดโชยผ่านมาในขณะที่เสื้อคลุมสีเขียวของมังกรหนุ่มก็สะบัดพลิ้วไหวเบาๆ เส้นผมของเขาปลิวไสวเบาๆ พัวพันกับเขาน้อยๆ ของเขา
และที่ด้านข้างเขานั้น หานจื่อกำลังคุกเข่าบนเบาะนั่งสมาธิและช่วยฝนหมึกให้เขาต่อไป
ด้านซ้ายของตู้หนังสือมีกองม้วนตำราไม้ไผ่ แต่ถ้อยคำที่เขียนลงในนั้นล้วนถูกจารึกไว้ในใจของเขามานานแล้ว
บนผืนผ้าไหมสีทองที่กางเอาไว้ แสดงให้เห็นถึงถ้อยคำที่เขียนลงไปเป็นแถวอย่างประณีต พวกมันล้วนเป็นความพยายามของอ๋าวอี่ ที่เขียนลงไปอย่างพากเพียรในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
หลักการและแนวคิดเกี่ยวกับยุทธวิธีที่อ๋าวอี่รวบรวมจาก ‘ยี่สิบหกขั้นตอนในการล่าถอย’ และ ‘ขั้นตอนที่ยี่สิบเจ็ด กระจายเถ้าธุลี’ บัดนี้อ๋าวอี่ได้เปลี่ยนเป็นยุทธวิธีทางทหารที่มีการจัดการที่ดีและชัดเจน
เมื่อยามอาทิตย์อัสดง และเสียงพระสูตรที่อ่านก็ล่องลอยไปในอากาศบนเกาะเต่าทอง เด็กสาวที่กำลังอ่านตำราอยู่ที่ด้านข้างก็ถูกศิษย์พี่หญิงที่นางคุ้นเคยเรียกมาที่หน้าห้องโถง
มีเพียงอ๋าวอี่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขาไตร่ตรองถ้อยคำของเขาและเขียนลงไปทีละคำ
ในที่สุด เมื่อเหลือเพียงลำแสงสุดท้ายในทะเลเท่านั้น อ๋าวอี่ก็ค่อยๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและวางพู่กันในมือของเขาลง
‘กลยุทธ์การต่อสู้แห่งเทพทะเล’ เสร็จสมบูรณ์แล้ว!
อ๋าวอี่อ่านทานสองสามครั้งและอดยิ้มไม่ได้ ดวงตาใสของเขาสาดประกายไปด้วยแสงแห่งยินดีปรีดา
ยุทธวิธีการทหารที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ใช้นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ
เผ่าพันธุ์มังกรก่อตั้งขึ้นมานับไม่ถ้วน แต่เรายังขาดยุทธวิธีทางทหารที่มั่นคงเช่นนี้
ไม่รู้ว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่
อ๋าวอี่คิดเรื่องนี้ บัดนี้ในใจของเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหลับตาลงและจดจ่อจิตใจ เขาแทบจะไม่อาจใช้รูปปั้นของตัวเองเพื่อส่งเจตจำนงวิญญาณของเขาไปเชื่อมต่อกับรูปปั้นเทพเจ้าหลักข้างๆ เขาได้…
หลังจากนั้นไม่นานในเมืองอันสุ่ย และห้องโถงใหญ่ของวิหารเทพทะเล ซึ่งขยายออกไปก็เริ่มทำการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์…แค่กๆ แลกเปลี่ยนเจตจำนงวิญญาณ
หลี่ฉางโซ่วซึ่งกำลังตกปลากับอาจารย์ของเขาบนเรือ หลับตาลงและเข้าสู่ความฝัน เขาใช้รูปปั้นของเขาเพื่อสร้างความฝันและดึงเจตจำนงจิตวิญญาณของอ๋าวอี่เข้ามา
ท่ามกลางความงุนงงนั้น อ๋าวอี่เห็นหลี่ฉางโซ่วซึ่งยืนอยู่ที่เท้าของรูปปั้น เขายิ้มออกมาทันทีแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านสบายดีหรือไม่ขอรับ”
“สบายดี เวลานี้ข้ากำลังฝึกฝนในสำนักของข้าเอง”
หลี่ฉางโซ่วและอ๋าวอี่ต่างทำการคารวะเต๋าให้แก่กันและกัน อ๋าวอี่กล่าวขอบคุณด้วยความกตัญญูสองสามคำ แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้จริงจังกับมันนัก
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วก็ไว้วางใจอ๋าวอี่มาก แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ก็ตาม
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าเพิ่งจัดรวบรวมกลยุทธ์ยี่สิบหกขั้นตอนเพื่อทำให้ศัตรูถอยกลับ พวกมันได้กลายเป็นยุทธวิธีการรบ เมื่อไม่นานมานี้ เผ่าพันธุ์มังกรของข้ามีการเฉลิมฉลอง แต่ข้าไม่แน่ใจว่าจะเสนอกลยุทธ์ทางทหารนี้ให้พระบิดาของเพื่อเป็นของขวัญจากสำนักเทพทะเลได้หรือไม่ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “เจ้าควรจำกลยุทธ์การต่อสู้ที่เจ้าจัดการเอาไว้เอง”
“ไม่ต้องถามหรือ…” อ๋าวอี่คาใจ
“ไม่จำเป็น” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “คราวนี้ เป็นเพราะเผ่าพันธุ์มังกรของเจ้าถอยหนีจากศัตรูโดยไม่ได้ทำร้ายมนุษย์ และตอนนี้ ข้าก็สามารถจัดการกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างมีอำนาจเต็มที่แล้ว”
ตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากไปกว่านี้เพราะเขาสามารถให้อีกฝ่ายจินตนาการทุกอย่างได้อย่างอิสระ
หลี่ฉางโซ่วสามารถบอกอ๋าวอี่ได้โดยตรงว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเขา ผู้ซึ่งเผ่าพันธุ์มังกรเคยเห็นมาก่อน…
บัดนี้เขาถูกพระราชโองการหลอกเล่นแล้ว!
อ๋าวอี่ยิ้มอย่างมีความสุขและท่องกลยุทธ์การต่อสู้ที่เขาเอาเขียนไว้
หลี่ฉางโซ่วฟังอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง และตระหนักว่าอ๋าวอี่คิดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเขาก็เห็นด้วยอย่างง่ายดายแล้วชี้แนะอ๋าวอี่บางส่วน
หลังจากหนึ่งปีแห่งการวิเคราะห์และสรุปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้ข้อสรุปแล้วว่าเผ่าพันธุ์มังกรไม่อาจเอาชนะสำนักบำเพ็ญประจิมได้
มันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสำนักบำเพ็ญประจิมว่าจะมีความมุ่งมั่นและพร้อมที่ทุ่มเทมากเพียงใดในการปราบเผ่าพันธุ์มังกรเพื่อการใช้งานของพวกเขาเอง
หลี่ฉางโซ่วมีข้อได้เปรียบในการเข้าใจถึงการพัฒนาของสำนักบำเพ็ญประจิมในระยะต่อมา
ตอนนี้ ‘กล้วยไม้’ และ ‘หน้าไม้’ มุ่งเน้นไปที่การรุกล้ำแผ่ขยายผู้คนไปทางทิศตะวันตกเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสำนักบำเพ็ญประจิม จากนั้นพวกเขาก็จะใช้กำลังของตนเพื่อรับโชค ซึ่งช่วยให้สำนักบำเพ็ญประจิมเจริญรุ่งเรือง
และสำนักบำเพ็ญประจิมย่อมจะยอมไม่ปล่อยมังกรอ้วนๆ ชิ้นนี้
หากพลังการต่อสู้ของเผ่ามังกรแข็งแกร่งขึ้นก็จะสามารถต้านทานสำนักบำเพ็ญประจิมในอนาคตและทำให้พลังของสำนักบำเพ็ญประจิมสูญเสียไปมากกว่านี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสำนักบำเพ็ญเต๋า ศาลสวรรค์ และหลี่ฉางโซ่วเอง…
ในขณะเดียวกัน เผ่าพันธุ์มังกรก็จะสามารถอยู่ได้นานขึ้น และหลี่ฉางโซ่วยังมีเวลามากขึ้นในการวางแผนสำหรับเผ่ามังกรเพื่อเข้าสู่สวรรค์
ในเรื่องนี้ เมื่อเขาได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เขาก็จะสามารถบรรลุภารกิจที่ได้รับจากปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพให้สำเร็จได้ และยังได้รับบุญจากองค์เง็กเซียนอีกด้วย เขาต้องการสะสมทุนบางส่วนสำหรับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาเพื่อเข้าสู่สวรรค์ในอนาคต
ในปีที่ผ่านมา หลี่ฉางโซ่วได้วางแผนทุกอย่างในห้องลับใต้ดิน
อ๋าวอี่กล่าวว่า “เช่นนั้นแล้ว พี่ฉางโซ่ว ข้าจะมอบกลยุทธ์การต่อสู้ทั้งหมดนี้ให้พระบิดาของข้านะขอรับ!”
“ได้” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าเบาๆ และยิ้ม “หลังจากนั้น ข้าจะส่งสารแสดงความยินดีในนามของเทพแห่งท้องทะเลเพื่อมอบให้กับเผ่าพันธุ์มังกรไว้ที่เดิม อย่าลืมส่งคนไปรับมันนะ” อ๋าวอี่ยิ้มและพยักหน้า
หลี่ฉางโซ่วยังเตือนอ๋าวอี่ไม่ให้เปิดเผยตัวตนของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ผู้ยิ่งใหญ่เบื้องหลังในเรื่องนี้กังวลมาก และในท้ายที่สุด สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็เงียบและไม่ทำอะไรเลย มันคงเป็นเรื่องน่าขัน หากพวกเขาวางแผนที่จะได้รับบุญส่วนนั้น
ความภาคภูมิใจของจอมปราชญ์เทพย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก
อ๋าวอี่พยักหน้าหงึกหงักซ้ำๆ และกล่าวคำสาบานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก่อนที่อ๋าวอี่จะจากไป หลี่ฉางโซ่วก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมอบสิ่งหนึ่งให้อ๋าวอี่เพื่อจัดการด้วยตัวเอง ในขณะที่อ๋าวอี่ก็พยักหน้าและตกลงโดยไม่ลังเล
หลังจากออกจากความฝันแล้ว อ๋าวอี่ก็นั่งลงบนโต๊ะและตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา
พี่ฉางโซ่ว…ดูแลเผ่ามังกรอย่างจริงจังมากเกินไปแล้ว!
มังกรน้อยย่อมพอใจที่มีคนสนิทเยี่ยงนี้!
อ๋าวอี่คิดกับตัวเองในใจ
จากนี้ไปสมบัติของข้า อ๋าวอี่ จะเป็นสมบัติของพี่ฉางโซ่ว!
บุญของข้า อ๋าวอี่ คือบุญของพี่ฉางโซ่ว!
คู่บำเพ็ญเต๋าของข้า คือ…
เอ่อ น้องสะใภ้ของพี่ฉางโซ่ว…
จากนั้นเขาก็หยิบพู่กันออกมาและกางยุทธวิธีทางการทหารที่เขาเขียนออกมา เขาทำเครื่องหมายตรงจุดที่หลี่ฉางโซ่วชี้ให้เห็น และจะจัดระเบียบพวกมันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และทำภารกิจให้สำเร็จ
อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้อ๋าวอี่ยินดีที่สุดก็คือบรรยากาศของเผ่าพันธุ์มังกรกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ เนื่องจากอิทธิพลของสำนักเทพทะเล
แม้ในตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่มันก็เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ…และในเวลาเดียวกันที่ยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วก็ลืมตาขึ้นแล้วตกปลาต่อไปในขณะที่นั่งบนแพไม้ไผ่
เมื่อเขาคิดถึงอาณาจักรที่ตามมาของเผ่าพันธุ์มังกรและความเป็นไปได้บางประการที่สำนักบำเพ็ญประจิมจะเคลื่อนไหวในครั้งต่อไป…
ช่างแย่จริงๆ….
เวลาครึ่งเดือนผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้ ดวงตาของเจียงหลินเอ๋อร์เต็มไปด้วยความไม่ยินดี แต่นางก็ยังคงบอกฉีหยวนว่านางกำลังจะจากไป
หลังจากกล่าวแล้ว เจียงหลินเอ๋อร์ก็ไปที่หอไป่ฝาน และรายงานกับสำนักว่านางกำลังจะจากไปในวันพรุ่งนี้
สำนักย่อมจะไม่หยุดเซียนเทียนอย่างนางไม่ให้ออกไป
ความแตกต่างก็คือพลังการต่อสู้ของในยามนี้ของเจียงหลินเอ๋อร์นั้นได้รับการยกย่องอย่างสูงจากผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักตู้เซียน พวกเขามอบแผ่นยันต์หยกสื่อสารสามแผ่นให้นางเพื่อส่งข้อความ หากมีเรื่องเร่งด่วนในสำนัก พวกเขาจะรีบติดต่อ เรียกนางกลับไป
แน่นอนว่า เจียงหลินเอ๋อร์เห็นด้วย และกล่าวว่าหากพบศัตรูที่แข็งแกร่ง นางจะสามารถนำสหายผู้บำเพ็ญบางคนกลับมาที่สำนักเพื่อช่วยนางได้
มันเหมือนกับราชาโจรสลัด
ในคืนก่อนที่เจียงหลินเอ๋อร์จะจากไป จิ่วอูและจิ่วจิ่วมาเยี่ยมเพื่อส่งนาง และพวกเขาก็จัดงานเลี้ยงที่สนุกสนานอีกครั้ง
แต่หลังจากที่จิ่วจิ่วหนีไป จิ่วอูก็บอกลานางและจากไป จากนั้นก็มี ‘แขกผู้สูงส่ง’ อีกคนที่หลี่ฉางโซ่วไม่เคยนึกถึง
เขาคือปรมาจารย์เซียนเทียนขั้นสูงสุดของสำนัก เขาคือปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง
…………..
นิยายเรื่องนี้เข้าร่วมโปรโมชั่น
อัปเพิ่มต่อ +1
เพิ่มตอนจากปกติ เวลา 18.00 น. ตลอดช่วงแคมเปญ
18-31 พ.ค. 65 เท่านั้น!
ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
Ink Stone